ตอนที่ 1677 : พลังฝีมือฉีค่าน!
เป็นอีก 1 ค่ำคืนที่ผันผ่านไปอย่างเงียบงัน
เมื่อรุ่งอรุณมาเยือนอาทิตย์อัสดงสาดแสงขับไล่ม่านแห่งความมืด ผู้คนในหุบเขาหลิงหลงก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
ทั้งหมดรู้กันดี ว่าการคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติติดอันดับในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องกำลังจะถูกตัดสินในวันนี้!
วันนี้ 10 คนที่ติดอันดับในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องมีใครบ้างจะได้รู้กัน!
“วันนี้ ย่อมเป็นวันตัดสินแล้วว่า 10 คนไหนจะอยู่ในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องบ้าง…หากฉีจิ้งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องยังไม่มาอีก มันก็เลิกฝันเรื่องจะมีชื่ออยู่ในรายนามไปได้เลย!”
ยังมีคนไม่น้อยที่จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่ลืมฉีจิ้ง นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง
อาจเป็นเพราะแม้ฉีจิ้งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะไม่ใช่ผู้ที่มีพลังฝีมือมากที่สุด แต่ก็มีฐานะสูงส่งเหนือกว่าใคร! บิดาของมันคือผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง! ขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตอิทธิพลหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!!
“หากมันมิอยากเสียสิทธิ์ชิงตำแหน่งผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง มันต้องมาแน่!”
บางคนกล่าวขึ้น
“มาไม่มาเดี๋ยววันนี้พวกเราก็รู้เอง”
บางคนไม่คิดสนใจ เพียงแค่รอดู
“นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ฉีจิ้ง…เจ้าต้องโผล่หัวมานะ ไม่งั้นครั้งนี้ข้าคงมาเสียเที่ยวแล้วจริงๆ”
ที่ซอกหลืบในหุบเขาหลิงหลง ต้วนหลิงเทียนที่ยืนกอดกระบี่นิลสวรรค์กล่าวพึมพำเบาๆกับตัว ยากที่ใครจะได้ยิน
ไม่นานเริ่นจงกับหลิวหงกวงก็ลงมืออย่างเคย เหินขึ้นฟ้าเปิดใช้ค่ายกลหลิงหลง ฉากทิวทัศของหุบเขาหลิงหลงมลายหาย กลายเป็นกระดานหมากหลิงหลงใหญ่โตสุดไพศาลปรากฏ เวทีเม็ดหมากทั้ง 10 ก็ลอยขึ้นไปหยุดค้างกลางหาว
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
……
เสียงพุ่งร่างแหวกฝ่าสายลมดังขึ้นระงม ทุกผู้คนที่มีพลังฝีมือในระดับหนึ่งล้วนโดดขึ้นไปยืนบนขอบเวทีประลองเม็ดหมากเพื่อชมดูการประลองใกล้ๆ
ขณะเดียวกัน จ้าวเวทีทั้ง 10 ที่อยู่จนจบวันเมื่อวาน ก็เหินร่างไปหยุดยืนตระหง่านกลางเวที เฝ้ารอผู้คนที่จะมาท้าทาย
สำหรับพวกมันทุกคน…วันนี้นับเป็นวันสำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย! พวกมันจะมีชื่ออยู่ในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องหรือไม่ ก็ต้องดูว่าพวกมันจะยืนอยู่บนเวทีประลองได้จนจบวันหรือเปล่า!!
ในบรรดา 10 คน มี 3 คนที่สงบนิ่งไม่คล้ายตื่นเต้นอะไร
3 คนดังกล่าวได้แก่ หลวงจีนเนื้อสุรา อวี้ชวีจื่อ และหยินชวีจื่อ..2 คนแรกพลังฝีมือบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลาง และประหนึ่งพวกมันจะถูกกำหนดให้มีชื่อในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องแล้วก็ไม่ปาน ส่วนหยินชวีจื่อแม้จะเป็นเซียนขัดเกลาขั้นต้น ทว่าด้วยพลังฝีมือของมัน เกรงว่าคงมีโอกาสสูงที่จะติดโผในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง!
ส่วนใน 7 คนที่เหลือ ผู้ที่เผยสีหน้าเคร่งเครียดและเป็นกังวลมากที่สุด ก็คือคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องทั้ง 2 อันมีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้น…
เพราะในบรรดาจ้าวเวทีทั้ง 10 น่ากลัวพลังฝีมือของพวกมันทั้งคู่ จะถือว่าอ่อนด้อยที่สุดแล้ว
หากมีใครขึ้นมาท้าทายพวกมันละก็ ท่าทางจะรอดยาก!
“หากไม่มีเหตุผิดพลาดอะไร วันนี้รายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องทั้ง 10 คงปรากฏชัด…ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นการจัดอันดับที่แท้จริงของการประลองสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง!”
เสียงชราหากแต่หนักแน่นหนึ่งดังขึ้นในเวลาที่เหมาะสม
“กฏการประลองพวกเจ้าคงรู้กันดีแล้ว ข้าคงไม่ต้องกล่าวซ้ำให้เสียเวลา…เริ่มประลองกันเลยเถอะ!”
เริ่นจงกล่าวออกเบาๆ
และทันทีที่เริ่นจงกล่าวจบคำ ร่างหนึ่งก็เหินพุ่งฉับไว ไปยังใจกลางเวทีประลองเม็ดหมากหนึ่งดั่งฟ้าผ่า!
และคนผู้นี้กลับพุ่งออกมาจากกลุ่มคนคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง มันมาในชุดสีดำสนิท ใบหน้าเย็นชาไร้แยแส กลิ่นอายรอบกายคล้ายไม่เป็นมิตรกับผู้คน ไม่ใช่ใครที่ไหน…หลานชายของ ฉีเสิ่น ผู้อาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…ฉีค่าน!
“ฉีค่าน!!”
เมื่อฉีค่านขึ้นมาปรากฏตัวบนเวทีในฐานะผู้ท้าประลองคนแรก มันย่อมดึงดูดความสนใจของทุกผู้คนทันที!
ในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ถ้าถามว่าจะมีผู้ใดเทียบชั้นฉีจิ้งนายน้อยคฤหาสน์ได้ เห็นทีจะมีแต่ฉีค่านผู้นี้คนเดียว!
ยิ่งไปกว่านั้น ฉีค่านเองก็ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนมานานแล้ว พลังฝีมือที่แท้จริงของมันยังเป็นอะไรที่ลึกลับนักสำหรับใครหลายคน!
อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่แน่ชัดก็คือ…หลายปีที่แล้วถึงฉีค่านจะอ่อนกว่าฉีจิ้ง 5 ปีแต่พลังฝีมือก็ตามอยู่ไม่ห่าง แม้ตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงขั้นเท่าเทียมฉีจิ้งได้ แต่ก็ไม่เหลื่อมล้ำกันมากแน่นอน!
นอกจากนี้ยังมีคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง 2 คนที่ออกมาลงประลอง จนกลายเป็นจ้าวเวที นี่ก็ประหนึ่งคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องโยนหินถามทาง
เช่นนั้นพลังฝีมือของมันย่อมเหนือกว่า 2 คนนั่นแน่นอน
ฉีค่านปรากฏตัวออกมา แน่นอนว่าไม่คิดท้าทายคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องด้วยกัน หันไปเลือกผู้ฝึกตนพเนจรแทน
แม้พลังฝีมือของผู้ฝึกตนพเนจรที่เลือก จะไม่มีอะไรที่ด้อยไปกว่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องทั้ง 2 เลย กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด…
อนิจจาเมื่อมันต้องเผชิญหน้ากับฉีค่าน มันกลับถูกสังหารลงง่ายดาย! แถมฉีค่านลำบากแค่ใช้ฝ่ามือเดียวเท่านั้น!!
เพียงฉีค่านยกมือขึ้นควบรวมปราณแรกกำเนิดตบฟาดออกไป อีกฝ่ายก็ไร้พลังต้านทานตกตายไปอย่างรวบรัดหมดจด!
สมแล้วที่เป็นฉีค่าน!
“เซียนขัดเกลาขั้นกลาง!”
เมื่อเห็นพลังฝีมือของฉีค่าน เริ่นจงและหลิวหงกวงเผยความแปลกใจออกมาไม่น้อย เพราะมันสัมผัสได้ว่าไอพลังที่แผ่พุ่งออกมาจากร่างของฉีค่านนั้นแตกต่างจากหลวงจีนเนื้อสุราและอวี้ชวีจื่อไม่น้อย!
หลวงจีนเนื้อสุรานั้น แม้จะบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลาง หากแต่ไอพลังยังไม่มีเสถียรภาพ เห็นได้ชัดว่ารากฐานของด่านพลังยังไม่มั่นคง!
ด้านอวี้ชวีจื่อแม้จะดีกว่า แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร
ทว่าด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นกลางของฉีค่าน กลับมั่นคงแน่นหนาไม่คล้ายคนที่พึ่งทะลวงผ่านมาแต่อย่างใด! ยังเหมือนคนที่ทะลวงผ่านมานาน หาไม่แล้วคงไม่สามารถใช้พลังปราณแรกกำเนิดได้คล่องแคล่ว สังหารคนแค่เพียงสะบัดมือ!
“อาวุโสฉีเสิ่น ข้าได้ยินคำร่ำลือถึงพรสวรรค์และศักยภาพของหลานท่านมาเนิ่นนานแล้ว แต่มิคิดเลยว่ามันจะสูงส่งเหนือคาดคิดเช่นนี้ ข้าเชื่อว่ากระทั่งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็มิอาจเทียบหลานท่านได้ใช่หรือไม่…นับว่าหลานท่านปกปิดพลังฝีมือได้อย่างแยบยลนัก!”
เริ่นจงมองไปทางฉีเสิ่นค่อยกล่าวออกมาอย่างทอดถอน แววตาเผยความซับซ้อนไม่น้อย
“นั่นสิ ในกาลก่อนข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องราวของหลานชายท่านมาบ้าง แต่ที่ข้าได้ยินมา…เห็นว่าหลานท่านอ่อนด้อยกว่าฉีจิ้งเล็กน้อย…! พอมาเห็นกับตาวันนี้…ข้ารู้สึกว่านายน้อยคฤหาสน์ท่าน น่ากลัวศักยภาพพรสวรรค์จะเทียบกับหลานของท่านไม่ได้!”
หลิวหงกวงยังกล่าวเสริมขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าทั้งหลิวหงกวงและเริ่นจงกล่าวชมหลานตัวเองถึงเพียงใด ฉีเสิ่นตอนนี้แทบจะลอยได้โดยไม่ต้องใช้พลัง มันเชิดหน้าชูตาประหนึ่งเป็นจักรพรรดิครองหล้า!
ผู้คนไหนเลยไม่ชมชอบฟังวาจากลาวชมรื่นหู?
ยิ่งไปกว่านั้นที่เริ่นจงกับหลิวหงกวงกล่าวชื่นชมยกย่อง ก็คือหลานชายคนเดียวที่มันฝากความหวังเอาไว้ ไหนเลยยังไม่เชิดหน้าชูตายืดอกได้?
“ข้ามิอยากจะเชื่อเลย…ว่าฉีค่านจะทะลวงถึงขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางแล้วแบบนี้…”
ขณะเดียวกันเหล่าผู้อาวุโสของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่ชมดูเรื่องราวอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา ต่างหันไปกระซิบกระซาบสนทนากันด้วยความประหลาดใจทันที
“ลองดูไอพลังปราณแรกกำเนิดของมันเถอะ…เห็นได้ชัดว่าเสถียรมั่นคงนัก เกรงว่าคงทะลวงด่านมานานแล้ว มิใช่พึ่งทะลวงแต่อย่างใด!”
อาวุโสที่สายตาแหลมคมย่อมสังเกตเห็นเรื่องนี้ชัดเจน
เหล่าศิษย์ของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็เริ่มแตกตื่นกันไม่น้อย”เช่นนั้น นี่มิได้หมายความว่าฉีค่านอาจทะลวงถึงขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางได้รวดเร็วกว่านายน้อยคฤหาสน์เราหรอกหรือ!?”
ถึงแม้ศิษย์ของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะยังไม่แน่ใจว่านายน้อยของพวกมันอย่างฉีจิ้งทะลวงผ่านมาถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลางแล้วหรือยัง แต่พวกมันรู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่นายน้อยของพวกมันจะยังไม่ทะลวงผ่าน เพราะอีกฝ่ายได้รับทรัพยากรบ่มเพาะจากคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไปมากมายมหาศาล!
“ถึงนายน้อยจะทะลวงผ่าน…แต่น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่คู่มือฉีค่าน!”
“นั่นสิ! ข้าเองก็ได้ยินที่ท่านอาวุโสกล่าวเมื่อครู่…ฉีค่านสมควรทะลวงผ่านมาได้สักพักแล้ว!!”
……