ตอนที่ 369 หาแม่เลี้ยงให้เธอด้วย

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 369 หาแม่เลี้ยงให้เธอด้วย

สัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน มู่เถาเยากลับหมู่บ้านเถาหยวน

ปาอินกับถังถังย่อมตามไปด้วย และยังมีตี้อู่หลันฉือที่ทำตัวติดหนึบมู่เถาเยา

เมื่อมู่เถาเยากลับถึงหมู่บ้านเถาหยวนก็พบว่าสองผู้อาวุโสตระกูลตี้กับเจ้าถุงลมน้อยกลับมาแล้ว

เดิมทีเธอคิดว่าพวกเขาจะกลับมาวันพรุ่งนี้เสียอีก

เด็กน้อยเข้ามากอดขามู่เถาเยาเจื้อยแจ้วไม่หยุด บอกว่าตัวเองมีน้องสาวแล้ว แต่น้องยังเล็กมาก ต้องรอโตในท้องแม่อีกหน่อยถึงจะอุ้มมาให้พี่สาวดูได้…บลาๆๆ

เสียงเล็กๆ ที่แสดงความดีอกดีใจพาทุกคนหัวเราะสนุกสนาน

ตี้อู๋เปียนหิ้วเจ้าถุงลมน้อยออก “เอาล่ะ พี่สาวรับรู้แล้ว ปล่อยพี่สาวเอาของไปเก็บที่ห้องก่อน เดี๋ยวต้องกินข้าวกลางวันแล้ว”

เจ้าถุงลมน้อยเตาะแตะเข้าไปหาอีก อยากช่วยมู่เถาเยาถือของ

มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมนลูบศีรษะน้อยๆ ของเขา “กระเป๋าหนักมาก อันเหยี่ยถือไม่ไหว รอพี่สาวอยู่ตรงนี้นะ พี่สาววางกระเป๋าเสร็จก็ลงมาแล้วจ้ะ”

เจ้าถุงลมน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

ครึ่งชั่วโมงต่อมาเหลียงจี ปาอิน ถังถัง ตี้อู่หลันฉือก็มาจากบ้านที่ไปขออาศัยพักแรม หยวนเหยี่ยจึงเรียกมากินข้าว

ระหว่างรับประทานอาหารมู่เถาเยาก็บอกทุกคนว่าสอบใบประกอบโรคศิลปะกับสอบกฎหมายได้ที่หนึ่งทั้งคู่

ทุกคนไม่แปลกใจเลยสักนิด

ถังถัง ปาอิน ตี้อู่หลันฉือ ดวงตาเป็นประกาย

“ต่อไปเสี่ยวเยาเยาก็เป็นทั้งหมอทั้งทนายแล้ว ช่วงไม่กี่ปีมานี้คนสอบกฎหมายผ่านไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ เป็นใบอนุญาตที่สอบผ่านยากที่สุด ไม่มีหนึ่งใน เสี่ยวเยาเยาสุดยอดมากเลย! เพื่อนในชั้นเรียนเรามีหลายคนที่กำลังพยายามสอบกฎหมายอยู่ พี่ก็เหมือนกัน”

“ฉันถ่ายทอดประสบการณ์ให้ได้นะคะถ้าต้องการ”

“เอาสิ…” เสียงโทรศัพท์ดัง

ตี้อู่หลันฉือกดรับสายเสร็จก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน

“เอ่อ…พี่ลืมไปว่าก่อนหน้านี้พ่อบอกว่าจะมาเยี่ยมที่เมืองเย่ว์ตูสัปดาห์นี้…”

มู่เถาเยา “…งั้นพี่จะกลับตอนนี้เหรอคะ กินข้าวเสร็จให้พี่เหลียงจีไปส่งดีไหมคะ”

ตี้อู่หลันฉือส่ายหน้า “รอกลับพร้อมพวกเธอแหละ พ่อพี่ยังต้องอยู่ทางใต้อีกระยะหนึ่ง ไม่ได้รีบร้อนกลับทางเหนือ”

อาจารย์แม่รองยิ้มพูด “ทางนี้ค่อนข้างไกล ไม่อย่างนั้นให้คุณพ่อมาหาที่นี่…”

“มาได้เหรอคะ พ่อหนูฝึกวิทยายุทธ์ ไม่กลัวความลำบาก”

ที่นี่มีบุคคลสำคัญอยู่ตั้งมากมาย กลัวจะไม่สะดวก…เธอไม่เคยแพร่งพรายข้อมูลของหมู่บ้านเถาหยวนแม้แต่น้อย

มู่เถาเยายิ้มพูด “คุณพ่อพี่เป็นเพื่อนกับน้าเล็กอวิ๋น ก็แสดงว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้ ย่อมมาได้ค่ะ”

ตี้อู่หลันฉือยกมือขวาทำท่าสาบานทันที “หนูรับรองเลยนะคะว่าข้อมูลของที่นี่จะไม่มีทางหลุดจากปากพวกเราสองพ่อลูกแน่นอน”

ย่าตี้หลุดขำ “ที่นี่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นลับลมคมในเสียหน่อย ก็แค่ไม่อยากถูกคนภายนอกรบกวน ถึงได้ไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามา พ่อของหนูเป็นเพื่อนกับเสี่ยวไป๋ หนูก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเสี่ยวเยาเยา ถือเป็นคนกันเองจ้ะ”

ตี้อู่หลันฉือโทรหาพ่อด้วยความดีใจ

ถ้าเป็นไปได้ เธอยังอยากให้พ่ออยู่ที่นี่นานหน่อย ทางที่ดีหาแม่เลี้ยงให้เธอด้วย!

เธอชอบคนที่นี่มากเลย!

แต่ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีหญิงหม้ายเท่าไร

อืม เดี๋ยวลองถามเสี่ยวเยาเยาดูดีกว่า

เฮ้อ ทำลูกสาวอย่างเธอกลุ้มใจจริงๆ!

พอตี้อู่หลันฉือคุยโทรศัพท์เสร็จมู่เถาเยาก็ถามขึ้น “คุณอาจะมาไหมคะ”

“พ่อบอกว่าจะไปสนามบินเดี๋ยวนี้เลย”

“งั้นคุณอาคงมาถึงหลังเที่ยงคืน ฉันไปรับเป็นเพื่อนพี่ที่ล่างเขา…”

“ไม่ต้องๆ พ่อพี่ไม่มีทางมารบกวนดึกขนาดนั้น เห็นว่าจะพักที่ตัวเมืองคืนนึง พรุ่งนี้เช้าค่อยเข้ามา”

“ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะให้คุณลุงผู้ใหญ่บ้านไปรับคุณอาเป็นเพื่อนพี่นะคะ”

“ได้เลย ขอบใจนะเสี่ยวเยาเยา ขอบคุณคุณปู่คุณย่า คุณน้าคุณอา พี่ๆ ทุกคน…”

“อุ๊บ…” ปาอินอดขำออกมาไม่ได้

ถังถังก็กลั้นขำไม่อยู่ “หลันฉือ คำพูดเธอมันคุ้นมาก เหมือนพวกนักแสดงกายกรรมข้างถนนในยุคโบราณพูดตอนเรี่ยไรเงินเลย”

พอมีคนพูดแบบนี้ตี้อู่หลันฉือก็หัวเราะไปด้วย

อาจารย์แม่รองยิ้มพูด “กินข้าวเถอะ กินเสร็จพวกสาวๆ จะได้ไปเที่ยวเล่นกัน ไม่ต้องคอยมานั่งดื่มชาคุยเป็นเพื่อนคนแก่หรอกจ้ะ”

ตี้อู่หลันฉือยกมือขึ้นทันที “งั้นหนูจะขอคำชี้แนะจากปู่ซย่าโหวค่ะ”

ซย่าโหวโซ่วยิ้มพลางพยักหน้า “อยากเรียนย่อมเป็นเรื่องดี”

ถังถัง “หนูก็อยากเรียนด้วยค่ะ อีกไม่นานต้องติดตามเข้าเขตป่าชั้นในแล้ว”

ตี้อู่หลันฉือ “ฉันตามไปด้วยได้ไหม”

ทุกคนต่างมองมู่เถาเยา

“ไว้ค่อยว่ากันค่ะ”

“ได้เลย”

กินข้าวกลางวันเสร็จมู่เถาเยา ลู่จือฉิน หยวนเหยี่ย ก็ไปห้องปรุงยาด้านข้าง

การคิดค้นก่อนหน้านี้ล้มเหลวไปแล้ว ยังต้องปรับสูตรยาแล้วทำใหม่

ช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว

หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จตี้อู๋เปียนก็ถามขึ้น “ซาลาเปาน้อย พรุ่งนี้ยังไปเก็บสมุนไพรอีกไหม”

“ไม่แล้วล่ะ ระยะนี้อาจารย์สามเก็บมาไม่น้อย สุดสัปดาห์หน้าฉันกับอาจารย์สามจะไปดูน้าเหมียวที่เผ่า และจะลองไปคุยกับเหมียวฉีด้วย”

อืม ยังต้องไปดูอากับน้าเล็กอวิ๋นด้วยว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว

หลังจากกลับมาจากไปพักผ่อนน้าเล็กอวิ๋นก็ดีใจหน้าระรื่น ไล่โทรแจ้ง ‘ข่าวดี’ ยกใหญ่

ตระกูลเย่ว์ ตระกูลอวิ๋น ตระกูลตี้ รวมถึงตระกูลโจวญาติทางฝั่งแม่ต่างดีใจจนแทบอยากป่าวประกาศไปทั้งโลก

ระยะนี้สองผู้อาวุโสตระกูลอวิ๋นกำลังตรวจสอบทรัพย์สินของตัวเอง บอกว่าเตรียมไว้เป็นสินสอดและอื่นๆ จึงไม่ได้มาคุยเรื่องนี้กับปู่เย่ว์ย่าเย่ว์ที่นี่

แต่เพื่อไม่เป็นการกดดันเย่ว์เลี่ยง พวกเขาต่างดำเนินการอยู่เงียบๆ

พอนึกถึงว่าน้องชายเยี่ยนหังกำลังจะมา มู่เถาเยาก็อารมณ์ดีมาก

“ซาลาเปาน้อย เธอชอบเผ่ามากเหรอ” พอเธอพูดถึงเผ่าดวงตาก็มีรอยยิ้มขึ้นมาทันที

ตี้อู๋เปียนแอบปวดใจ

เขารู้สึกว่าวันหน้าตัวเองต้องเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าแน่!

“ชอบสิ คุณไม่ชอบหรือไง”

“…ชอบ”

ต่อให้ไม่มีซาลาเปาน้อยเขาก็ชอบเผ่านั้น

โลกในอุดมคติแบบนั้นคงไม่มีใครไม่ชอบหรือเปล่า เว้นเสียแต่พวกนิสัยเสียเห็นใครดีไม่ได้ ชอบคิดร้ายกับคนอื่น

“ซาลาเปาน้อย ฉันดวงดีมาก ทดสอบมาแล้ว พรุ่งนี้ถ้าไม่ติดอะไรพาฉันเข้าเขตป่าชั้นในหน่อยสิ ฉันจะช่วยหาหญ้าร้อยรส”

ระยะนี้เขามักไป ‘หาสมุนไพร’ ที่เขตป่าชั้นนอก ทุกครั้งกลับมาจะได้สมุนไพรที่มีค่ามากหรือพบเห็นไม่บ่อย ปู่หยวนกับอาจารย์สามจะต้องเคยเล่าให้ซาลาเปาน้อยฟังแน่นอน

มู่เถาเยามองตี้อู๋เปียนราวกับกำลังคิดความเป็นไปได้นี้

“ซาลาเปาน้อย?”

“ในป่าหนาวเย็นยะเยือก ยังไม่เหมาะให้คุณเข้าไป ไว้สุขภาพคุณดีกว่านี้อีกหน่อย ปลายเดือนหน้าหรือต้นเดือนมกราน่าจะไหว”

“ได้ อีกสองวันคุณตาคุณยายของฉันกับแม่จะพาพวกพี่สาวฉันมาด้วย”

“พวกพี่อู๋เสียว่างกันแล้วเหรอ”

“อึม บริษัทของพวกเขาเข้าที่เข้าทางแล้ว ดูเหมือนจะคุยเรื่องแต่งงานแล้วด้วย”

“นึกไม่ถึงว่าพี่อู๋เสียจะชอบเกี่ยวกับตัวเลข”

“พี่สาวฉันหัวไวเรื่องตัวเลขแต่เด็ก บางครั้งกระทรวงการคลังก็ยังมาขอความช่วยเหลือ”

“งั้นทำไมพี่อู๋เสียไม่เข้าทำงานในกระทรวงการคลังล่ะ”

ตี้อู๋เปียนพูดด้วยความจนปัญญา “คนมีความรักอะนะ อยากสร้างกิจการกันเองสองคน…”

“…ว่าที่พี่เขยของคุณเป็นยังไงบ้าง” ไม่ได้เกิดจากความสงสัย แต่เพราะเป็นห่วงตี้อู๋เสีย

“ก็พอไหว ตระกูลเซี่ยถือว่าเป็นตระกูลใสสะอาดในเมืองหลวง มีการศึกษา เขาเองก็ไม่กล้าทำไม่ดีต่อพี่สาวของฉัน”

“ก็จริง”

ใครก็ตามที่มีสมองหน่อยย่อมรู้ว่าเอาอกเอาใจพี่อู๋เสียไว้มีประโยชน์ต่อตัวเองและวงศ์ตระกูลไม่มีผลเสียแน่นอน

กลัวแค่ว่าพวกมีการศึกษาสูงแล้วอีโก้จะสูงตามด้วย ไม่รู้จักโอนอ่อน…แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรห่วง