ตอนที่ 324 ตระหนักรู้แนวทางกระบี่

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ตอนที่ 324 ตระหนักรู้แนวทางกระบี่

“จากนั้น!”

ไม่มัวชักช้าอีก เยี่ยเว่ยหมิงโยนซ่างฟู่ขอทานให้น้องดาบทันที แล้วก็หยิบของตัวเองออกมากินอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนกัน

พอเห็นของกินที่เยี่ยเว่ยหมิงหยิบออกมาเป็นซ่างฟู่ขอทาน ในใจน้องดาบก็หงุดหงิดอยู่บ้าง แต่ติดที่กระเพาะของนางต่อต้านอย่างรุนแรง นางจึงเลิกรบเร้าเยี่ยเว่ยหมิงเรื่องของกิน หย่อนก้นนั่งบนพื้นโดยไม่สนใจภาพพจน์ ฉีกขานกออกมาแล้วเริ่มเคี้ยวกินจนแก้มตุ่ย

พอเนื้อเข้าปาก รสชาติที่ทำให้คนไม่อาจต้านทานก็ระเบิดตู้มอยู่ในช่องปากของนาง เนื้อนกร้อนๆ ราวกับรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายนาง เป็นความเพลิดเพลินและเต็มอิ่มที่บรรยายออกมาไม่ได้

จากนั้นนางก็รู้สึกว่ามีพลังงานความร้อนกลุ่มหนึ่งไหลจากช่องปากลงคอเข้าไปในกระเพาะอาหาร ก่อนจะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

เดิมทีนางใช้พลังกายจนหมดแล้ว ตอนนี้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในชั่วพริบตาเดียว

“อืม…หอมจัง!”

ในบันทึกภูเขาทิศใต้ของ ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ บอกไว้ว่า “มีนกชนิดหนึ่ง ลักษณะเหมือนไก่ มีสามหัว หกตา หกขา สามปีก ชื่อของมันคือซ่างฟู่ กินมันแล้วจะไม่ง่วงนอน”

ที่พูดถึงก็คือสัตว์ปีกชนิดพิเศษที่ทั้งสองกำลังกิน หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงนำมันมาปรุงด้วยวิธีเดียวกับไก่ขอทานแล้ว ค่าประสบการณ์ฝีมือทำครัวที่ได้รับกลับได้ผลดีกว่าการนำนกทั่วไปมาทำเป็นอาหาร

อย่างไรเสีย นี่ก็คืออาหารดึกดำบรรพ์ที่มีเฉพาะในเสินหนงจย้าเท่านั้น!

อีกทั้งไก่ขอทานที่ใช้นกซ่างฟู่ปรุง ก็ไม่เพียงแค่ทำให้ค่าประสบการณ์ฝีมือทำครัวของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นเร็วมาก ความพิเศษของเนื้อมันก็ยอดเยี่ยมมาก ดีกว่าไก่ทั่วไปไม่รู้ตั้งเท่าไร

[ซ่างฟู่ขอทาน] คุณภาพ 66 กินแล้วลดค่าความหิว 100 แต้ม ทั้งยังลดความเร็วในการสะสมค่าความหิวจนเหลือหนึ่งในห้าส่วนจากจำนวนเดิม พลังชีวิตสูงสุดเพิ่มถาวร 660 แต้ม (ได้ผลเฉพาะตอนกินครั้งแรกเท่านั้น)

……

คุณภาพของเนื้อสัตว์ประเภทนี้สดและอร่อย ทั้งยังเพิ่มพลังชีวิตสูงสุดได้ถาวรอีกด้วย เป็นของดีที่พบเห็นได้ยากจริงๆ

สาเหตุที่น้องดาบปฏิเสธอาหารอร่อยแบบนี้เป็นเพราะตกใจนกสามหัว นางเองไม่กล้ากิน แต่ก็ไม่อยากให้เยี่ยเว่ยหมิงกินด้วยเช่นกัน

ที่จริงเยี่ยเว่ยหมิงจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้ออ้างของนางทั้งนั้น

สาเหตุแท้จริงที่น้องดาบปฏิเสธอาหารเลิศรสชนิดนี้ ไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ประหลาดของนกสามหัวที่นำมาทำซ่างฟู่ขอทาน แต่ค่าสเตตัสของที่บอกว่า ‘ลดความเร็วในการสะสมค่าความหิวจนเหลือหนึ่งในห้าส่วนจากจำนวนเดิม’

กินซ่างฟู่ขอทานไปหนึ่งตัว ก็จะไม่รู้สึกหิวไปอีกสามวัน

ในฐานะนักกินที่อยู่ข้างกายพ่อครัวระดับท็อป น้องดาบจะจะยอมให้ตัวเองไม่กินอะไรเลยตั้งสามวันได้อย่างไร

ส่วนสาเหตุว่าทำไมนางใช้กลยุทธ์ก่อกวนเพื่อไม่ให้เยี่ยเว่ยหมิงกิน

ก็เป็นเพราะนางรู้ว่าด้วยนิสัยชั่วร้ายของเยี่ยเว่ยหมิง ตราบใดที่ตัวเองไม่หิว เขาก็จะไม่ทำอาหารตรงตามเวลา ปล่อยให้นางกินธัญพืชสามวันโดยไม่วุ่นวายใจแม้แต่น้อยแน่นอน

ทว่าแม้น้องดาบจะไม่ชอบกิน แต่กลับชอบทักษะยุทธ์มากกว่า

ตอนนี้มีตำราตกทอดของตู๋กูอยู่ตรงหน้า นางไม่มัวไปครุ่นคิดถึงปัญหาว่าจะได้กินของอร่อยน้อยลงหรือไม่ นางไปยืนข้างเยี่ยเว่ยหมิงทันที กินซ่างฟู่ขอทานที่อยู่ในมืออย่างเอร็ดอร่อยจนหมดเกลี้ยง

เหมือนที่กล่าวไว้ใน ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ คนที่กินเนื้อนกซ่างฟู่นอกจากได้ผลประทังความหิวและเพิ่มพลังชีวิต ยังมีผลลัพธ์อัศจรรย์อย่างการกำจัดความเหน็ดเหนื่อยและทำให้สมองปลอดโปร่งอีกด้วย

หลังจากกินหมดไปหนึ่งมื้อ ทั้งสองก็รู้สึกว่ากำลังวังชาเพิ่มขึ้นร้อยเท่า

จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็ถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยก่อนหน้านี้ออกมา “จะว่าไปแล้ว เนื้อหาที่อยู่ในตำราตกทอดของตู๋กู เจ้าอ่านออกด้วยหรือ”

“ก็แน่นอนอยู่แล้วสิ” ว่ากันว่าเมื่อได้ผลประโยชน์จากใครแล้วก็มักจะเกรงใจคนนั้น เมื่อเจอกับคำถามนี้ของเยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบไม่สะดวกใจที่จะตอบแบบขายผ้าเอาหน้ารอด นางตอบตามความจริงว่า “เจ้าก็รู้ว่าข้าฝึกการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ย่อมเคยอ่านตำราทางด้านวิถียุทธ์มาเยอะอยู่แล้ว ศัพท์แปลกๆ ที่สลักอยู่บนผนังพวกนั้น ข้าก็พอจะรู้ว่าผู้เขียนต้องการสื่ออะไร…

…เพียงแต่เนื้อหาที่สลักอยู่บนผนังล้ำลึกเกินไป แม้ข้าเข้าใจความหมายที่อยู่ในนั้น แต่กลับไม่รู้สึกถึงขอบเขตที่อยู่ในนั้นเลย สุดท้ายเกรงว่าเนื้อหาที่เก็บเกี่ยวได้คงไม่ถึงหนึ่งในสิบด้วยซ้ำ…

…แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ก็ยังทำให้ทักษะยุทธ์ของข้าก้าวหน้าขึ้นมากอยู่ดี”

ขณะที่พูด น้องดาบก็เหมือนเกิดความคิดยอดเยี่ยมบางอย่างขึ้น นางขยิบตาให้เยี่ยเว่ยหมิง “อยากรู้หรือเปล่าว่าเนื้อหาที่สลักอยู่บนผนังทำให้ข้าได้รับประโยชน์มากขนาดไหน”

เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เหมือนจิ้งจอกน้อยของนาง มีหรือที่เยี่ยเว่ยหมิงจะยังเดาไม่ออกว่านางอยากจะคิดจะยั่วเขาด้วยคำว่า ‘ไม่บอกเจ้าหรอก’ จึงส่ายหน้าตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ไม่อยาก”

น้องดาบสะอึกจนกลอกตามองบน ไม่พูดอะไรอีกแล้ว

ตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงกลับลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตรงหน้ากระดูกของตู๋กูฉิวไป้ เขานำโลงศพหลิวหลีมูลค่าหนึ่งหมื่นเหรียญทองออกมาเก็บศพอสูรกระบี่แห่งยุคแล้ว

ได้รับ ‘ตระหนักรู้แนวทางกระบี่’ ×1!

แค่นี้เองหรือ

ตอนมองโครงกระดูกตู๋กูฉิวไป้ที่นอนอยู่ในโลงแก้วหลิวหลี เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกแย่ไปทั้งตัว!

ปัจจุบัน BOSS ทุกคนที่เยี่ยเว่ยหมิงฆ่าตาย ขอเพียงใช้โลงศพเก็บศพ ก็ไม่มีคนไหนเลยที่ให้ตำราลับตระหนักรู้เขาต่ำกว่าสามเล่ม

แต่ตอนนี้ เขาใช้โลงศพที่ดีที่สุดในตลาด ศพที่ใส่ไว้ในนั้นก็เป็น BOSS ที่เลเวลสูงที่สุดเท่าที่ตัวเองเคยเจอด้วย ผลปรากฏว่าให้ตนแค่ ‘ตระหนักรู้แนวทางกระบี่’ เล่มเดียวอย่างนั้นหรือ แบบนี้เหลวไหลเกินไปหรือเปล่า

ตอนที่กำลังบ่นในใจ เยี่ยเว่ยหมิงกวาดมองข้อมูลแนะนำของ ‘ตระหนักรู้แนวทางกระบี่’ แวบหนึ่ง แต่เห็นแล้วอดฮึกเหิมขึ้นมาไม่ได้!

[ตระหนักรู้แนวทางกระบี่] ส่วนหนึ่งที่อสูรกระบี่ตู๋กูฉิวไป้ตระหนักรู้ด้านแนวทางกระบี่ เมื่อใช้เคล็ดกระบี่ที่กำหนด จะเพิ่มค่าประสบการณ์สี่สิบล้านแต้ม!

สี่สิบ…ล้าน!

โอ้เด็กดี นี่ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม

อีกทั้งถ้าดูจากความหมายในข้อมูลแนะนำ ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เขาตระหนักรู้ด้วย?

มิน่าล่ะ ตำราที่ตัวเองได้รับจาก BOSS คนอื่นล้วนเป็นตระหนักรู้เคล็ดกระบี่ แต่ตำราที่ได้จากตู๋กูฉิวไป้กลับเป็น ‘ตระหนักรู้แนวทางกระบี่’

น้ำหนักของตำราสองประเภทนี้ไม่เหมือนกัน มีความหมายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง…

ถ้าทุ่มค่าประสบการณ์สี่สิบล้านแต้มนี้ ไม่ว่าเคล็ดกระบี่ไหนก็คงเพิ่มถึงระดับสมบูรณ์ในชั่วพริบตาเดียวละมั้ง

เยี่ยเว่ยหมิงมอง ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ที่ยังติดอยู่เลเวลเก้าแวบหนึ่งแล้วควบคุมมือตัวเองไว้อย่างแน่วแน่ เก็บ ‘ตระหนักรู้แนวทางกระบี่’ ไว้ในมุมส่วนตัวของกระเป๋าเงียบๆ แยกไว้คนละที่กับของอย่างอื่น

เหล็กดีต้องใช้บนคมมีด[1] ‘ตระหนักรู้แนวทางกระบี่’ เล่มนี้ต้องรอให้ตัวเองได้สุดยอดเคล็ดกระบี่สักเล่มก่อน ค่อยพิจารณาใช้งานทีหลัง

ถ้าไม่มีตำราสุดยอดเคล็ดกระบี่จริงๆ เขายอมเก็บให้ฝุ่นเกาะอยู่ในโกดังดีกว่า ไม่นำมาใช้กับเคล็ดกระบี่ทั่วไปให้สิ้นเปลืองเด็ดขาด!

เยี่ยเว่ยหมิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เก็บโลงแก้วหลิวหลีที่บรรจุร่างตู๋กูฉิวไป้เข้ากระเป๋า เสร็จแล้วถึงได้โล่งใจ จากนั้นนำกระดาษวาดภาพ แท่งหมึก ค้อนไม้ แปรงขนและน้ำสะอาดหนึ่งกาออกมา แล้วนำของพวกนี้วางบนเตียงหินที่ร่างของตู๋กูฉิวไป้เคยนั่งอย่างระมัดระวังและเป็นระเบียบ พอนับให้ละเอียดจนแน่ใจว่าไม่ตกหล่น ถึงได้เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา

พอน้องดาบที่อยู่ข้างๆ เห็นเขาทำอย่างนี้ ก็อดตกใจไม่ได้ จึงถามว่า “นี่เจ้าจะทำอะไร คัดลอกเนื้อหาที่อยู่บนผนังอย่างนั้นหรือ…

…เป็นความคิดที่ดีจริงๆ ทำไมข้าถึงนึกไม่ถึงนะ” นางกล่าวพร้อมตบอกตัวเอง

“คัดลอก?” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “วิธีการอย่างนั้นระดับต่ำเกินไปแล้ว เรื่องที่ข้าต้องทำตอนนี้มีเทคนิคมากกว่านั้นเยอะ เจ้าแค่คอยดูก็พอ ถ้าเรียนรู้ก็ถือว่าได้กำไร”

จากนั้น น้องดาบก็เห็นเยี่ยเว่ยหมิงใช้ของที่เขานำออกมาทาบกับเนื้อหาที่สลักอยู่บนผนังในห้องหินนี้ทั้งหมด

ในจำนวนนั้นไม่ได้มีเพียงตระหนักรู้แนวทางกระบี่ของตู๋กูฉิวไป้ แม้แต่ชีวประวัติและตัวอักษร ‘ลานฝังกระดูกของตู๋กูฉิวไป้’ ไว้ด้วย!

[1] เหล็กดีต้องใช้บนคมมีด 好纲要用在刀刃上 หมายถึงต้องใช้กำลังคน กำลังทรัพย์หรือวัตถุกับสิ่งที่จำเป็นที่สุด