บทที่ 299 จ้างคน
บทที่ 299 จ้างคน
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนที่สุดคือ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเราทำงานล่วงเวลาน้อยลง
เราทำงานล่วงเวลาน้อยลง มันหมายความว่าอย่างไรล่ะ?
เธอไม่อยากจะคิดต่อเลย
พอเห็นสีหน้าสะใภ้รองเปลี่ยนไป หญิงชราเดาได้ทันทีว่าเรื่องที่สะใภ้สามพูดอาจจะจริง
ถ้าเป็นแบบนี้ วางแผนไว้ก่อนก็คงดี สะใภ้สามยังต้องพึ่งพาโรงงานขนมไข่อยู่
มุมปากของฉีเหลียงอิงกระตุกอย่างขมขื่น “น้องสาม น้องสะใภ้สาม ที่พวกเธอจะพูดคือผลผลิตโรงงานขนมไข่อาจไม่ดีเท่าหลายเดือนก่อนหน้านี้”
คุณย่าซูไม่อยากเชื่อว่าค่าตอบแทนของโรงงานขนมไข่จะไม่ดี จึงพยายามหาเหตุผลอย่างเต็มที่
“อาจจะเพราะอากาศร้อนเกินไป คนเลยกินกันน้อย มันอร่อยนะ แต่อากาศร้อน ๆ คนไม่ค่อยกินกันหรอก”
เหลียงซิ่วลังเลหลังจากได้ยินสิ่งที่แม่สามีพูด
“แม่ แม่อยากเลิกทำงานจริง ๆ หรือ? งานนั้นมั่นคงนะ” เสี่ยวเถียนมองแม่
เหลียงซิ่วลังเลจริง ๆ
กว่าจะได้งานดี ๆ แบบนี้มา เธอลำบากมาก ถ้าให้ยอมแพ้แบบนี้ เธอไม่เต็มใจหรอก
อุตส่าห์คลานออกมาจากชนบทแล้ว ใคร ๆ ต่างก็อิจฉา จะกลับไปแบบนี้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
เธอมองแม่สามีอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ได้แม่สามีดูแลลูกไว้ เธอเลยไม่ต้องรู้สึกเป็นห่วง
แต่ตอนนี้แม่สามีต้องทำงานหาเงินเองด้วยความลำบาก ในฐานะลูกสะใภ้ไม่ช่วยก็ไม่ได้
พอคุณย่าซูเห็นสะใภ้มองมาก็เข้าใจทันที เด็กคนนี้เสียสติไปแล้ว
“เหลียงซิ่ว ฉันรู้ว่าเธอสงสารฉัน แต่เธอควรกลับไปตั้งใจทำงานที่โรงงานนะ ถ้าฉันดูแลไม่ไหวจะจ้างคนเอา”
ตอนนี้ต้องให้เงินเด็กหลายคนเลย ต่อให้จ้างจริง ๆ เราจะใช้เงินเยอะขนาดนี้ไม่ได้
คำพูดของหญิงชรากำจัดความกังวลของเหลียงซิ่วได้สำเร็จ
มันเป็นความจริงที่ค่าตอบแทนของโรงงานลดลง แต่ตอนนี้เงินเดือนและโบนัสของคนงานก็ยังได้อยู่ดี
แต่ละเดือนยังมีตั๋วด้วย ถ้าลาออกกลับบ้าน ของพวกนี้ก็คงไม่ได้แล้วนะ
พอพูดเรื่องจ้างงาน มันเตือนสติเสี่ยวเถียนพอดี
คุณย่าต้องทำอาหารเช้าคนเดียว มันลำบากจริง ๆ เพราะแกก็อายุหกสิบกว่าแล้ว
“ย่า พวกเราควรจ้างคนมาจริง ๆ นะ”
เสี่ยวเถียนนึกถึงคนที่น่าจะจ้างได้ เธอจึงเสนอทันที
ส่วนเรื่องแม่ ถ้าอยากจะลาออกก็รอไปก่อนแล้วกัน
ตอนนี้มันไม่มีอะไรดีไปกว่าการมีอาชีพที่มั่นคงแล้ว
คุณย่าซูเป็นใคร? เป็นคนที่เสี่ยวเถียนห่วงมากที่สุด แค่มองก็เข้าใจสิ่งที่เสี่ยวเถียนสื่อแล้ว
ตอนที่เสี่ยวเถียนพูด คุณย่าซูก็เข้าใจว่าในใจของหลานน่าจะมีคนที่เหมาะสมแล้ว
“เสี่ยวเถียนมองใครอยู่หรือ?” คุณย่าซูถาม
“หลีอวี๋เหนียง ภรรยาของถานจื่อสือไงคะ” เสี่ยวเถียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ภรรยาถานจื่อสือหรือ?” หญิงชราตกใจ
ถึงหลีอวี๋เหนียงจะแต่งงานกับถานจื่อสือ แต่ชีวิตของเธอไม่ได้สุขสบาย
แต่ภรรยาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ข้างกายมีสาวใช้คอยดูแล มีคนสวน มีแม่ครัว เธอจะทำงานเป็นจริง ๆ หรือ?
คุณย่าซูไม่ค่อยเชื่อนัก
พวกเราค้าขายนะ ถ้าหาคนที่ทำงานไม่เป็นก็กลัวจะทำให้หาเงินช้า
“เป็นสิคะ!” เสี่ยวเถียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“คุณย่าหลีทำอาหารเป็นค่ะ อร่อยด้วย”
พอได้ยินหลานบอกแบบนั้น เธอจะไปเข้าใจที่ไหนมา หรือเด็กคนนี้จะไปเจอสองสามีภรรยาเป็นการส่วนตัว
ต่อให้ห้ามไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
คุณย่าซูมองเสี่ยวเถียน เด็กคนนี้นี่ ไอ้เรื่องแบบนี้รั้นนัก ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“ย่า หนูแค่คิดว่าคุณย่าหลีน่าสงสาร” เสี่ยวเถียนพูดเสียงอ่อน
ตอนแรกสุดคือก็แค่เรื่องเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นคือความจริงใจ
เธอไม่ได้ทำเพื่อถานจื่อสือ แต่ทำเพื่อหลีอวี๋เหนียง
เป็นเรื่องที่โหดร้ายที่สุดในโลกสำหรับผู้หญิงที่ไม่มีลูก และต้องเฝ้าดูสามีมีลูกกับหญิงอื่น
และสิ่งที่ว่าโหดร้ายแล้ว มันยังโหดร้ายยิ่งกว่าคือ หลีอวี๋เหนียงต้องเจอเรื่องเอาภรรยาน้อยเข้าบ้านอีก
และมันทำให้เธอทนไม่ไหวจนต้องยื่นมือเข้าไปช่วย
“ก็ได้ ให้เธอมาเถอะ ตอนเช้าช่วยย่าทำงาน และจะได้เงินตามงานที่ทำนะ”
คุณย่าซูไม่ใช่คนดื้อรั้น ในเมื่อเห็นเสี่ยวเถียนยืนกรานเธอก็เห็นด้วย
จากจิตใต้สำนึกคือ คุณย่าซูรู้สึกว่าใครก็ตามที่หลานสาวคิดว่าสามารถประสบความสำเร็จได้ มันก็จะเป็นเช่นนั้น
พอเสี่ยวเถียนได้ยิน เธอแทบกระโดดอย่างมีความสุข
“หนูรู้ว่าย่าดีที่สุดเลย!” เด็กหญิงเก่งในการเกลี้ยกล่อมคนอื่นจริง ๆ
หญิงชราพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ในใจหลาน คุณย่าหลีต่างหากที่ดีที่สุด!”
“คุณย่า มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ? ในใจเสี่ยวเถียนน่ะย่าสำคัญที่สุดแล้ว หนูแค่เห็นใจคุณย่าหลีนะ” เสี่ยวเถียนทุบไหล่ เรียกได้ว่าเอาใจใส่มาก
ได้ยินหลานพูดแบบนั้น หญิงชราจึงอดถอนหายใจไม่ได้
ก็จริงนั่นล่ะ น่าสงสารจริง ๆ น่าสงสารกว่ายายแก่จากบ้านอีกอย่างเธออีก
ช่างมัน ถ้าเสี่ยวเถียนจะช่วยก็ช่วยเถอะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
คุณย่าซูมีความสุขที่มือหลานคอยทุบไหล่ทุบหลังให้ ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
เรื่องจ้างคนเป็นอันตัดสิน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลีอวี๋เหนียงมาที่บ้านซูจริง ๆ
ตอนเธอมา ท้องฟ้ายังไม่สว่างเลย
แต่คนบ้านซูตื่นแล้ว
คุณย่าซูกำลังทำซาลาเปา
เหลียงซิ่วและฉีเหลียงอิงช่วยกันทำแป้งทอดไส้กุยช่าย
พอเห็นคนมา คุณย่าซูไม่เกรงใจ จัดแจงให้เธอไปล้างมือก่อนทำงาน
หลีอวี๋เหนียงสวมผ้ากันเปื้อนรอบเอว จากนั้นก็ไปล้างมือแล้วช่วยคุณย่าซูทำซาลาเปาด้วยกัน
คุณย่าซูมองด้วยแววตาเย็นเฉียบ
มองอยู่สักพัก เธอก็ลอบพยักหน้า
ฝีมือของหลีอวี๋เหนียงดีมาก ซาลาเปาที่เธอทำมีขนาดพอ ๆ กัน เป็นลูกกลม แม้แต่รอยจีบยังเท่ากัน หาได้ยากมาก
สุดท้ายคุณย่าซูอดถามไม่ได้ “ก่อนหน้านี้คุณเป็นภรรยาในครอบครัวเศรษฐี ไม่คิดเลยว่าจะทำสิ่งนี้เป็น”
พอเธอถาม ร่องรอยความลำบากใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลีอวี๋เหนียง
ถึงการเป็นภรรยาบ้านเศรษฐีจะเป็นเรื่องดี แต่มันก็ไม่ใช่อย่างที่พูดหรอก แม้สามีจะไม่ทำร้ายร่างกาย แต่เธอก็ไม่มีที่ยืนในบ้านเลย
แม้แต่คนใช้ก็มีฐานะดีกว่าเธออีก ตอนเธออยู่บ้านนั้น แต่ละคนก็คอยรังแก
โดยเฉพาะตอนที่ผู้หญิงคนนั้นท้อง อีกฝ่ายไม่ยอมกินอาหารฝีมือคนอื่นเลย กินแต่อาหารที่เธอทำ
ถานจื่อสือจึงให้เธอทำ และเธอก็ต้องทำ
แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนดี เธอทำบะหมี่ อีกฝ่ายบอกอยากกินเกี๊ยว พอเธอทำเกี๊ยว อีกฝ่ายอยากกินซาลาเปา ต้องทำไปทำมาอยู่หลายรอบ
และทักษะการทำอาหารของเธอก็ได้พัฒนาตั้งแต่ตอนนั้น
ในฐานะภรรยาหลวง เธอฝึกฝนจนทักษะการทำอาหารดีเพื่อมารับใช้ภรรยาน้อย เธอจึงอายเกินกว่าจะพูดออกไปได้
คุณย่าซูไม่ได้ยินคำตอบ แต่เห็นเพียงความลำบากใจที่ฉายชัดบนใบหน้าของหลีอวี๋เหนียง
พอรู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะตอบคำถามนี้ คุณย่าซูจึงปล่อยหัวข้อนี้ทิ้งไป
“แต่ฝีมือการทำของคุณนี่ดีจริง ๆ ฉันคิดว่าฉันปั้นซาลาเปาสวยแล้วนะ แต่วันนี้เห็นของเธอจึงรู้ว่ามีคนที่เก่งยิ่งกว่า!” คำพูดของคุณย่าซูไม่ได้แค่สุภาพ แต่ยังจริงใจด้วย
และวิธีการปั้นซาลาเปาของคุณย่าซูหยาบกว่าของหลีอวี๋เหนียงอีก
เหมือนที่เสี่ยวเถียนว่า พวกนักดนตรีบ้าน ๆ ไม่มีทางบรรเลงเพลงชั้นสูงได้หรอก!