ทว่าเป็นเพราะการกระอักเลือดนี้ ทำให้สติของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษแจ่มแจ้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาได้สติกลับมา ปฏิกิริยาแรกก็คือถอยหลบไปด้านหลังอย่างรวดเร็วสุดขีด พยายามสลัดให้หลุดออกจากรัศมีการโจมตีของอีกฝ่าย เนื่องจากจนถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจว่า การโจมตีเมื่อสักครู่นี้มาได้อย่างไรกันแน่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่การโจมตีของดาบแสงสามารถทำได้อย่างแน่นอน
ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษอยู่ในการต่อสู้เลยไม่อาจมองเห็นทะลุปรุโปร่ง แต่ทีมหลิงหลานที่ชมการต่อสู้ด้านข้างกลับมองเห็นชัดเจนมาก ในขณะที่ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษเพ่งสมาธิทั้งหมดป้องกันการโจมตีของดาบแสงหลี่หลานเฟิงนั้น หลี่หลานเฟิงก็จู่โจมฉับพลันในตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว บังคับหุ่นรบให้กระแทกเข่าไปทีหนึ่ง หัวเข่าที่มีพละกำลังแข็งแกร่งของหุ่นรบอัดตรงไปที่ตำแหน่งห้องคนขับของหุ่นรบระดับพิเศษ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะระดับของหุ่นรบแตกต่างกัน กอปรกับโล่แสงบนหุ่นรบระดับพิเศษดูดซับแรงส่วนใหญ่ไปละก็ ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษก็คงไม่ใช่แค่กระอักเลือด เขาอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว ทว่าเนื่องจากโจมตีใส่จุดสำคัญของหุ่นรบ ห้องคนขับรับแรงโดยตรง ต่อให้การป้องกันของหุ่นรบระดับพิเศษจะแข็งแกร่งกว่าหุ่นรบทั่วไปหลายเท่าตัว แต่การกระแทกอย่างรุนแรงของพละกำลังมหาศาลนี้ยังคงทำให้ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษได้รับบาดเจ็บภายในนิดหน่อยอยู่ดี
ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษรีบร้อนอยากจะเว้นระยะห่าง กอบกู้สถานการณ์ที่ตกเป็นรอง แต่หลี่หลานเฟิงที่ได้เปรียบมากแล้วจะให้อีกฝ่ายสมปรารถนาได้อย่างไร ขณะที่หลี่หลานเฟิงต่อสู้ด้วยความมั่นใจที่ลุกโชนใหม่อีกครั้ง เขาก็ทุ่มสุดตัว ต่อให้หุ่นรบระดับสูงที่เขาขับจะพังเสียหายจนหมดเพราะทำงานเกินพิกัด เขาก็จะล้มหุ่นรบระดับพิเศษตรงหน้านี้ลงให้ได้
เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ เมื่อหลี่หลานเฟิงเห็นอีกฝ่ายถอยกรูดไปอย่างรวดเร็ว เขาที่เพ่งความสนใจอยู่บนตัวของอีกฝ่ายก็เปิดใช้งานเครื่องยนต์ไอพ่นหลักสำรองจนเต็มอัตราในเวลาเดียวกัน ในการขับหุ่นรบ การกระทำเช่นนี้ถูกห้ามไว้ เนื่องจากการเปิดใช้งานด้วยอัตราสูงสุดหมายถึงว่า เวลานี้หุ่นรบกำลังทำงานเกินพิกัดแล้ว และเมื่อทำงานหนักมากเกินไป ต่อให้เป็นหุ่นรบระดับสูงอีกสักแค่ไหน ก็ประคองเวลาได้แค่สามสี่นาทีสั้นๆ เท่านั้น เมื่อเกินขีดจำกัดแล้ว หุ่นรบจะเกิดความเสียหาย ยิ่งทำงานเกินพิกัดนาน ระดับความเสียหายนี้ก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดที่หุ่นรบพังเสียหายอย่างกะทันหันในระหว่างการต่อสู้…
อย่างไรก็ตาม หากคิดจะบังคับหุ่นรบจนทำงานเกินพิกัดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้นเหมือนกัน ถ้าเกิดความเร็วมือไม่ถึง ต่อให้อยากทำงานเกินพิกัดก็เป็นแค่ความคิดเพ้อฝันเท่านั้น ถ้าเกิดเป็นก่อนหน้านี้หลี่หลานเฟิงยังฝืนเพิ่มพลังขับเคลื่อนต่างๆ ได้จนถึงค่าสูงสุดหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เนื่องจากสถานการณ์ความเป็นความตายทำให้เขาทะลวงขีดจำกัดของตัวเอง รวมถึงความเร็วมือของเขาด้วย ดังนั้นตอนนี้เขาจึงแสดงความสามารถของหุ่นรบออกมาได้หนึ่งร้อยยี่สิบเปอร์เซ็นต์อย่างแท้จริง หรือพูดอีกอย่างก็คือ สามารถไปถึงค่าเกินพิกัดสูงสุดในทฤษฎีหุ่นรบ
อย่างที่คิดไว้เลย ภายใต้การควบคุมอย่างสุดกำลังของหลี่หลานเฟิง ต่อให้หุ่นรบสองตัวมีความห่างชั้นเรื่องระดับ แต่เนื่องจากการทำงานเกินพิกัด ทำให้หลี่หลานเฟิงชดเชยความห่างชั้นเหล่านี้ได้แล้ว
จากนั้นก็เห็นหุ่นรบสองตัวที่อยู่กลางอากาศบินอย่างรวดเร็วสุดขีดโดยที่แทบจะไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก หุ่นรบตัวหนึ่งถอยหลังอย่างบ้าคลั่ง ส่วนหุ่นรบอีกตัวก็ไล่ตามอย่างดุดัน
ไม่เพียงเท่านั้น ระหว่างทางที่หลี่หลานเฟิงไล่ตาม เขาไม่ลืมใช้ดาบแสงโจมตีใส่คู่ต่อสู้อย่างดุเดือด หลี่หลานเฟิงไม่รู้ว่า พละกำลังที่หลั่งไหลออกมาอย่างกะทันหันนี้จะสามารถยืนหยัดได้นานเท่าไหร่กันแน่ แต่เขารู้ดีว่า เมื่อพลังที่ประคับประคองเขาไว้สายนี้ถูกใช้จนหมด เขาก็ไม่มีเรี่ยวแรงไปขับหุ่นรบสู้ต่ออีกแล้ว…
“ชีตาห์ของเธอเป็นคนบ้าแน่ๆ เลย” เสี่ยวซื่อเห็นถึงตอนนี้ก็อดเอ่ยปากแขวะไม่ได้ เห็นชัดๆ ว่าไม่มีแรงแล้ว แต่ยังสามารถอาศัยเจตจำนงที่ไม่ยอมแพ้ฝืนต่อไป นอกจากนี้แรงโจมตียังแข็งแกร่งกว่าตอนแรกด้วย
“อืม ไม่นึกเลยว่าเขาก็บ้าคลั่งเหมือนฉีหลงด้วย” ฉีหลงเป็นพวกบ้าการต่อสู้ เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ เขาก็จะตกอยู่ในสภาพตื่นเต้นได้ง่ายมาก ร่างกายหลั่งพละกำลังออกมาได้เป็นธรรมชาติอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้หลิงหลานคิดจะเอาชนะฉีหลง ก็ต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงถึงจะสามารถทำได้ เดิมทีเธอนึกว่าสัตว์ประหลาดแบบนี้จะมีแค่ฉีหลงคนเดียวเท่านั้น เวลานี้เห็นหลี่หลานเฟิงบุกตะลุยอย่างกล้าหาญ ฮึกเหิมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น มีท่าทีคล้ายคลึงกับตอนที่ฉีหลงบ้าคลั่งเล็กน้อย…
หลิงหลานอดส่ายศีรษะเงียบๆ ไม่ได้ เธอเก็บพวกคนแบบไหนมานะ ชีตาห์ดูเป็นคนที่สง่าผ่าเผย อ่อนโยนคงแก่เรียนชัดๆ ไม่นึกเลยว่าความบ้าคลั่งในตอนที่ต่อสู้จะไม่ด้อยไปกว่าฉีหลงที่ไหนเลย…นึกถึงอนาคตตัวเองที่อาจจะต้องนำพากลุ่มคนบ้าการต่อสู้ที่เปลี่ยนร่างขู่คำรามโฮกๆ ในตอนสู้รบ ฉากนั้นทำให้ขมับสองฝั่งหลิงหลานกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง…
หลิงหลานโยนฉากนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ตัดสินใจว่าเรื่องในอนาคตค่อยว่ากันอีกที จำเป็นต้องพูดว่า บางครั้งหลิงหลานก็มีจิตวิญญาณของอาคิว[1]มาก
ทว่าไม่นานหลิงหลานก็นึกถึงสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอกว่าคนปกติของชีตาห์ อารมณ์ที่ยินดีพลันหนักอึ้ง ถ้าเกิดแก้ปัญหาเรื่องชีตาห์ของเธอสุขภาพร่างกายอ่อนแอไม่ได้ ต่อให้ชีตาห์มีทักษะการควบคุมดีอีกสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถขับหุ่นรบไพ่ราชาได้ หลิงหลานรู้ดีว่าแรงสะท้อนกลับใส่ร่างผู้ควบคุมของหุ่นรบไพ่ราชาไม่ใช่สิ่งที่ชีตาห์ในตอนนี้สามารถทนรับได้อย่างแน่นอน
บางทีเสี่ยวซื่ออาจจะเอ่ยคำพูดว่าชีตาห์ของเธอมากเกินไป หลิงหลานซึมซับอิทธิพลภายนอกเข้าไปเลยเรียกหลี่หลานเฟิงว่าชีตาห์ของเธอโดยไม่รู้ตัว และก็ลืมไปว่าจะต้องแก้คำพูดผิดๆ ของเสี่ยวซื่อ….
ต้องบอกว่า ความเคยชินนั้นน่ากลัวมาก มันทำให้คนเราเผลอยอมรับโดยไม่ทันได้ระวังตัวเลยแม้แต่น้อย พอสังเกตเห็น มันก็กลายเป็นตัวตนที่ไม่อาจตัดออกไปได้แล้ว ต่อให้อยากต่อต้านหรือว่าสลัดมันทิ้งไปอีกสักแค่ไหน ก็ไม่มีวิธีแล้ว…
ทางฝั่งหลิงหลานเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของหลี่หลานเฟิง ขณะเดียวกันในการต่อสู้กลางอากาศ ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษเปิดใช้งานเครื่องยนต์ไอพ่นของหุ่นรบตัวเองจนถึงค่าสูงสุด แต่ก็ยังไม่สามารถสลัดหลุดจากการไล่โจมตีของอีกฝ่ายได้ ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเขาเพ่งสมาธิทั้งหมดในการขับหุ่นรบให้หลบหนีอย่างรวดเร็วสุดขีด เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของหลี่หลานเฟิง ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษประมาทเลินเล่อครั้งเดียวก็โดนโจมตีอย่างโหดเหี้ยมหลายที
พลังงานของโล่แสงหุ่นรบถูกผลาญไปอย่างฉับไวเนื่องจากได้รับการโจมตีของอีกฝ่าย เมื่อเห็นพลังงานที่เหลือของหุ่นรบไม่อาจคงค่าป้องกันสูงสุดของโล่แสงหุ่นรบเอาไว้ได้อีก ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษก็รู้ว่าตัวเองไม่มีทางถอยแล้ว จำเป็นต้องตอบโต้กลับ ไม่อย่างนั้น เขาจะถูกการโจมตีแบบนี้ของอีกฝ่ายผลาญพลังงานทั้งหมดของหุ่นรบแล้วร่วงตกลงไป เวลานั้น จุดจบของเขามีเพียงความตายเท่านั้น
“โอ้ว!” ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เมื่อเผชิญหน้ากับสภาพจนตรอก ทำให้เขาจำเป็นต้องสู้ตายแล้ว เขาเลิกหลบหนีอย่างเด็ดเดี่ยว สองมือกระชับดาบแสงในมือไว้ เล็งไปยังดาบแสงของอีกฝ่ายที่ฟันเข้ามา แล้วรับการโจมตีอย่างรุนแรง
เสียง ‘ปัง’ ดังลั่น ดาบแสงสองเล่มกระทบกันอย่างหนักหน่วง บางทีทั้งคู่อาจใช้พละกำลังของหุ่นรบตัวเองจนหมด แรงมหาศาลทำให้ดาบแสงทั้งสองเล่มบิดเบี้ยวในพริบตา ประกายไฟที่เป็นตัวแทนของพลังงานกระเซ็นสาดไปทั่วทุกทิศทาง ในท้องฟ้ายามค่ำคืนผืนนี้ มันเหมือนกับเปลวไฟโชติช่วง จุดไฟส่องสว่างท้องฟ้าในยามราตรีเพียงชั่วพริบตา
ประกายไฟยังไม่ทันหายไป ก็มีเสียง ‘ปัง’ ดังสนั่นตามมาติดๆ เสียงดังลั่นนี้ยังก้องกังวานกว่าเสียงกระทบกันของดาบแสงหลายเท่า เวลานี้หุ่นรบสองตัวชนใส่กันอย่างรุนแรง
กระทั่งพวกหลี่ซื่ออวี๋สามคนที่กำลังไล่ตามหุ่นรบสองตัวเบื้องหน้ากลางอากาศก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างหนักหน่วงจากการปะทะกันของหุ่นรบสองตัว เห็นได้ว่าระดับการชนกันของหุ่นรบทั้งสองรุนแรงถึงแค่ไหน
ทั้งสองติดชะงักอยู่หลายวินาที ก่อนจะดีดตัวไปทางด้านหลังทันที พริบตาเดียวก็เว้นระยะหว่างสามสิบกว่าเมตร นี่เป็นแรงเฉื่อยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการปะทะกัน หุ่นรบระดับพิเศษที่เดิมทีผลาญพลังงานโล่แสงไปมากแล้ว หุ่นรบเปลี่ยนเป็นมืดมนไร้สิ้นแสงไปทั่วทั้งร่างหลังจากการชนกันในครั้งนี้ ทว่าหุ่นรบของหลี่หลานเฟิงก็ไม่ได้ดีไปกว่าตรงไหนแลย ถึงแม้ไม่ได้ผลาญค่าป้องกันของโล่แสงจนหมด แต่เขาก็เปิดใช้งานจนถึงค่าสุงสุดเช่นเดียวกัน ทว่าเนื่องจากความห่างชั้นของระดับหุ่นรบ การชนกันอย่างรุนแรงในครั้งนี้จึงทำให้ค่าพลังงานโล่แสงของหุ่นรบหลี่หลานเฟิงถูกใช้จนหมดเกลี้ยงไปทันที กลายเป็นมืดสลัวไม่มีแสงไฟเช่นเดียวกัน
ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษที่ถูกดีดออกไปใช้ทักษะการควบคุมที่แน่นปึกทำให้หุ่นรบเสถียรเอาไว้ หลังจากที่เขาเห็นหุ่นรบของอีกฝ่ายสูญเสียการป้องกันของโล่แสงเหมือนกัน ในใจก็ยินดีอย่างเหลือล้น เขารู้ว่านี่คือโอกาสของเขา ดังนั้นเขาจึงชูดาบแสงในมือขึ้นมาโดยไม่ลังเล ก่อนจะบังคับหุ่นรบให้พุ่งไปหาหุ่นรบระดับสูงที่สูญเสียสมดุลตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง ปากก็ตะโกนดังลั่นว่า “ไปตายซะ!”
หลิงหลานเห็นแบบนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอคว้าปืนพกลำแสงที่ห้อยอยู่ด้านหลังเอวขึ้นมาอย่างเฉียบขาด แล้วเล็งไปยังหุ่นรบระดับพิเศษที่กระโจนเข้าไปหาหลี่หลานเฟิง
ถึงแม้หุ่นรบที่หลิงหลานขับอยู่คือหุ่นรบไพ่ราชาต่อสู้ระยะประชิด แต่การต่อสู้ประชิดตัวไม่ได้หมายความว่าไม่มีอาวุธระยะไกลเลยจริงๆ เพียงแต่อาวุธระยะไกลของหุ่นรบต่อสู้ประชิดตัวไม่ใช่ปืนยาวลำแสงที่ติดตั้งบนตัวหุ่นรบที่เชี่ยวชาญการโจมตีระยะไกล หรือว่าปืนไรเฟิลลำแสงที่มีระยะยิงไกลมากยิ่งขึ้น หากแต่เป็นปืนพกลำแสงที่มีระยะยิงค่อนข้างสั้น ทว่าตอนนี้ระยะห่างของเธอกับหุ่นรบระดับพิเศษตัวนั้น อาศัยระยะการยิงของปืนพกลำแสงก็เพียงพอแล้ว
ถึงแม้จะบอกว่า หลิงหลานค่อนข้างชอบการต่อสู้ระยะประชิด แต่ความสามารถในการยิงระยะไกลของเธอก็ดีมากเหมือนกัน ต่อให้สู้ปีศาจอัจฉริยะที่เชี่ยวชาญด้านการโจมตีระยะไกลเหล่านั้นไม่ไหว แต่เมื่อเทียบกับมือปืนระยะไกลทั่วไปแล้ว หลิงหลานยังเหนือกว่าเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่หลิงหลานคิดจะยิงนั้น แววตาของเธอวาวโรจน์ขึ้นมาทันใด หยุดนิ้วมือที่กำลังเหนี่ยวไกปืนในพริบตา เธอที่คุ้นเคยกับทักษะการต่อสู้ประชิดตัวพลันสังเกตเห็นว่าหุ่นรบของหลี่หลานเฟิงที่ดูเหมือนสูญเสียสมดุลได้ออกท่วงท่าที่ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก มือซ้ายของหุ่นรบยื่นไปข้างหน้าเล็กน้อย หุ่นรบโน้มเอียงไปทางด้านข้างทั้งตัว…
มือเปล่าฝ่าดงดาบ! แน่นอนว่าท่วงท่าที่หลี่หลานเฟิงแสดงออกมาในยามนี้เป็นท่วงท่าที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้ว แต่หลิงหลานที่มีแววตาเฉียบคมมองเห็นชัดเจนมาก ต่อให้ดัดแปลงท่วงท่าอีกแค่ไหน ก็ไปจากรากฐานเดิมของมันไม่ได้ ดูเหมือนว่าหลี่หลานเฟิงเตรียมตัวทำการโจมตีสุดท้ายแล้ว
ตอนที่หลิงหลานเห็นฉากนี้ ความจริงแล้วเธอมีสองทางเลือก หนึ่งคือยิงต่อ หุ่นรบที่ไม่มีโล่แสงคุ้มกัน ขอเพียงเธอยิงแสงติดต่อกันสามนัด ย่อมสามารถยิงทะลุห้องคนขับของหุ่นรบระดับพิเศษ และยุติศึกนี้ได้ทันที และอีกทางเลือกหนึ่งก็คือ เชื่อมั่นว่าชีตาห์โจมตีครั้งสุดท้ายนี้ได้สำเร็จ ถึงแม้หลิงหลานเห็นว่า อัตราความสำเร็จของชีตาห์อย่างมากสุดก็มีแค่หกสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น…
ถ้าเกิดเป็นหลิงหลานในชาติก่อน จะต้องเลือกยิงต่อแน่นอน เธอไม่มีทางเสี่ยงเดิมพันอยู่แล้ว นิสัยแม่ไก่ทำให้เธอชินกับรับคนที่เธอให้ความสำคัญเข้ามาอยู่ใต้ปีกเพื่อปกป้องคุ้มครอง ทว่าหลิงหลาน เนื่องจากมีการฝึกฝนและการทรมานอันแสนโรคจิตต่างๆ นานาของมิติการเรียนรู้ในชาตินี้ ทำให้เธอเรียนรู้ความเย็นชาไร้ความปรานีรวมถึงความเด็ดขาด ความคิดทั้งสองอย่างหมุนเวียนกันในสมองของหลิงหลาน และเธอก็เลือกข้อสองโดยไม่ลังเล ขอเพียงอัตราความสำเร็จเกินครึ่งหนึ่ง หลิงหลานก็กล้าเดิมพัน เธอเชื่อว่าถ้าเกิดชีตาห์ทำสำเร็จ เขาก็จะเติบโตขึ้นอีกครั้ง เข้าใกล้การเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชามากยิ่งขึ้น
ต่อให้หลี่หลานเฟิงจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตเพราะเหตุนี้ หลิงหลานก็คิดอย่างมีเหตุผลว่า เพื่ออนาคตของอีกฝ่ายแล้ว ความเสี่ยงนี้ยังคุ้มค่าพอให้ลองเสี่ยงอยู่ดี…
———————-
[1] วิธีการปลอบใจตัวเองอย่างหนึ่งโดยการมองโลกในแง่ดีมากเกินไป ต่อให้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็จะจินตนาการว่าตัวเองเอาชนะอีกฝ่าย ต่อให้เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ก็คิดว่าสามารถจัดการได้