บทที่ 322 เห็นทุกอย่าง
บทที่ 322 เห็นทุกอย่าง
ซูอันประหลาดใจเมื่อได้ยินคำถาม ดูเหมือนนางจะคิดว่าข้าหมายถึง ผนึกสวรรค์… ก็ดีเหมือนกันนะ นางคงจะโกรธมากถ้ารู้ว่าชายในชุดมังกรบอกให้ข้าฆ่านาง
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงไหลไปตามน้ำและตอบคำถามของนางอย่างตรงไปตรงมาว่า “เราถูกเคลื่อนย้ายไปยังหมู่บ้านเฉิน แต่จู่ ๆ ก็มีอุกกาบาตตกลงมาจากท้องฟ้า…”
หลังจากเล่ารายละเอียดแล้ว ซูอันอดไม่ได้ที่จะถาม “จริง ๆ แล้ว ข้าไม่เข้าใจเกี่ยวกับผนึกสวรรค์อย่างหนึ่ง ถ้าจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นคนสร้างมันขึ้นมา ทำไมเขาถึงใช้การช่วยเฉินเซิงเป็นจุดสำคัญในการทำลายผนึก? เฉินเซิงมีบทบาทสำคัญในการล่มสลายของราชวงศ์ฉิน ไม่ว่าข้าจะมองยังไง จิ๋นซีฮ่องเต้น่าจะอยากให้เขาตาย ๆ ไปซะมากกว่า”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ หมี่ลี่ก็ถอนหายใจและพูดว่า “ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าทำไมอิ่งเจิ้งจึงมั่นใจว่าจะไม่มีใครสามารถทำลายผนึกสวรรค์ได้ เขาสร้างมันขึ้นจากตัวอย่างประวัติศาสตร์ โดยใช้ชะตากรรมของอาณาจักรฉินเป็นหลักสำคัญ ผูกมัดกับกฎธรรมชาติของโลก ไม่ใช่สิ่งที่เจตจำนงของมนุษย์จะมีอิทธิพลได้”
“สำหรับคำถามที่เจ้าถาม มันเป็นเพราะว่านี่คือเจตจำนงของสวรรค์ไม่ใช่ความต้องการของอิ่งเจิ้ง สุดท้ายราชวงศ์ฉินก็ถูกโค่นล้มโดยฝ่ายที่สนับสนุนเฉินเซิง เนื่องจากผนึกสวรรค์ถูกสร้างขึ้นโดยมีชะตากรรมของราชวงศ์ฉินเป็นหลัก กุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาคือการชี้นำเหตุการณ์ไปสู่ความหายนะของราชวงศ์ฉิน อิ่งเจิ้งเองก็คงนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าบททดสอบภายในผนึกสวรรค์จะเป็นไปในลักษณะเช่นนี้!”
“ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าความเห็นใจจะกลายเป็นส่วนสำคัญช่วยให้ผ่านบททดสอบของผนึกสวรรค์ที่อิ่งเจิ้งแสนภาคภูมิใจ! ไม่มีอะไรน่าขันไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับทรราชอย่างอิ่งเจิ้ง! ฮ่า ๆ!”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของนาง ซูอันก็ถามด้วยความสงสัย “ท่านเกลียดเขามากเลยเหรอ?”
“นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!” หมี่ลี่ตอบกลับอย่างดุดัน
ซูอันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ยายเฒ่าคนนี้มีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดเวลา
“แม้ว่าเจ้าจะมีระดับการบ่มเพาะต่ำ แต่เจ้าสามารถเข้ามายังส่วนลึกของสุสานใต้ดินและทำลายผนึกปราบปรามวิญญาณได้สำเร็จ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับโชคชะตาแท้ ๆ!” หมี่ลี่ชื่นชม ดูเหมือนว่าอารมณ์ของนางจะดีขึ้นอีกแล้ว
“โอ้? หมายความว่าการพบกันของเราเป็นเรื่องโชคชะตาเช่นกันด้วยใช่ไหม?” ซูอันถามพลางหัวเราะ
“เจ้าล้อเลียนข้าอีกครั้งแล้ว! เจ้าเบื่อชีวิตมากเลยใช่ไหม?”หมี่ลี่พูดเสียงเย็น
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 345!
—
ซูอันไม่ได้คิดอะไรกับท่าทีคุกคามของนาง “เราได้ทำสัญญากันแล้ว ท่านไม่สามารถทำร้ายข้าได้! นอกจากนี้ ข้าคิดว่าในอดีตท่านคงไม่มีสหายเลย เพราะคงไม่มีใครชอบคนที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอย่างท่าน อยู่ด้วยแล้วประสาทจะกินเอา!”
“ข้าไม่ต้องการสหาย!” หมี่ลี่หน้าแดง
“มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ทำไมท่านถึงไม่ต้องการสหาย?” ซูอันตั้งข้อสังเกตในขณะที่เขาเดินกลับมาที่โลงศพผลึกแก้ว แล้วตัดโซ่ตรวนที่มัดแขนขาของนางด้วยกระบี่ไท่เอ๋อร์
“ในเมื่อโชคชะตานำพาเรามาพบกัน ทำไมเราไม่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันล่ะ ข้าจะยอมเป็นสหายคนแรกให้ท่านไง เอาไหม?”
ทันทีที่นางเป็นอิสระจากพันธนาการ หมี่ลี่ก็กระโดดออกจากโลงศพผลึกแก้วไปยืนบนรูปปั้นหินที่อยู่ข้าง ๆ นางมองชายหนุ่มอย่างเย็นชาและพูดว่า “ถ้าเจ้ากล้าที่จะอ้าปากอีกครั้งข้าจะตัดลิ้นเจ้า!”
ซูอันยิ้มแย้มแจ่มใส “ข้าไม่คิดอย่างนั้นนะ”
ตอนที่ยืนอยู่บนที่สูง นางดูสง่างามกว่าก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในโลงราวกับเป็นสาวงามที่เดินออกมาจากภาพวาด การปรากฏตัวของนางทำให้สุสานใต้ดินที่สกปรกนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น
“ไร้สาระ!” นางค่อย ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ เสื้อคลุมของนางพัดกระพือพร้อมกับคลื่นพลังอันรุนแรงแผ่กระจายออกไปทั่วบริเวณ นางเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ
คลื่นพลังที่แข็งแกร่งกดทับซูอัน ทำให้เขาหายใจแทบไม่ออก พลังนี้แข็งแกร่งกว่ากระบี่ไท่เอ๋อร์ก่อนหน้านี้หลายเท่า!
ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของซูอันเคยชินกับพลังปฐมบทแล้ว และกระบี่ไท่เอ๋อร์ได้ขจัดแรงกดทับครึ่งหนึ่งให้ เขาอาจถูกบังคับให้คุกเข่าลงต่อหน้านาง
ถึงกระนั้น ซูอันก็รู้สึกว่าตนไม่สามารถอดทนได้นานกว่านี้อีก เขาต้องการจะพูดบางอย่าง แต่แรงกดดันมหาศาลทำให้ไม่สามารถแม้แต่จะอ้าปากได้
หมี่ลี่ลอยอย่างสง่างามกลางอากาศ นางไพล่มือไว้ข้างหลังขณะที่นางพูดอย่างเย็นชา “คนอย่างเจ้าอยากเป็นสหายกับข้างั้นเหรอ?”
ซูอันโคจรวิชาปฐมบทแรกเริ่มของเขาจนถึงขีดสุดเพื่อใช้พลังของมันบรรเทาแรงกดทับอันทรงพลัง ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่ากระดูกของตนลั่นดังเอี๊ยดอ๊าดใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที
“ดูเหมือนเจ้าจะมีดีอยู่บ้าง แต่น่าเสียดายที่เจ้าอ่อนแอเกินไป” หมี่ลี่ กล่าวอย่างเย็นชา นางกำลังจะเพิ่มแรงกดทับให้สูงขึ้น แต่จู่ ๆ นางก็รู้สึกว่ามีลมกรรโชกแรงปะทะร่างกายของนางราวกับว่านางไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย นางจึงก้มศีรษะลงมองอย่างงุนงง และตกตะลึงในสิ่งที่ได้เห็น
ในทำนองเดียวกันสำหรับซูอันอยู่ ๆ แรงกดทับที่กระทำต่อเขาได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาไม่ได้ก้มหน้า ดังนั้นชายหนุ่มจึงมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง
แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับแรงกดทับที่น่าสะพรึงกลัว แต่เขาก็ยังสามารถยืนหยัดต่อสู้กับมันได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ อย่างไรก็ตาม ภาพที่ซูอันเห็นในตอนนี้ทำให้ชายหนุ่มต้องปิดจมูกอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดกำเดาไหลทะลักออกมา
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จู่ ๆ เสื้อผ้าของหมี่ลี่ก็ฉีกขาดออกจากกันโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า มันกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายไปตามลมอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นร่างที่งดงามสมบูรณ์แบบของนาง
ดูเหมือนว่าสวรรค์จะลำเอียงให้ความงามแก่บางคนมากกว่าคนอื่น ๆ ร่างกายของนางดูเหมือนหยกสลัก และผิวของนางก็เปล่งประกายอย่างเจิดจรัส
“ว๊าย!!” ในไม่ช้าหมี่ลี่ก็ได้สติจากอาการตกตะลึงและรีบพุ่งไปซ่อนอยู่ด้านหลังรูปปั้น นางกรีดร้อง “หลับตาเดี๋ยวนี้! ห้ามมองข้า!”
ซูอันเอามือปิดตาตามใจนาง แต่นิ้วของเขากลับไม่ได้ประสานกันสนิทซึ่งทำให้เขายังมองเห็นได้เล็กน้อย เมื่อมองดูนางซ่อนตัวด้วยความตื่นตระหนก รอยยิ้มแปลกประหลาดก็ผุดขึ้นบนริมฝีปากของเขา
“นี่ก็เป็นโชคชะตาเหมือนกัน สวรรค์คงเห็นว่าท่านรังแกข้า ดังนั้นสวรรค์ก็เลยจัดการลงโทษท่านอย่างทันท่วงที!”
“หุบปากไปซะ ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้าจริง ๆ!” หมี่ลี่ดีดนิ้วสร้างเสื้อคลุมพลังชี่ห่มตัวนาง เพียงแต่ว่าเสื้อคลุมที่ทำจากพลังชี่นั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกอุ่นใจเท่ากับเสื้อผ้าจริง
เมื่อนึกถึงว่าซูอันได้เห็นร่างกายของนางทั้งหมด นางแทบจะเป็นลมเพราะความโกรธ
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
ซูอันอดไม่ได้ที่จะโต้กลับ “ข้าได้ยินมาว่าสิ่งของที่ผลิตในราชวงศ์ฉิน ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือเสื้อผ้า จะต้องมีป้ายชื่อช่างฝีมือ หากมีข้อบกพร่องใด ๆ กับสินค้า ช่างฝีมือจะต้องรับผิดชอบ ด้วยเหตุนี้ เสื้อผ้าของราชวงศ์ฉินน่าจะมีคุณภาพมาก ๆ แต่จากที่ข้าเห็นเมื่อครู่ดูเหมือนว่ามันคงเป็นแค่ข่าวลือที่เชื่อถือไม่ได้เลย”
“ไร้สาระ! ไม่ว่าเสื้อคลุมของข้าจะดีแค่ไหน มันจะอยู่ได้นานหลายพันปีโดยไม่เสื่อมโทรมตามกาลเวลาได้ยังไง!” หมี่ลี่ตะโกน
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 813!
—
ซูอันรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยกับคะแนนความโกรธแค้นจำนวนมากที่ได้รับ
ให้ตายสิ ข้าเคยสบถสาบานไว้เพื่อช่วยเฉียวเสวี่ยอิงว่าจะยอมไม่สุ่มได้อะไรดี ๆ สามครั้งถัดไปถ้าได้น้ำยาศรัทธาพี่น้อง คะแนนความโกรธแค้นพวกนี้ได้มามากก็ยิ่งเสียดายมาก !
แน่นอนว่าชายหนุ่มคิดวิธีรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว ซูอันคิดว่าเมื่อไหร่ที่ได้รับคะแนนความโกรธแค้น เขาจะรีบกดสุ่มรางวัลทันทีเพื่อลบล้างผลที่ตามมาของคำสาบานได้โดยไม่ต้องทนทุกข์กับการสูญเสียมากเกินไป ชายหนุ่มจึงรู้สึกเสียดายที่หมี่ลี่เทคะแนนความโกรธแค้นมหาศาลมาไม่หยุด
“เจ้ามีเสื้อผ้าให้ข้าเปลี่ยนไหม?” หมี่ลี่ถาม
ซูอันกลั้นหัวเราะจนตัวสั่นคลอน “มี แต่มันเป็นเสื้อผ้าของข้า ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ…”
“โยนมาให้ข้า!” หมี่ลี่ตะโกน
ซูอันหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกจากกระเป๋าสะพายของเขาแล้วโยนให้หมี่ลี่ เขานำเสื้อผ้ามาหลายชุดเพราะรู้ว่าต้องอยู่ในมิติลับถึงสิบวัน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาก็ค่อนข้างน่าสมเพชในฐานะผู้เกิดใหม่ในต่างโลก พวกตัวละครเอกที่ชายหนุ่มอ่านเจอในนิยายมักมีแหวนสำหรับเก็บของและสิ่งประดิษฐ์เจ๋ง ๆ มากมาย ทำให้เดินทางได้อย่างสบาย แต่ซูอันกลับต้องใช้กระเป๋าหนังง่อย ๆ ติดตัวไปด้วยทุกที่มันทำลายชื่อเสียงของเขาผู้สมบูรณ์แบบจริง ๆ!
ท่อนแขนขาวสะอาดพุ่งออกมารับเสื้อผ้าจากด้านหลังรูปปั้น แล้วหดกลับอย่างรวดเร็ว “หันกลับไป ถ้าเจ้ากล้ามองข้า ข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกถึงจะต้องผิดสัญญาก็ตาม!”
“ไม่ใช่ว่ามีอะไรที่ข้ายังไม่ได้เห็นซะหน่อย…” ซูอันบ่นอย่างหงุดหงิด
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!” หมี่ลี่ตะคอก
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่ได้สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 684!
—
“ไม่มีอะไร!” เมื่อรู้สึกว่าความอดทนของอีกฝ่ายใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว ซูอันก็หันหน้าไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว ไม่มีความหมายที่จะได้รับคะแนนความโกรธแค้นเพิ่มขึ้นหากเขาตายด้วยน้ำมือนาง มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง!
เสียงกุกกักดังอยู่ด้านหลังรูปปั้นขณะที่ซูอันใช้โอกาสนี้ในการสุ่มรางวัล เขาสังเกตเห็นว่าตนเองสะสมคะแนนความโกรธแค้นได้ทั้งหมดถึง 7,434 คะแนน
โว้ว…นี่มันก็ไม่ได้นานเลยจากการสุ่มรางวัลรอบที่แล้ว คะแนนความโกรธแค้นที่ข้ามีในตอนนี้มันมากขนาดนี้แล้วงั้นเหรอ? ข้าจะได้สุ่มรางวัลถึง 74 ครั้ง… เพราะคำสาบานข้าคงจะไม่ซวยถึงขนาดไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียวจริงไหม?”
ซูอันกดแป้นพิมพ์อย่างประหม่า
‘ขอบคุณที่ร่วมสนุก’
‘ขอบคุณที่ร่วมสนุก’…
กระทั่งครั้งที่ 74 เขาก็ยังไม่ได้อะไรเลยแม้แต่ผลไม้พลังชี่สักผล!
ในโลกนี้คำอธิษฐานสบถสาบานมีผลมากขนาดนี้เลยเหรอ!
ซูอันกลืนน้ำลายในขณะที่เขาตัดสินใจที่จะไม่สาบานอีกต่อไป ผลของสัญญาในโลกนี้น่ากลัวจริง ๆ
“ข้าเสร็จแล้ว!”
หมี่ลี่ตะโกนขึ้นทันที เสียงของนางกลับมาเยือกเย็นตามปกติ ดูเหมือนว่านางจะไม่รู้สึกเขินอายอีกแล้ว