บทที่ 295 คิดว่าศิษย์บินไม่ได้งั้นหรือ

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 295 คิดว่าศิษย์บินไม่ได้งั้นหรือ?
บทที่ 295 คิดว่าศิษย์บินไม่ได้งั้นหรือ?

ยามราตรี อาวุโสเซียนหลินส่งชิงหมิงจื่อและหลิวซือกลับบ้าน

เมื่อพวกเขากลับมาถึงคฤหาสน์ ทั้งสองตกตะลึงเมื่อพบว่ามีผู้คุ้มกันตั้งแต่ประตูคฤหาสน์ ลามไปทุกพื้นที่ภายใน!

“นี่มันอะไรกัน”

เมื่อสังเกตเห็นแววตาของชิงหมิงจื่อ และหลินซือ อาวุโสเซียนหลินก็เผยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยคำ

“เป็นเพราะข้าห่วงใยน้องชายผู้สัตย์ซื่อ เช่นนี้จึงส่งบางคนออกมาโดยไม่ได้บอกกล่าว พวกเขาล้วนแต่เป็นชนชั้นสูงที่มาจากสวรรค์เพื่อเจ้า พวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญในขั้นเซียน ข้าคิดว่าน้องชายที่สัตย์ซื่อของข้า และน้องสาวจะไม่กล่าวโทษท่านพี่ผู้นี้ที่กระทำไปโดยพลการใช่หรือไม่?”

เมื่อเห็นทั้งสองไม่กล่าวคัดค้าน เขายิ้มพร้อมกล่าวเสริมว่า

“คงไม่?”

“แน่นอนว่าไม่”

ชิงหมิงจื่อประสานมือพร้อมตอบกลับ จากนั้นเหลือบมองผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น

คนเหล่านี้สวมชุดเกราะเซียนสีน้ำเงินชั้นเลิศ ทั้งยังมีกระบี่บินที่เอว อีกทั้งยังครอบครองอาวุธเวท ด้วยลมหายใจที่ทรงพลัง และดวงตาที่เฉียบแหลม เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดไม่ใช่ผู้คุ้มกันทั่วไป!

“ทั้งหมดคือสหายเซียนที่องค์จักรพรรดิเซียนทรงมอบให้”

อาวุโสเซียนหลินหัวเราะก่อนจะเอ่ยปาก

“ข้ารับใช้ของเราย่อมไม่สร้างความขุ่นเคืองให้กับเจ้าแน่ หวังว่าศิษย์น้องชิงหมิงคงเข้าใจ”

ชิงหมิงจื่อพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

“ข้าเข้าใจ พวกเราล้วนทราบถึงเจตนาขององค์จักรพรรดิชิง”

“เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสองพักผ่อนเถิด”

อาวุโสเซียนหลินโบกมือพร้อมกล่าวว่า

“ข้าไม่รบกวนแล้ว ค่อยพบกันใหม่”

เขาโบกมือพร้อมหายไปจากคฤหาสน์ เมื่อเห็นเช่นนี้หลิวซือจึงใช้จิตสำนึก เพื่อพูดคุยกับชิงหมิงจื่อ

“ชิงหมิง แล้วเราจะทำอย่างไรต่อ?”

“ข้าสามารถสังหารคนของจักรพรรดิชิงได้สามคนในคราวเดียว ซือเอ๋อ เจ้าสังหารได้กี่คน?”

ชิงหมิงจื่อกัดฟันกล่าวตอบผ่านจิตสำนึก

“ต้องการสังหารงั้นหรือ?”

หลิวซือผู้มีมีจิตใจดี ใบหน้าของนางเผยความลังเลออกมา

“ไร้หนทางเลือก อาวุโสเซียนหลินอยู่ที่นี่ และจักรพรรดิชิงไม่ต้องการให้พวกเรามีชีวิตรอดกลับไป”

ชิงหมิงจื่อตอบกลับ

“เขาไล่ล่าเจ้า อีกทั้งเจ้ายังมีวิชาของตระกูลติดตัวอยู่ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะไปปฏิเสธเขา และทำให้เขาสูญเสียใบหน้า ด้วยท่าทีของจักรพรรดิชิงในวันนี้ เขาย่อมไม่ปล่อยเราไปแน่!”

ดวงเนตรของหลิวซือฉายแววเด็ดเดี่ยว ในที่สุดนางก็ตัดสินใจได้

“ชิงหมิง ข้าต่อสู้ไม่เก่ง แม้ว่าจะมีทักษะจากครอบครัว แต่ข้าคิดว่าสามารถสังหารได้เพียงสองคนในคราวเดียว”

“เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”

ชิงหมิงจื่อกล่าวผ่านจิตสำนึก

“ตอนนี้เรากลับไปที่ห้องกันก่อนเถิด แล้วรอให้อาวุโสเซียนหลินจากไป เราจะลงมือในกลางดึก!”

“อืม”

ทั้งสองจับมือกันพร้อมเดินไปที่ห้อง พวกเขาเดินผ่านผู้คุ้มกันชุดเกราะน้ำเงินไปอย่างเฉยเมย ราวกับว่าบุคคลเหล่านี้ไร้ซึ่งตัวตนในสายตา

ชิงหมิงจื่อและหลิวซือเดินมาถึงห้องของตน พวกเขาเปิดประตูพร้อมก้าวเข้าไปด้านใน หลังจากปิดประตูลง ชิงหมิงจื่อกวาดสายตาไปทั่วห้อง ทันใดนั้นเขาเปิดเผยการป้องกันอย่างตื่นตระหนก

“ระวัง! มีร่องรอยของผู้อื่นอยู่ที่นี่”

เขายืนอยู่ด้านหน้าของหลิวซือที่ประตู ขณะนี้กำลังตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายใน ทันใดนั้นปราณกระบี่คมปลาบก็ปรากฏขึ้นในมือเขา!

ชิงหมิงจื่อเปิดใช้งานค่ายอาคมป้องกันประกายสีฟ้าออกมา มันกลายเป็นอาคมปกคลุมไปทั่วห้อง ขณะกล่าวถามเสียงดัง

“สหายที่ไม่ได้รับเชิญเป็นใครกัน? ออกมาพบข้า!”

หลังจากรอสักครู่ ก็ไม่มีผู้ใดตอบกลับ ชิงหมิงจื่อกระชับกระบี่ในมือเอาไว้ ปราณกระบี่ไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้เขาพร้อมแล้วหากมีสิ่งใดเคลื่อนไหว

ครู่ต่อมา เสียงซับซ้อนดังขึ้นภายในห้อง เสียงนี้ทำให้ชิงหมิงจื่อรู้สึกคุ้นเคย แต่ว่ายังไม่อาจทราบ

“เป็นข้าเอง ท่านอาจารย์”

ทันใดนั้น รอยแยกของมิติก็เปิดออกตรงกลางห้อง บุรุษและสตรีสองคนเดินออกมาจากช่องว่างนั้น

สตรีทั้งสองที่ติดตามมางดงามยิ่ง และชิงหมิงจื่อไม่เคยพบเจอพวกนางมาก่อน แต่บุรุษผมขาวในชุดคลุมสีขาวผู้นี้กลับฟื้นคืนความทรงจำที่ยาวนานในใจของเขาขึ้นมาได้

เมื่อมองใบหน้าที่คุ้นเคย ชิงหมิงจื่อขมวดคิ้วแน่นพร้อมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงอุทานออกอย่างตื่นตระหนก

“เจ้าคือ… ชิวหราน?”

“เป็นศิษย์เอง”

เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ถังรั่วเวย และหลีจิ่นเหยาเห็นไป๋ชิวหรานคุกเข่าต่อหน้าใครบางคน…

เขาคุกเข่าลงต่อหน้าชิงหมิงจื่อ โค้งคำนับสามครั้ง ก่อนจะกระแอมไอออกมา

“ศิษย์ที่ไม่คู่ควรเช่นไป๋ชิวหรานได้พบท่านอาจารย์แล้ว”

“ชิงหมิง…”

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หลิวซือกล่าวเสียงแผ่ว

“นี่คือ…”

“เขาคือศิษย์ของข้า”

น้ำเสียงของชิงหมิงจื่อตื่นเต้นเล็กน้อย

“รั่วเวย”

ไป๋ชิวหรานคุกเข่าอยู่บนพื้นและตะโกนเสียงดัง

“มาที่นี่เพื่อเคารพอาจารย์”

ถังรั่วเวยเข้าใจทันที นางคุกเข่าลงข้างไป๋ชิวหรานพร้อมกล่าวกับชิงหมิงจื่อเสียงดัง

“ศิษย์ถังรั่วเวยได้พบอาจารย์แล้ว”

หลีจิ่นเหยาเดินตามมา นางคุกเข่าลงอีกข้างของไป๋ชิวหรานและกล่าวว่า

“หลีจิ่นเหยา เป็นศิษย์ของสำนักอสูรสวรรค์ ขอแสดงความเคารพต่อปรมาจารย์ชิงหมิง”

“นี่คือศิษย์ฝึกหัดที่ศิษย์ผู้นี้ได้สั่งสอน”

ไป๋ชิวหรานกล่าวแนะนำทั้งสองกับชิงหมิงจื่อ

“นี่คือแม่นางหลีจากสำนักอสูรสวรรค์… นางคือสหายของศิษย์”

“เอาล่ะ เรามาพูดคุยกันดี ๆ ลุกขึ้นเถิด”

ชิงหมิงจื่อโบกมือ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความยินดี

“ชิวหราน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถบินขึ้นมาได้?”

“ท่านอาจารย์กล่าวหยอกล้องั้นหรือ”

ไป๋ชิวหราน หลีจิ่นเหยา และคนอื่นยืนขึ้นพร้อมหัวเราะ

“เหตุใดศิษย์จะบินไม่ได้?”

“ข้าได้พบกับซ่งเสวียนและเสี่ยวเยี่ย เช่นนั้นจึงทราบสถานการณ์ปัจจุบันของท่าน”

ใบหน้าของชิงหมิงจื่อเผยความประหลาดใจออกมา

“ความแข็งแกร่งของเจ้าอยู่เหนือเซียน แต่ขั้นการฝึกตนยังอยู่ในขั้นกลั่นลมปราณงั้นหรือ?”

ซ่งเสวียนและเสี่ยวเยี่ยมีชื่อเต็มว่าโจวซ่งเสวียนและหลีเยี่ย เป็นรุ่นที่สามและห้าของสำนักกระบี่ชิงหมิง พวกเขาคือศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงที่ประสบความสำเร็จในการขึ้นสู่แดนเซียนหลังจากชิงหมิงจากสำนักกระบี่ชิงหมิง ทั้งหมดคือศิษย์รุ่นน้องของไป๋ชิวหราน

ดูเหมือนว่าทั้งสองจะบินมาที่แดนเซียนตะวันออกและได้พบกับชิงหมิงจื่อ

ต้องสงบจิตใจ เพราะการทุบตีอาจารย์เป็นเรื่องที่ไม่อาจรับได้

ไป๋ชิวหรานสูดหายใจลึก เขาเก็บกลั้นความโกรธในใจก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงล้ำลึก

“ตอนนี้ศิษย์ผ่านพ้นขั้นกลั่นลมปราณแล้ว”

“จริงหรือ?”

ชิงหมิงจื่อเผยสีหน้าผ่อนคลายออก

“แล้วตอนนี้เจ้าอยู่ในขั้นใด? ขั้นปฐมวิญญาณ? ขั้นแยกวิญญาณ? ขั้นผสานร่าง? หรือว่า… ขั้นเซียน?”

“ท่านอย่าได้ประเมินศิษย์สูงนัก”

ใบหน้าของไป๋ชิวหรานกลายเป็นเคร่งขรึม

“ในตอนนี้ศิษย์อยู่ในขั้นรากฐานเสมือน”

“มันคือขอบเขตใดกัน?”

ชิงหมิงจื่อเกาศีรษะแกรก ๆ

“มันคือวิถีของการฝึกฝนเซียน และเป็นขอบเขตใหม่”

ไป๋ชิวหรานกล่าวออกมาโดยใบหน้าเรียบเฉย

“อย่างนั้นหรือ? เอาล่ะ ลืมมันไปซะ”

ชิงหมิงจื่อถอนหายใจ

“เจ้าไม่ควรจะขึ้นมาที่นี่เลย ด้วยความสัตย์จริงจากบรรพบุรุษในขั้นการกลั่นลมปราณของเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน แดนเซียนไม่ได้งดงามอย่างที่คิด อีกทั้งแดนเซียนตะวันออกแห่งนี้ยิ่งเสื่อมโทรมนัก”

“เรือถูกสร้างขึ้น แล้วศิษย์ก็ขึ้นมาได้แล้ว จึงสายเกินไปหากจะกล่าวเช่นนั้น”

ไป๋ชิวหรานกล่าวตอบ

“แต่ว่าท่านอาจารย์อย่าประเมิณศิษย์ของท่านต้อยต่ำนัก เข้าใจหรือไม่?”

“ข้าไม่คิดดูถูกเจ้า แต่อย่าได้ดูถูกจักรพรรดิชิงที่ปกครองแดนเซียนในเวลานี้”

ชิงหมิงโบกมือพร้อมกล่าวต่อ

“เขาไม่เพียงแต่เป็นจักรพรรดิเซียนที่แข็งแกร่ง และอยู่ในขั้นฝึกตนที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของแดนเซียนตะวันออกแห่งนี้ เขาไม่ได้แข็งแกร่งเพียงแค่ตนเอง ทว่ายังมีกองกำลังที่แข็งแกร่งในความดูแล ทั้งหมดล้วนน่าสะพรึงไร้ผู้ใดเทียบ และไม่ใช่สิ่งที่ใช้เพียงความกล้าหาญของบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่อล้มล้าง”

“ศิษย์เข้าใจแล้ว”

ชายหนุ่มกล่าวพร้อมก้มศีรษะลง

“ดีแล้วหากเข้าใจ เจ้าเติบโต และปกป้องเก้าทวีปมหาสิบแผ่นดินมากว่าสามพันปี ข้าเชื่อว่าเจ้าย่อมทราบถึงลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ”

ชิงหมิงจื่อก้มศีรษะลง ก่อนจะกล่าวต่อ

“ตอนนี้… ข้าไม่สามารถให้จักรพรรดิชิงทราบถึงการมาเยือนของเจ้าได้ ข้าจะหาวิธีสังหารผู้คุมด้านนอก แล้วส่งเจ้าไปที่เมืองเจิ้งเซียน…”

“ผู้คุ้มกันด้านนอก?”

ไป๋ชิวหรานกล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มกว้าง

“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องกังวลแล้วท่านอาจารย์ เมื่อข้าเข้ามาที่นี่ พวกข้าก็กำจัดคนเหล่านั้นทิ้งจนหมดสิ้น!”