ตอนที่ 305

My Disciples Are All Villains

ทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากระบบล้วนเกี่ยวข้องกับแต้มบุญ ถ้าหากลู่โจวไม่มีแต้มบุญเหลืออยู่ตัวเขาก็คงจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแน่ ตัวเขาจะไปซื้อพลังอวตารรวมไปถึงพัฒนาพลังวรยุทธต่อไปได้ยังไงกัน?

ลู่โจวเคยคิดที่จะพาเหล่าศิษย์ทรยศทั้งหมดกลับมา แต่ปัญหาในตอนนี้ก็อยู่ที่ศิษย์ทรยศทั้งสามคน พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นคนที่รับมือยาก

ศิษย์คนที่เจ็ดอย่างสีวู่หยาในตอนนี้ถูกพลังผนึกมนตราไป และเพราะผลของพลังทำให้เขาสูญเสียพลังวรยุทธที่มีไปด้วย แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังดื้อด้านที่จะซ่อนตัวต่อไป แม้ว่าจะพึ่งพาความสามารถของหมิงซี่หยินแล้วก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็ยังไม่ได้ตัวสีวู่หยากลับมา การจะจับตัวศิษย์คนนี้ได้เป็นงานที่ยากอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าจะไม่มีพลังวรยุทธแต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่ดี

ในตอนนี้ลู่โจวได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาที่สามมาแล้ว แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ลู่โจวตกใจ พลังจากเคล็ดวิชาคลื่นเสียงของเขามันทรงพลังมากขึ้น พลังที่ปลดปล่อยออกไปก่อนหน้านี้ได้ทำให้พลังวิเศษที่ลู่โจวมีหมดลงไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ดูเหมือนว่าเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์จะช่วยเพิ่มพลังวิเศษที่ตัวของลู่โจวสามารถเก็บสะสมเอาไว้ได้ สำหรับยู่เฉิงไห่และยู่ฉางตงคงจะทำอะไรพวกเขายากกว่าสีวู่หยาแน่ ลู่โจวมั่นใจมากว่าพลังวรยุทธของทั้งสองคนคงจะมีอวตารดอกบัวแปดกลับไปแล้ว

ลู่โจวยืนขึ้น ‘ดูเหมือนว่าฉันจะต้องฟื้นฟูพลังวรยุทธที่ถดถอยไปซะแล้ว…ถ้าหากไม่ทำแบบนั้นเห็นทีฉันก็คงจะจับลูกศิษย์พวกนี้กลับมาไม่ได้แน่’ ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็สามารถจับศิษย์ทรยศที่มีพลังต่ำต้อยกลับมาได้เท่านั้น…ยิ่งปล่อยเวลาผ่านไปศิษย์ทั้งสองก็คงจะแข็งแกร่งมากขึ้นแน่

“หยวนเอ๋อ” ลู่โจวได้ใช้เสียงของเขาเรียกหยวนเอ๋อขึ้น

หยวนเอ๋อชอบฝึกฝนตัวเองอยู่ใกล้ๆ กับที่ที่ลู่โจวอยู่ เมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นอาจารย์ นางก็รีบเข้ามายังห้องโถงใหญ่ด้วยความเร็วสูง “ท่านอาจารย์! ศิษย์มาแล้ว! ” แม้ว่าหยวนเอ๋อจะทักทายลู่โจวแต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่ได้คุกเข่าลง นางยังกระโดดไปรอบๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนสดใส

ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นได้พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “มารยาทของเจ้าไปอยู่ที่ไหนกัน? ระวังตัวของเจ้าไว้”

หยวนเอ๋อมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป นางรู้สึกผิดก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์ศิษย์ยังไม่ได้ทำผิดอะไรเลยแม้แต่น้อย! “

“เจ้าแน่ใจแล้วหรอ” ลู่โจวได้พูดพร้อมกับเอามือไขว้ไปที่หลัง

“หะ? “

“ตอนนี้เจ้าโตพอแล้ว เจ้าน่ะทำตัวเหมือนเด็กไปไม่ได้ตลอดหรอกนะ…สักวันเจ้าก็จะต้องเติบโตเป็นอิสระด้วยตัวเอง” ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างจริงใจ

“ค่ะ” ในอดีตที่ผ่านมาหยวนเอ๋อไม่เคยที่จะฝึกฝนเรื่องของความยับยั้งชั่งใจมาก่อนเลย เมื่อถูกยั่วโมโหเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นนางก็พร้อมที่จะสังหารอีกฝ่ายไปในทันที

แต่ในเวลานี้มันแตกต่างกันออกไป จิตใจของผู้ฝึกยุทธในยุทธภพล้วนแต่ไม่อาจคาดเดาได้ มีอันตรายแฝงอยู่ทุกซอกทุกมุม ถ้าหากนางทำตัวเหมือนเด็กต่อไปแบบนี้บางทีหยวนเอ๋ออาจจะไม่มีทางยืนด้วยสองเท้าของตัวเองได้

“เรียกศิษย์พี่สามของเจ้ามาซะ”

“ค่ะ”

หลังจากนั้นไม่นานต้วนมู่เฉิงก็เดินทางมาถึงห้องโถงใหญ่พร้อมกับหยวนเอ๋อ

ปัจจุบันทั้งสองคนเป็นศิษย์ของลู่โจวที่ยังอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้า

ลู่โจวได้ตัดสินใจที่จะปล่อยให้ซู่ฮ่องกงศิษย์คนที่แปดไตร่ตรองถึงสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อนต่อไป

“ท่านอาจารย์! ” ต้วนมู่เฉิงโค้งคำนับให้

ลู่โจวมองไปที่ศิษย์ทั้งสองก่อนที่จะพูดออกมา “การฝึกฝนตัวเองของเจ้าอย่างเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ไปถึงไหนบ้างแล้ว? “

“ศิษย์กำลังฝึกฝนตัวเองอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงแบบนั้นศิษย์ก็คิดว่ามันก้าวหน้าไม่ได้รวดเร็วอะไร”

“แล้วเจ้าล่ะหยวนเอ๋อ? “

“ท่านอาจารย์ศิษย์สบายดี…ศิษย์กำลังรู้สึกว่าอวตารของศิษย์กำลังจะผลิกลีบออกมาในเร็วๆ นี้” หยวนเอ๋อแสดงสีหน้าอย่างกระตือรือร้นออกมาราวกับว่านางกำลังรอรับคำชม

ลู่โจวพูดไม่ออก จากพรสวรรค์อันน่าเหลือเชื่อที่หยวนเอ๋อมี ลูกศิษย์อย่างนางยังต้องการคำแนะนำอะไรอีกอย่างงั้นหรอ? แม้ว่าจะตกใจแต่ลู่โจวก็ไม่ได้แสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไปออกมา “เอาไว้ข้าจะสอนพวกเจ้าในอนาคตเอง”

เมื่อต้วนมู่เฉิงและหยวนเอ๋อได้ยินแบบนั้นทั้งคู่ก็ได้แต่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

“ขอบคุณครับ/ค่ะท่านอาจารย์! ” ทั้งสองคนพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

เช้าวันรุ่งขึ้น

ณ ศาลาแห่งหนึ่งบนศาลาปีศาจลอยฟ้า

ศาลาแห่งนี้ตั้งอยู่บนดินแดนอันว่างเปล่า มันเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่จะฝึกฝนตัวเอง

ลู่โจวกำลังนั่งอยู่บนศาลาแห่งนั้น ตัวเขากำลังจ้องมองต้วนมู่เฉิงและหยวนเอ๋อที่กำลังยืนอยู่ด้านล่าง

“เจ้าก่อน” ลู่โจวได้ชี้ไปยังต้วนมู่เฉิง “สาธิตเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์โดยที่ไม่ต้องใช้พลังลมปราณรอบหนึ่งซะ”

“ครับท่านอาจารย์” ต้วนมู่เฉิงได้กางฝ่ามือของเขาออกมา ในตอนนั้นเองหอกราชันย์ก็ได้บินเข้ามาหาตัวเขา ต้วนมู่เฉิงเริ่มแสดงเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์ในทันที

ศิษย์ทั้งเก้าของศาลาปีศาจลอยฟ้ามีชื่อเสียงมากในโลกภายนอก ทุกๆ คนต่างก็รู้จักศิษย์ทั้งหมดดีรวมไปถึงผู้เป้นอาจารย์อย่างลู่โจวอีกด้วย

เมื่อคนอื่นๆ ในศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ยินว่าจู่ๆ ลู่โจวก็คิดสั่งสอนลูกศิษย์ขึ้นมา ทุกๆ คนต่างก็มาสังเกตการณ์จากในระยะไกล โดยเฉพาะผู้อาวุโสทั้งสาม พวกเขาอยากที่จะเฝ้ามองการสั่งสอนนี้ แต่ถึงแบบนั้นผู้อาวุโสทั้งสามก็ไม่อยากยืนใกล้ๆ กับคนรุ่นใหม่ ดังนั้นพวกเขาทั้งสามจึงยืนด้วยกันเพื่อสังเกตการณ์จากที่อื่นแทน แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งสามเองก็อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน

“เข้ามาสิ” ลู่โจวได้โบกแขนเสื้อของตัวเองก่อนที่จะกวักมือเรียกผู้อาวุโสทั้งสามให้มาหาตัวเขา

“ขอบคุณท่านปรมาจารย์”

เล้งลั่ว, ฝานลี่เทียนและฮั๊ววู่เด๋าต่างก็เดินเข้าไปยังศาลาแห่งนี้ พวกเขาทั้งสามต่างก็จ้องมองไปที่ต้วนมู่เฉิง

ต้วนมู่เฉิงกำลังใช้หอกราชันย์ของตัวเองฟาดฟันไปที่กลางอากาศอย่างกล้าหาญ เรี่ยวแรงที่ได้ใส่ลงไปดูทั้งดุดันและทรงพลัง ทุกๆ คนต่างก็เห็นทักษะของต้วนมู่เฉิงที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

ครู่ต่อมาต้วนมู่เฉิงก็แสดงทักษะจนเสร็จ ตัวเขาได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ “ท่านอาจารย์ ศิษย์ได้แสดงทุกอย่างออกไปแล้ว”

ลู่โจวมองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสามก่อนที่จะพูดออกมา “พวกเจ้าคิดว่ายังไงกันผู้อาวุโส? “

“ท่านปรมาจารย์ พวกเราเป็นเพียงแค่ชายชราเท่านั้น พวกเราคงไม่กล้าก้าวก่ายหน้าที่ของท่านชี้แนะลูกศิษย์ของท่านแบบนี้ได้” ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะคารวะลู่โจว

นี้ถือเป็นเรื่องที่ฮั๊ววู่เด๋าเกรงกลัวมาโดยตลอด การก้าวก่ายการสอนเช่นนี้เป็นเหมือนกับการไม่ให้เกียรติลู่โจว ท้ายที่สุดแล้วต้วนมู่เฉิงก็ไม่ใช่ศิษย์ของพวกเขาทั้งสาม

ในความเป็นจริงลู่โจวไม่ได้คิดมากอะไร ถ้าหากตัวเขาคิดเล็กคิดน้อยจริงตัวเขาก็คงจะไม่สั่งสอนลูกศิษย์แบบนี้ มันคงจะเป็นอะไรที่สูญเปล่าแน่ถ้าหากตัวเขาไม่ได้รับแต้มบุญจากการสั่งสอน

ลู่โจวลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินไปยังขอบศาลา ตัวเขาได้ใช้ฝ่ามือปล่อยพลังออกไป…ในตอนนั้นพลังฝ่ามือสีแดงสว่างก็ได้พุ่งตรงไปหาต้วนมู่เฉิง “ห้ามหลบ! “

ตู๊ม!

พลังฝ่ามือของลู่โจวจู่โจวไปที่ขาของต้วนมู่เฉิง ตัวเขาไม่ได้ขยับไปไหนเพราะแบบนั้นจึงรับแรงระเบิดไปในเต็มๆ

พลังฝ่ามือของลู่โจวไม่ได้รุนแรงอะไร ตัวเขาก็แค่จะทดสอบต้วนมู่เฉิงเท่านั้น “ดูเหมือนว่ารากฐานของเจ้าจะเรียบร้อยดี…”

ต้วนมู่เฉิงกำลังจะขอบคุณลู่โจว แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็ยังพูดต่อไป “อย่างไร้ก็ตามเจ้าน่ะเป็นคนใจร้อนที่จะใช้การโจมตีมากไป นอกจากนี้เจ้ายังใส่แรงไปกับการโจมตีมากไปอีกด้วย”

ลู่โจวที่สังเกตเห็นลูกศิษย์คนนี้ต่อสู้รู้ถึงเรื่องข้อเสียนี้ดี

เล้งลั่วและคนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้า ในความจริงพวกเขาทั้งสามต่างก็รู้ปัญหาที่ต้วนมู่เฉิงมี ปัญหาที่ว่ามันเกี่ยวข้องกับนิสัยของตัวเขานั่นเอง แม้ว่าชายคนนี้จะมีความสามารถสูง แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังดูเป็นเด็กรุ่นใหม่เมื่อเทียบกับเหล่าผู้อาวุโส ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ผู้มีประสบการณ์จะสังเกตเห็นถึงสิ่งนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าผู้อาวุโสพวกนี้ต่างก็ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังวรยุทธที่แสนจะน่ากลัวอยู่

ลู่โจวมีความทรงจำของจีเทียนเด๋าอยู่ มันเป็นความทรงจำที่ยาวนานกว่า 1,000 ปี แม้ว่าจะมีบางส่วนขาดหายไป แต่ถึงแบบนั้นด้วยความรู้และประสบการณ์ที่มีทำให้ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงตัวเขากับเรื่องนี้ได้

ต้วนมู่เฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้แต่เกาหัวของตัวเอง ตัวเขาได้แต่ยืนเฉยไม่กล้าขยับไปไหน

ลู่โจวได้พูดต่อ “เจ้าต้องฝึกฝนตัวเองที่หลังน้ำตกเป็นเวลา 6 ชั่วโมงต่อวันใน 3 เดือนต่อจากนี้”

“ครับท่านอาจารย์! ” แม้ว่าต้วนมู่เฉิงดูเหมือนจะไม่เต็มใจ แต่ในความจริงแล้วตัวเขามีความสุขมาก ท้ายที่สุดแล้วผู้เป็นอาจารย์ของเขาก็ไม่เคยแนะนำตัวเขาเช่นนี้ในอดีตที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้อาจารย์ของเขามักจะสอนต้วนมู่เฉิงด้วยความรุนแรงซะมากกว่า ปัจจุบันไม่เพียงแต่ลู่โจวจะไม่ใช้กำลัง ตัวเขายังจะชี้แนะเหล่าลูกศิษย์ให้ฝึกฝนตัวเองได้อย่างถูกต้องอีกด้วย และเพราะแบบนั้นทำไมต้วนมู่เฉิงจะไม่มีความสุขได้กัน?

“ติ้ง! ชี้แนะต้วนมู่เฉิงสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 300”

เมื่อลู่โจวได้ยินการแจ้งเตือนของระบบ ข้อสงสัยของตัวเขาก็ถูกยืนยัน ก่อนหน้านี้ตัวเขามักจะได้รับแต้มบุญจากการสั่งสอนผู้เป็นลูกศิษย์ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ต่างจากการชี้แนะอยู่ดี

เมื่อลู่โจวเริ่มชี้แนะหยวนเอ๋อ ตัวเขาก็ได้รับแต้มบุญอีกครั้ง ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเป้าหมายของตัวเขาคงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่

“นั่นเป็นวิธีการฝึกที่ยอดเยี่ยมมากท่านปรมาจารย์ วิธีที่จะฝึกความอดทนและหอกไปพร้อมๆ กัน การฝึกฝนที่ใต้น้ำตกคือคำตอบนั่นเอง! “

“ดูเหมือนว่าสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าจะไม่ได้แข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผลซะแล้ว”

“ข้าเข้าใจแล้ว” เล้งลั่วได้พูดออกมาด้วยเช่นกัน

ลู่โจวมองไปที่พวกเขาทั้งสามอย่างสงสัย ตัวเขาหวังมาตลอดว่าพวกเขาทั้งหมดจะแสดงความคิดเห็นออกมาเช่นกัน ตัวเขารู้อยู่แล้วว่าปรมาจารย์มหาวายร้ายรุ่นก่อนอย่างเล้งลั่วจะต้องมีประสบการณ์ดีๆ เก็บอยู่กับตัวแน่

ฝานซงและโจวจี้เฟิงรู้สึกอิจฉามากเมื่อได้เห็นภาพแบบนั้น แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสในสำนักแห่งความบริสุทธิ์วมไปถึงสำนักดาบสวรรค์เองก็ยังไม่เคยสอนเป็นการส่วนตัวเหมือนกับลู่โจวแบบนี้…

“ใช้พลังลมปราณออกมา…เอาล่ะเริ่มแสดงพลังอีกครั้งซะ” ลู่โจวเริ่มการสั่งสอนต่อ

“ครับ/ค่ะ ท่านอาจารย์! “