บทที่ 339 มู่เซิ่ง ต้องตายอย่างแน่นอน!

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 339 มู่เซิ่ง ต้องตายอย่างแน่นอน!

“ปรมาจารย์ก่วน ปรมาจารย์เตียว พวกท่านกำจัดอสูรตัวนี้แล้วเหรอ?”

เหมียวหงอวี่ตะโกนไปด้วย มองเข้าไปในหมอกหนาทึบไปด้วย การเคลื่อนไหวของทั้งสองคนต่อสู้กับอสูรตัวนี้มากเกินไป หมอกหนาทึบที่เป็นลูกคลื่นปะทุขึ้น มืดจนมองไม่เห็นอะไรเลย มองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ในหูของทุกคน มีเพียงเสียงการปะทะกันของเงากระบี่ จากนั้นมีเสียงคร่ำครวญอย่างหาที่เปรียบมิได้ของอสูร เสียงนั้นดังทะลุโลก และดังก้องอยู่ในหูของทุกคน ทุกคนที่ฟังก็ตื่นตระหนก

“ปรมาจารย์ก่วนคงจะไม่ใช่ว่าต่อสู้กับอสูรไม่ไหวหรอกนะ?”

“ไม่รู้ว่า หมอกหนาเกินไป จนมองอะไรข้างในไม่ชัดด้วยซ้ำ”

“ไม่งั้น พวกเราหนีไปก่อนมั้ย?”คำพูดของทหารรับจ้าง กระตุ้นท่าทีของคนอื่นๆ

เงินเป็นคนอื่น แต่ชีวิตเป็นของตัวเอง อสูรรูปร่างแรดตัวนี้ทรงพลังขนาดนั้น ถ้าเกิดปรมาจารย์ก่วนพวกเขาสู้ไม่ไหวจะทำยังไงดี? ถึงเวลานั้น พวกเขาจะตายอยู่ที่นี่เป็นคนแรก

“กลัวอะไร? ทักษะของปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียว หรือว่าพวกแกยังไม่รับรู้เหรอ? แค่อสูรตัวเดียว ปรมาจารย์ก่วนบอกแล้วว่า อสูรก็เปรียบได้กับปรมาจารย์บู๊เท่านั้นเอง และทางพวกเรา อย่างน้อยก็ใช่”ในเวลานี้เหมียวหงอวี่ พูดด้วยเสียงเย็นชา

“นั่นนะสิ ถึงเวลานั้นถ้าปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียวพบว่า พวกแกหนีไปหมดแล้ว ฉันดูสิว่าพวกแกจะอธิบายยังไง!” หลิวต้าเลี่ยงทำท่าทำทางอยู่ข้างๆ

เมื่อได้ยินเสียงของทั้งสองคน คนเหล่านั้นที่ต้องการหนีก็หยุดพูดในทันที กลัวว่าหลังจากที่ปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียวจัดการอสูรได้ เดี๋ยวจะคิดบัญชีกับพวกเขา

และในขณะที่ทุกคนกำลังรออย่างเงียบๆ

ตูมมมมม

เสียงดังใหญ่โต ทะลุออกจากหมอกหนาโดยตรง

ด้วยเสียงคำรามของอสูร หมอกหนาก็สลายไป และปรมาจารย์ก่วนกับปรมาจารย์เตียวทั้งสองคนก็โดนสั่นสะเทือนออกไปในเวลาเดียว กระแทกอยู่บนพื้นอย่างรุนแรง สภาพของพวกเขาสองคนดูน่าสงสารมาก ล้มลงกับพื้นอย่างแรง ปากก็กระอักเลือดออกมาในทันที

และรูปลักษณ์ของอสูรรูปร่างแรด ก็ดีไม่ถึงไหน

มีเขาที่แหลมคมเป็นอย่างยิ่งบนหัวของมัน ได้แตกออกจากตรงกลางแล้ว เผยให้เห็นตอหักแหลมคมในนั้น เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากดวงตาของอสูรรูปร่างแรด และทั้งตัว ก็อาบไปด้วยเลือด

แต่ทุกคนไม่ได้สนใจสภาพอสูรรูปร่างคล้ายแรดจะเป็นอย่างไร แม้ว่าเขาจะเหลืออึดใจเดียว พวกเขาก็ไม่สามารถทำลายหนังสัตว์ของอสูรตัวนี้ได้ เห็นสภาพนี้ ทุกคนก็ตกใจกลัวในทันที

“รีบหนี แม้แต่ปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไอ้เดรัจฉานตัวนี้!”

“พระเจ้า จบเห่แล้ว การป้องกันของไอ้ตัวนี้แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วยซ้ำ!”

“แม้แต่ปรมาจารย์ยังล้มลงเลย พวกเราจะต้านทานได้ยังไง รีบหนีเร็วเข้า หนีได้คนหนึ่งก็รอดคนหนึ่ง”

ทหารรับจ้างเหล่านั้นไม่สามารถยับยั้งความกลัวในใจได้อีกต่อไป และกระจัดกระจายออกไปเหมือนสัตว์

ในมือของเหมียวหงอวี่ ยังคงมีกระสุนสไนเปอร์ไม่กี่นัด เขาเล็งไปที่อสูรรูปร่างคล้ายแรด เหนี่ยวไกปืนไม่กี่นัดติดต่อกัน ผลปรากฏว่ากระสุนตกลงบนหัวของอสูรรูปร่างแรด ปังปังสองนัดก็ตกลงไปอยู่บนพื้น เหลือแต่รอยบุบขนาดเท่าหัวชอล์ก

“จุดไฟสิ เผาป่า เร็วเข้า หัวปืนไฟอยู่ที่ใคร? เชี่ย กูเลี้ยงพวกมึงไว้ทำไมวะ!”ทหารรับจ้างหนีไปแล้ว ลูกน้องเหล่านั้นของเหมียวหงอวี่ก็หนีตามไปด้วย เหมียวหงอวี่ด่าทอไปด้วย เมื่อกี้นี้มองดูเรื่องสนุก เขายืนอยู่ในตำแหน่งด้านหน้าสุด

ตอนนี้แรดกำลังพุ่งเข้ามา เขาก็เป็นคนแรกที่โดนกระทืบตาย!

“ลูกพี่ ผมมาช่วยพี่แล้ว!” หลิวต้าเลี่ยงตะโกน หยิบปืนจุดไฟออกมา และกดสวิตช์อย่างกะทันหัน

ต้นไม้ใหญ่ถูกไฟไหม้จนล้มลง ผลปรากฏว่าบนหัวของอสูรรูปร่างแรด ถูกทุบให้แหลก เปลวไฟก็ตกลงมาที่บนตัวอสูร และดับลงในชั่วพริบตา

ฉากนี้ ในสายตาของทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด

อสูรตัวนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้วนะ ไม่กลัวปืนไม่กลัวกระบี่ ตอนนี้ไม่กลัวแม้แต่ไฟ!

ปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียวประคองซึ่งกันและกัน สภาพจนตรอกเป็นอย่างมาก แต่แม้ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ คนแข็งแกร่งก็ยังแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาเหล่านั้น พวกเขาวิ่งไปตรงหน้าสุดของทีมในทันที

“หนีเร็วเข้า ขนาดพวกปรมาจารย์ยังไม่สนใจพวกเราเลย”

“รีบหนีเร็วเข้า พวกเราไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้ ไม่แน่นว่าหนีออกจากถิ่นของมัน มันก็ไม่มีทางฆ่าพวกเรา ท่าทางของอสูรตัวนี้ไม่เหมือนกับจะกินคนได้ พวกเราคงจะบุกรุกถิ่นของมัน ถึงได้โกรธมาก”

ทุกคนวิ่งได้เร็วมาก

และในเวลานี้ ปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียวเห็นมู่เซิ่งกับกลุ่มคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามา ในดวงตา ก็ฉายแววชั่วร้ายในทันที“หมอนี่โม้ว่าตัวเองสุดยอดมากไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ ก็ให้เขาลิ้นลองอสูรตัวนี้ดู!”

ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองคนก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายในทันที และเดินกะโผลกกะเผลกไปทางมู่เซิ่งและคนอื่นๆ

ในตอนแรก พวกเขายังไม่เข้าใจความหมายของปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียวที่วิ่งเข้ามา หยางฟางฟางยังคงสงสัยว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ที่ทำให้ปรมาจารย์ทั้งสองคนบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น

วินาทีต่อมา พวกเขาเห็นอสูรรูปร่างแรด ยืนอยู่ด้านหลังวิ่งกระจัดกระจาย

“ฉิบหาย อสูรตัวใหญ่ขนาดนี้ ลูกพี่ พวกเรารีบหนีกันเถอะ ไอ้แก่สองคนนั้นต้องยั่วโมโหอสูรตัวนี้แน่ๆ สู้ก็สู้ไม่ไหว ยังตั้งใจล่อมาทางพวกเรา ทุเรศเกินไปแล้ว!”เหยาเผิงตะโกนเสียงดังจากด้านข้าง

ปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียวได้ยินคำใส่ร้ายของเหยาเผิง โซเซในทันที และปลอบโยนตัวเองในใจ ไม่อยากโต้เถียงกับคนตายหลายคนนี้ ไม่หยุดฝีเท้า ยังคงวิ่งออกไปไกล

และหยางฟางฟางในเวลานี้ รู้สึกหวาดกลัวมากจนใบหน้าซีดเซียวตั้งนานแล้ว เธออยากหนีมาก แต่เท้าทั้งสองของเธอดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หยุดอยู่กับที่ ขยับไม่ได้เลย

“ลูกพี่ พวกเราหนีเถอะ”เหยาเผิงก็หวาดกลัวว่าอสูรรูปร่างแรดที่ดุร้ายเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มู่เซิ่งกลับยืนอยู่ในระยะไกล ไม่ขยับเขยื้อน

ทุกคนที่วิ่งหนีตามหลังของปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียว เห็นมู่เซิ่งไม่ขยับเขยื้อน คิดว่าเขาหวาดกลัว เหมียวหงอวี่จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา: “ฮ่าๆๆ เศษสวะ กลัวจนบ้าไปแล้วสินะ? แกก็อยู่เฉยๆแล้วถูกเหยียบย่ำกลายเป็นเนื้อบดเถอะ!”

หลิวต้าเลี่ยงก็รู้สึกตลก: “โชคดีที่มีพวกโง่อยู่รั้งท้าย ไม่อย่างนั้นครั้งนี้ หนีไปได้ยากจริงๆ”

“มู่เซิ่ง รีบหนีเร็วเข้า อันตราย นายหนีทำไม?”

ขนาดหยางฟางฟางก็ตั้งสติได้ ดึงมู่เซิ่งอยากจะหนีไป อย่างไรก็ตามมู่เซิ่งราวกับตะปู ยืนอยู่กับที่ ยังไงก็ไม่ขยับ

ฉัน ฉัน…….

หยางฟางฟางมองดูมู่เซิ่งเหมือนกับมองคนบ้า ทำไมต้องหนีด้วย? นายกลัวจนบ้าไปแล้วหรือไง ไม่เห็นอสูรที่แข็งแกร่งเช่นนี้พุ่งเข้ามาหานายเหรอ ไม่นึกเลยว่านายจะถามคำถามแบบนี้ออกมาได้

“ฮ่าๆๆๆ ไอ้โง่ ไม่มีสมอง” เหมียวหงอวี่หัวเราะลั่น

“รีบหนีเถอะ เดี๋ยวจะโดนไล่ทัน” หลิวต้าเลี่ยงพูดเร่งเร้า

“ไม่รีบ ฉันจะดูสิว่าไอ้โง่นี่ จะโดนอสูรตัวนี้เหยียบเป็นเนื้อบดยังไง” เหมียวหงอวี่หยุดอยู่ที่ไม่ไกล ท่าทางดูเรื่องสนุก และมองไปทางมู่เซิ่ง

ในสายตาของเขา

มู่เซิ่ง ต้องตายอย่างแน่นอน!