บทที่ 325 อบอุ่น

ส่วนชุดของของฝ่ายบุรุษก็งดงามสูงส่งไม่ต่างกัน ดูแล้วนี่คงจะเป็นชุดอภิเษกที่ใช้ในงานอภิเษกของผู้ที่สูงศักดิ์อย่างมากใช้กัน

แต่ชุดอภิเษกในราชวงศ์ของประเทศก่วงส้าก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้

ทั้งมันยังแตกต่างจากชุดอภิเษกของประเทศอื่นๆอีกด้วย

แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลานเยาเยากล้ามั่นใจได้เลยว่าความหรูหราและล้ำค่าของชุดอภิเษกแบบนี้ที่อยู่ตรงหน้านี้นั้นแตกต่างจากประเทศอื่นเป็นแน่

สวรรค์!

ที่นี่เคยเป็นลานพิธีอภิเษกของใครบางคนมาก่อนอย่างนั้นหรือ?

แต่ดูแล้ว ชุดอภิเษกนี้ราวกับยังไม่เคยถูกสวมใส่มาก่อน อาจจะเกิดเรื่องราวบางอย่างขึ้น จึงได้ทำให้พิธีอภิเษกถูกยุติลงแล้วทำให้ชุดอภิเษกจึงได้ถูกเก็บเอาไว้เช่นนี้

“เย่แจ๋หยิ่ง ที่ตรงนี้จะต้องมีคนเคยมาเป็นแน่ ทั้งยังเคยอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย แต่ตอนนี้กลับไม่พบผู้ใดเลย และยังไม่พบแม้แต่ศพเลยด้วย เช่นนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าที่นี่จะต้องมีทางออกแน่”

ทางออกนั้นมีอยู่เป็นแน่ เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการค้นหาเท่านั้น

ขณะนั้นเอง!

เย่แจ๋หยิ่งสัมผัสชุดอภิเษกเบาๆ แล้วสีหน้าของเขาก็หมองลง ก่อนจะลุกขึ้นออกไปทันที

ทำให้หลานเยาเยารู้สึกมึนงงเล็กน้อย

กำลังดีๆอยู่ เหตุใดอยู่ๆถึงกลายเป็นเศร้าเสียแล้ว?

ไม่สนใจแล้ว ตอนนี้หาทางออกเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

แต่ทว่า!นางก็ได้เดินออกไปสำรวจดูทั้งนอกและด้านในของพระราชวังน้ำแข็ง ราวกับว่าจะมุดแผ่นดินเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังหาทางออกไม่พบ

อย่าว่าแต่หาทางออกไม่พบเลย แม้แต่ร่องรอยเบาะแสสักนิดก็หาไม่พบเช่นกัน

ดังนั้น!นางจึงนั่งลงบนเตียงหยกอีกครั้ง

ด้วยความเหน็ดเหนื่อย พอนั่งๆอยู่ก็ล้มตัวลงไปนอน พอนอนไปนอนมาก็หลับไป ในขณะที่สะลืมสะลือ นางราวกับว่าได้ยินเสียงบรรเลงของจิ่วเซียวหวงเพ่ย ……

ส่วนคนที่อยู่ด้านนอกอย่างเย่แจ๋หยิ่ง ได้เดินตามความทรงจำของชายหนุ่มชุดขาวจนเดินไปถึงกำแพงน้ำแข็งอันหนึ่ง

เมื่อมองไปที่กำแพงน้ำแข็งที่เรียบและสะอาดนั้น ก็ได้เห็นว่าเหมือนมีบางอย่างถูกแช่แข็งอยู่ในนั้น

แล้ว!เขาจึงหลับตาลงอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ว่ากำลังสัมผัสสิ่งใดอยู่

ในไม่ช้าดวงตาที่แข็งกระด้างของเขาก็ลืมขึ้นมา

จากนั้นเขาก็ยื่นมือขึ้นสัมผัสลงบนกำแพงน้ำแข็ง ค่อยๆขยับไปทีละนิดๆ ก่อนจะหยุดลงในจุดๆหนึ่งๆ แล้วใช้พลังภายในกระแทกเข้าไป

“โครม……”

ทันใดนั้น กำแพงน้ำแข็งก็แตกกลายเป็นดังใยแมงมุม แล้วโพรงทรงกลมที่สามารถรองรับได้เพียงคนคนเดียวก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเขา

เย่แจ๋หยิ่งชักมือกลับ แล้วเดินเข้าไปในโพรงนั้น

และทันทีที่เข้าก้าวเท้าเข้าไป ปากโพรงก็ปิดตัวลง แล้วอยู่ๆเย่แจ๋หยิ่งก็เกิดอาการปวดหัวขึ้นมา

ซึ่งมันก็เจ็บปวดทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาตอนที่อยู่ในอุโมงค์นั้น……

ส่วนหลานเยาเยา

หลังจากที่นอนตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเย่แจ๋หยิ่งเหมือนจะยังไม่กลับมา

ดังนั้นหลานเยาเยาจึงมองไปยังจิ่วเซียวหวงเพ่ยที่วางอยู่ข้างกาย ดวงตาฉายแววสงสัย ก่อนจะรับลงมาจากเตียงหยก

คงไม่ได้เกิดเรื่องแล้วหรอกนะ?

นานขนาดนี้แต่ยังไม่กลับมา นางต้องออกไปตามหาเสียแล้ว

พระราชวังแห่งนี้ถึงแม้จะไม่ได้มีนาดใหญ่เท่ากับตำหนักเทพธิดาของนาง แต่ก็นับว่าไม่ใช่สถานที่ขนาดเล็กในการตามหาใครสักคน ใช้เวลาครึ่งชั่วยามก็ไม่แน่ว่าจะสามารถหาเจอ

หลังจากที่หลานเยาเยาออกไปตามหาอยู่นาน จนเกือบจะค้นหานอกพระราชวังอีกครั้งแล้ว แต่ก็ยังคงหาไม่เจอ

“เย่แจ๋หยิ่ง เย่แจ๋หยิ่งๆ……”

นางรู้สึกหนาวจนต้องถูมือไปพลางตะโกนเรียกชื่อของเขาไปด้วย

เสียงก็ไม่ได้เบา ทั้งยังอยู่ในนี้ยังมีเสียงก้องกังวานกลับมาด้วย หากเย่แจ๋หยิ่งอยู่ที่นี่ก็น่าจะที่จะได้ยินเสียงเรียกนี้

ทว่า……

นางตะโกนเรียกเป็นเวลานาน กลับไม่มีการตอบกลับใดๆกลับมา

ในสถานการณ์ ก็มีความเป็นไปได้เพียงสองประการแล้ว

ประการแรกคือเย่แจ๋หยิ่งรับรู้ถึงความทรงจำของชายหนุ่มชุดขาวที่อยู่ในภาพลวงตานั้น และรู้หนทางที่จะออกไปจากที่นี่แล้ว ดังนั้นเขาจึงหนีออกไปก่อนแล้ว

ประการที่สองก็คือเพราะความทรงจำของชายหนุ่มชุดขาว จึงทำให้เขาเกิดอาการที่ไม่มั่นคง หมดสติไปแล้ว หรือว่า ……

นางไม่กล้าที่จะคิดมากเกินไปกว่านี้แล้ว

แต่ว่า ในสถานที่หนาวเหน็บเช่นนี้ แม้แต่คนร่างใหญ่ยังสามารถที่จะหนาวตายได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับคนอ่อนแรงหรือคนที่หมดสติไป

พอคิดได้เช่นนี้

หลานเยาเยาก็อดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้า แล้วตะโกนเรียกออกไปด้วยเสียงที่ดังมากขึ้น

“เย่แจ๋หยิ่ง เย่แจ๋หยิ่งๆ ……”

เสียงตะโกนเรียกของนางสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ จากความหนาวเย็นที่ทำให้นางถึงกับปากสั่นไปหมดแล้ว และเป็นเพราะโอกาสที่เจอเย่แจ๋หยิ่งนั้นยิ่งน้อยขึ้นเรื่อยๆด้วย

“เย่แจ๋หยิ่ง……”

“อืม ข้าอยู่นี่”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากด้านหลัง เป็นเสียงที่ทั้งทุ่มต่ำ และแผ่วเบา

หลานเยาเยารีบหันหน้ากลับไปทันที จึงได้เห็นเย่แจ๋หยิ่งกำลังยืนอยู่ไม่ไกล จ้องมองมายังนาง

ราวกับหมื่นปีผันผ่าน สุดท้ายก็ได้เจอกับส่งที่ต้องการเสียที ……

ราวกับว่ามีคำพูดเป็นพันเป็นหมื่นคำที่อยากจะพูดออกมา

แต่สุดท้ายเขาก็ยิ้มขึ้นมา โดยไม่กล่าวสิ่งใด

หลังจากที่หลานเยาเยาได้เห็นเขา หัวใจก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา แล้ววิ่งไปหาเขาอย่างรวดเร็ว แล้วเข้าไปซุกอ้อมแขนของเขา

“เย่แจ๋หยิ่ง ท่านไปแห่งใดมา?ท่านทราบหรือไม่ว่าการที่ท่านหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ จะเกิดบทสรุปเช่นใด?”

เมื่อเห็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ความทุกข์ในใจก็พลันหล่นหายไป

หลานเยาเยาเอื้อมือขึ้นไปหวังจะทุบหน้าอกของเย่แจ๋หยิ่ง แต่ก็ชะงักมือกลางอากาศ

ถ้าตีเขาเจ็บขึ้นมาจะทำอย่างไร?

สมควรตาย!

สุดท้ายนางก็ทำใจไม่ได้ที่จะทุบตีเขา

ช่วยไม่ได้ นางจึงได้เพียงแต่ผลักเขาออก ก่อนจะถอยหลังสองก้าว แล้วยื่นมือให้เขา “กลับไปกับข้า”

“ได้!”เย่แจ๋หยิ่งพยักหน้า

เย่แจ๋หยิ่งยื่นมือออกไปจับมือนางเอาไว้ แต่กลับไม่ได้เดินก้าวไป

หลานเยาเยาที่นำหน้าดึงมือเขา แต่เขากลับไม่ขยับ จึงมองไปด้วยความสงสัย และแววตาที่เกิดคำถามขึ้น:เหตุใดถึงไม่เดินนะ?

ผู้ใดจะรู้ว่า……

นางกลับถูกเย่แจ๋หยิ่งใช้แรงดึงนางเข้ามา แล้วนางก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง

จากนั้นเสียงอันทุ้มต่ำของเขาก็ดังขึ้นมาเหนือหัวของนาง

“ได้เจอเจ้าอีกครั้งนี่ดีจริงๆ!”

หลานเยาเยายิ้มขึ้นมา พร้อมกับพูดด้วยความหลงตัวเอง

“แน่นอนอยู่แล้ว!เพราะข้าสามารถทำได้ทุกอย่าง ท่านจะทิ้งข้าได้อย่างไร?”

“เหอะๆ……”เย่แจ๋หยิ่งหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่ชัดเจน

“อืม ไม่พรากจากเจ้าอีกแล้ว จะกี่พบกี่ชาติก็ไม่อาจพรากจากเจ้าอีก”

หลานเยาเยาถึงกับตะลึงงันทันที เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็รัดมือที่กอดเขาแน่นมากขึ้นด้วยใจที่อบอุ่น

นางชอบเย่แจ๋หยิ่งในตอนนี้ที่มอบความรู้สึกพวกนี้ให้กับนาง และยิ่งชอบตอนนี้ที่เขา……สารภาพรัก?

ยังไงเสียไม่ว่าจะใช่หรือไม่ นางก็คิดว่าใช่แล้ว

พวกเขาทั้งสองในเวลานี้กำลังสารภาพต่อกันงั้นหรือ?

ต้องใช่แน่นอน

แต่เพียงหวังว่าทุกสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ จะไม่เป็นดั่งจันทร์ในน้ำดอกไม้ในกระจกที่ล้วนแต่เป็นของจอมปลอม แล้วสุดท้ายมันก็เป็นภาพลวงตาที่อบอุ่นใจเท่านั้น

และยิ่งไม่อยากให้มันเป็นดั่งดอกถานฮวาชั่วค่ำคืน ที่เบ่งบานเพียงชั่วครู่เดียว แล้วหายลับไปภายในพริบตา

หลังจากกอดกันสักพัก หลานเยาเยาก็ผลักเขาออกเบาๆ แล้วดึงมือเขาเข้าไปในพระราชวังอีกครั้ง

“ร่างกายของท่านเย็นนัก ใกล้จะแข็งแล้ว ไปเถอะ พวกเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”

ครั้งนี้ เย่แจ๋หยิ่งยอมเชื่อฟังให้หลานเยาเยาจูงมือเขาเดินเข้าไปภายในพระราชวังอย่างว่าง่าย เพียงครู่เดียวก็กลับมานั่งยังเตียงหยกแสนอบอุ่นแล้ว

ตั้งแต่ที่นั่งลงบนเตียงหยก หลานเยาเยาก็รู้สึกอยู่ไม่สุขตลอดเวลา

นางวางมือทั้งสองลงบนเตียงหยกอันอบอุ่น รอให้มันอุ่นแล้วก็ยื่นมือไปให้ความอุ่นกับร่างกายที่แสนเย็นของเย่แจ๋หยิ่ง พอมือเริ่มเย็นนางก็เอามือมาวางบนเตียงอีกครั้ง แล้วทำเช่นนี้ซ้ำอยู่หลายรอบ

แต่ว่าผ่านไปเพียงครู่เดียว

หลานเยาเยาก็ร้อนรน

“เหตุใดตัวท่านถึงได้เย็นเช่นนี้?”ดูจากท่าแล้วคงจะถูกแช่แข็ง เพราะอยู่ด้านนอกนานเกินไป

“ไม่เป็นอะไร!”เย่แจ๋หยิ่งที่เห็นท่าทางกังวลของนาง จึงกระแอมออกมาเบาๆ แล้วตอบกลับราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง :“อบอุ่นขึ้นก็พอแล้ว”

คำพูดนี้ หลานเยาเยาเองก็เห็นด้วยอย่างมาก

เพียงแค่อบอุ่น……

แล้วอบอุ่นอย่างไร?