ตอนที่ 1680 : พลังปราณสุริยันแรกกำเนิด!
หากไม่อาจต้านทานรับได้แม้แต่เขตแดน เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องสู้กันแล้ว! นั่นเพราะจะตกตายด้วยพลังอำนาจของเขตแดนก่อนที่จะทันได้ทำอะไร!!
แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนั้นจะเกิดขึ้นในกรณีที่พลังฝึกปรือห่างชั้นกันเกินไป…
ถ้าต้วนหลิงเทียนไม่มีอายุน้อยขนาดนี้ ผู้ชมคงไม่คิดอะไรแบบนี้
ปัญหาก็คือทั้งใบหน้าและอายุขัยของต้วนหลิงเทียนยังน้อยเกินไป ทว่ากลับหาญกล้ากล่าววาจาโอหังแบบนั้นออกมา
มีคำกล่าวที่ว่า ‘บนปากไร้หนวด งานใหญ่ทำไม่ได้’ บนโลกใบนี้เช่นกัน
(คนหนุ่มไร้ประสบการณ์ ยากจะทำงานใหญ่)
“ข้าไม่เจียมตัว? ประเมินตัวเองสูงไป?”
มุมปากต้วนหลิงเทียนยกยิ้มแสยะขึ้นมาบางๆ เมื่อได้ยินเสียงตะโกนดุร้ายของคนฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง
สีหน้าท่าทางเขายังไม่แปรเปลี่ยนอะไรแม้อีกฝ่ายจะปะทุพลังควบรวมเขตแดนพุ่งปรี่เข้ามา
ทว่าถึงแม้สีหน้าต้วนหลิงเทียนจะไม่เปลี่ยน ทว่าทั่วร่างของเขาพลันปรากฏมวลพลังมหาศาลขุมหนึ่งระเบิดพุ่งออกมาคลุมกาย ทว่าผิดแผกจากปราณแรกกำเนิดของผู้อื่น ปราณของเขากลับมีสีทองสว่างไสว ความว่างรอบกายเริ่มบังเกิดเสียงฮึงๆ
เขตแดนหมื่นกระบี่!!
ทันใดนั้น อาณาบริเวณทรงกลมกินรัศมี 100 หมี่โดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง ก็เสมือนกลายเป็นมหาสมุทรทองคำในชั่วพริบตา!
มองไปคล้ายมีดวงตะวันอุบัติขึ้นก็ไม่ปาน แสงสีทองที่สาดส่องออกมา มันสว่างไสวเรืองรองเสียจนยากที่ผู้คนในขอบเขตพลังต้อยต่ำจะมองได้! ทั้งหมดจำต้องยกมือขึ้นมาป้องบังดวงตาในทันใด ทว่าหลังจากป้องบังแล้ว แม้พวกมันพยายามจะหยีตามอง แต่ทำอย่างไรก็มิอาจจ้องมองได้..
นั้นเพราะแสงสีทองที่ส่องสว่างออกมาจากเขตแดนของต้วนหลิงเทียนมันเจิดจ้าเกินไป เจิดจ้าจนแทบทำให้ดวงตาของพวกมันมืดบอด ยังจะไปมองอะไรได้เห็น!
“นี่มันเขตแดนอันใดกันแน่?!”
ทันใดนั้นผู้คนแทบทั้งหมดที่จำต้องหลับตาถึงกับโพล่งร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก พวกมันพึ่งเคยพบพานกับเขตแดนเช่นนี้เป็นครั้งแรก กระทั่งได้ยินยังไม่เคยได้ยินมาก่อน!
เหนือขึ้นไปบนฟ้าสูง สีหน้าของเริ่นตงและหลิวหงกวงพลันแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันใด
เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกมันเห็นเขตแดนอะไรแบบนี้!
กระทั่งด้วยสายตาของตัวตนด่านพลังอริยะเซียนเช่นพวกมัน ยังไม่อาจมองเรื่องราวภายในเขตแดนประหลาดได้ชัดเจน เรื่องนี้อดทำให้พวกมันใจสะท้านหวั่นไหวไปเสียไม่ได้
ถึงแม้ว่าเขตแดนพิสดารที่อุบัติขึ้นเบื้องหน้าไม่ได้มีพลังน่ากลัวมากมายสำหรับพวกมัน หากแต่กลิ่นอายพลังที่พวกมันสัมผัสได้ ยังถึงกับทำให้พวกมันต้องสะท้านจับใจ
“เจ้าหนุ่มนี่มันมีด่านพลังฝึกปรืออันใดกันแน่!? ไฉนมันถึงเปิดใช้เขตแดนที่ทรงพลังเช่นนี้ได้?”
เริ่นจงหันไปมองถามหลิวหงกวงด้านข้างด้วยสายตาตกใจ
“มันสมควรบ่มเพาะด้วยเคล็ดบำเพ็ญจิตพิสดารที่มีกลวิธีปกปิดพลังฝึกปรือเป็นแน่ กระทั่งพวกเรายังไม่อาจมองออก…ตอนแรกข้าก็คิดว่าจะตรวจสอบพลังฝึกปรือของมันได้ง่ายๆยามมันใช้ปราณแรกกำเนิด…แต่พอมันปลดปล่อยปราณแรกกำเนิดออกมาจริงๆ กลับพิกลยิ่งนัก! เพราะจากที่ข้าสัมผัสได้..กลิ่นอายพลังของมันสมควรบรรลุเพียงเซียนดั้งเดิมขั้นกลางเท่านั้น!”
หลิวหงกวงกล่าวออกหน้าเคร่ง ในใจมันก็ตื่นตระหนกไปไม่น้อย
“อันใดกัน เจ้าเองก็สัมผัสได้เหมือนข้างั้นเหรอ?”
เริ่นจงเองก็ตกใจไม่น้อย เพราะตอนแรกมันคิดว่าสัมผัสพลังของมันน่าจะผิดเพี้ยนอะไรแล้วแน่แท้…
เพราะตอนที่ต้วนหลิงเทียนเปิดใช้เขตแดนออกมา เริ่นจงก็รู้สึกว่าพลังอำนาจที่ปลดปล่อยออกมาตอนนี้ ให้กลิ่นอายเหมือนเซียนดั้งเดิมขั้นกลาง…
อย่างไรก็ตามมันกลับพบว่า ปราณแรกกำเนิดที่ต้วนหลิงเทียนปลดปล่อยออกมา…หาได้ง่ายดายอย่างที่มันคิดไม่! แม้มันไม่ทราบจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรแต่มันรู้สึกได้!!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราณแรกกำเนิดที่ต้วนหลิงเทียนปลดปล่อยออกมา กลับควบรวมก่อเขตแดนได้ในเวลาแค่เสี้ยวพริบตา ทั้งให้ความรู้สึกถึงพลังเหนือกว่าคู่ต่อสู้หลายเท่าตัว ก็ยิ่งทำให้มันตื่นตระหนกไปกันใหญ่”เป็นไปมิได้! ความแข็งแกร่งระดับนี้ไม่ใช่อะไรที่เซียนดั้งเดิมขั้นกลางจะทำได้..!!”
ตอนนี้มันไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด ว่าพลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกคือปราณแรกกำเนิดของเซียนดั้งเดิมขั้นกลาง!
เป็นเรื่องตลกหรือ!
เซียนดั้งเดิมขั้นกลางจะไปมีปัญญาก่อเขตแดนรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งยังให้ความรู้สึกทรงพลังผิดปกติอย่างที่พวกมันไม่ทราบสาเหตุแบบนี้ได้อีก!
จากความรู้สึกของพวกมันตอนนี้ พวกมันบอกได้ทันที ว่ายามต้องเผชิญหน้ากับเขตแดนสว่างจ้าปานมหาสมุทรทองคำประหลาๆนั่น เขตแดนดาบวายุของคนคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเสมือนเป็นกระดาษเปื่อยเปียกน้ำที่แสนเปราะบาง!
เริ่นจงกับหลิวหงกวงผ่านโลกมาไม่น้อย ใช้ชีวิตมาก็นาน แต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่พวกมันเห็นอะไรแบบนี้
“นี่มันเป็นผู้ใดกันแน่!?”
ครู่หนึ่ง ใจของพวกมันก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างยากจะอธิบาย
เมื่อเริ่นจงกับหลิวหงกวงพบความผิดปกติเรื่องนี้ ก็เป็นธรรมดาที่ฉีเสิ่น ผู้อาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะพบว่าเรื่องราวผิดท่าด้วยเช่นกัน มันไม่มีแม้กระทั่งเวลาจะส่งเสียงกล่าว ได้แต่ตะโกนออกมาเสียงดัง”ฉีผิง รีบยอมแพ้เร็วเข้า!!”
อา!
และวาจานี้ของฉีเสิ่น ย่อมทำให้ผู้คนที่หลับตาอยู่ตื่นตระหนกครั้งใหญ่ทันที
อาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง กลับตะโกนเสียงหลงให้ฉีผิงยอมแพ้?
นี่อีกฝ่ายคิดว่าพลังฝีมือของฉีผิงอ่อนด้อยกว่าศัตรูที่เป็นแค่ชายหนุ่มวัยไม่ถึง 40 ปีงั้นเหรอ?
พวกมันจะคิดแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถมองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตแดนสีทองสว่างจ้าของต้วนหลิงเทียนได้
เริ่นจง หลิวหงกวง และฉีเสิ่น สามารถมองเห็นได้แม้จะไม่ชัด
ส่วนเจ้าอาวาสวัดฟ่านเทียน ผู้นำศาลเจ้าชุนหยางและ ผู้นำขุมพลังชั้น 5 อีกขุม สามารถมองเห็นได้รางๆเท่านั้น
ส่วนคนอื่นนั้นไม่อาจมองเห็นอะไรได้เลย
บางทีหากพวกมันเข้าไปอยู่ในเขตแดนของต้วนหลิงเทียน พวกมันอาจจะยังพอมองเห็นเรื่องราวภายในได้
ฉีเสิ่นนั้นมันโพล่งตะโกนออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะมันตระหนักได้ว่าผู้ฝึกตนพเนจรคนนี้ไม่ธรรมดา!
ตอนแรกมันคิดว่าผู้ฝึกตนพเนจรนี้เพียงรนหาที่ตายโง่ๆด้วยการท้าฉีผิงเพื่อยืนหยัดในเรื่องราวอันไร้สาระ แต่มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าปราณแรกกำเนิดที่อีกฝ่ายใช้ออกมาจะเป็นอะไรที่แปลกประหลาดแบบนี้ กลิ่นอายพลังอยู่ที่เซียนดั้งเดิมขั้นกลางชัดๆ แต่พลังอำนาจกลับไม่ต่างอะไรจากเซียนขัดเกลาขั้นกลาง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สติมันเตลิด
น่าเสียดายที่มันตะโกนกล่าวเตือนออกมาช้าไป
เกาทัณฑ์ที่พ้นคันศรไปแล้ว ยากจะเก็บคืนมาได้…
ฉีผิงที่เปิดใช้เขตแดนดาบวายุ พุ่งร่างปรี่เข้าหาต้วนหลิงเทียนด้วยเจตนาฆ่าฟันอำมหิต ส่วนต้วนหลิงเทียนก็เปิดใช้เขตแดนหมื่นกระบี่อันมีอาณาบริเวณกินรัศมี 100 หมี่เช่นกัน
แน่นอนว่าเหล่ายอดฝีมือระดับผู้นำย่อมแลเห็นได้ ว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเปิดใช้เขตแดน พลังอำนาจอันน่ากลัวก็ปะทุออก เสียงหอนกระบี่นับพันนับหมื่นดังขึ้น…เขตแดนดาบวายุ กลับถูกกระบี่นับหมื่นผุดทับทันที!
ร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่ใจกลางเขตแดนหมื่นกระบี่ จี้ 2 นิ้วชี้ขึ้นไปในอากาศอย่างไร้เรื่องราว
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
……
ทว่าทันใดนั้นเองเสียงกระบี่กรีดอากาศพลันดังก้องออกมาให้ได้ยินชัดเจน!
“หยุดมือ!!”
ตอนนี้ฉีเสิ่นที่ตระหนักได้ว่ามันสายเกินไปที่ฉีผิงจะคืนสติจากการตกตะลึงและกล่าวคำยอมแพ้ มันก็ได้แต่ส่งเสียงตะโกนผ่านปราณแรกกำเนิดใส่หูต้วนหลิงเทียนโดยตรง พยายามทำให้ต้วนหลิงเทียนเสียสมาธิ เผื่อฉีผิงจะคืนสติได้ทันกาลและมีโอกาสให้เร่งกล่าวคำยอมแพ้ออกมา
เพราะมันตระหนักได้ชัดเจนแล้วตอนนี้ว่าฉีผิงไม่ใช่คู่มือต้วนหลิงเทียนเลย
“หยุดมืองั้นเหรอ?”
พอต้วนหลิงเทียนได้ยินเสียงผ่านปราณแรกกำเนิด เขาก็บอกได้ทันทีว่าเป็นเสียงของฉีเสิ่น เพียงยกยิ้มขึ้นมาอย่างขบขันแต่ไม่คิดหยุด ยังมองไปยังฉีผิงที่หวาดผวาตกตะลึงด้วยสายตาเฉยเมย
ทุกอย่างมันจบแล้ว!
หมื่นกระบี่ในเขตแดน ต่างพุ่งแหวกฟ้าผ่าอากาศเข้าหาฉีผิงอย่างไร้ปราณี ยังทะลวงทำลายดาบวายุตามรายทางง่ายดายคล้ายเป็นแค่อากาศธาตุ…ฉากเรื่องราวเป็นอะไรที่ชวนให้หนาวจับใจนัก
น่าเสียดายทีในที่นี้มีเพียงแค่ 6 คนเท่านั้นที่แลเห็นเรื่องราวภายในเขตแดนของต้วนหลิงเทียน
ส่วนคนอื่นๆนั้นได้ยินก็แต่เสียงแหวกฝ่าอากาศด้วยความฉับไวของกระบี่นับหมื่นเล่มเท่านั้น อย่างไรก็ตามด้วยมีเสียงตะโกนของฉีเสิ่นก่อนหน้า ทำให้พวกมันพอจะอนุมานได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
หลายคนยังคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาดนัก
ผู้ฝึกตนพเนจรที่ยังอายุไม่ถึง 40 ปี จะไปแข็งแกร่งกว่าศิษย์คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่มีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนขั้นกลางได้อย่างไร?
ต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ไม่ใช่อะไรที่ตัวเขาในอดีตจะเทียบได้อีกต่อไป
ทันทีที่ด่านพลังฝึกปรือของเขาทะลวงถึงเซียนดั้งเดิมขั้นต้น ปราณแท้ในร่างของเขาก็พัฒนาไปเป็นปราณแรกกำเนิด และปราณแรกกำเนิดของเขาก็บังเกิดการวิวัฒน์ครั้งใหญ่ ขัดเกลาไปเป็นปราณสุริยันแรกกำเนิดที่ผู้เฒ่าหั่วถ่ายทอดปัญญารู้แจ้งไว้ให้…
และเขตแดนหมื่นกระบี่ที่เขาใช้ออกด้วยพลังปราณสุริยันแรกกำเนิดในตอนนี้ มันก็มีพลังอำนาจไม่ต่างอะไรไปจากเขตแดนของตัวตนเซียนขัดเกลาขั้นกลางแม้แต่น้อย
ส่วนฝ่ายตรงข้ามของเขามันก็แค่เซียนขัดเกลาขั้นต้น ต้วนหลิงเทียนจึงไม่จำเป็นต้องใช้วรยุทธ์หรือทักษะวิชาอื่นใดให้มากความ! เพียงกระบี่พลังในเขตแดนที่ควบรวมจากปราณสุริยันแรกกำเนิดก็เหลือแหล่แล้ว!!
เมื่อกระบี่ทั้งหมื่นเล่มต่างพุ่งทะลวงทำลายร่างฉีผิงไปแล้ว เขตแดนหมื่นกระบี่ของเขาก็สลายตัวหายไปหมดสิ้น
ราวกับถูกแสงตะวันทำให้ระเหยหายไปก็ไม่ปาน
ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยใดๆ
แน่นอนว่าหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนคลายเขตแดนไปแล้ว ในอากาศยังมีกลิ่นร้อนลวกไหม้เกรียมหลงเหลืออยู่
“ฉีผิงหายไปที่ใดแล้ว?”
ตอนนี้นอกจากอาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีเสิ่นที่จ้องไปยังต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง คนอื่นๆของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องได้แต่เผยสีหน้าสับสนไม่เข้าใจ ในแววตายังเผยความหวาดผวาไม่น้อย
ถึงแม้พวกมันจะตระหนักได้ ว่าพลังฝีมือของฉีผิงไม่อาจเทียบกับผู้ฝึกตนพเนจรที่ยังมีอายุไม่ถึง 40 ปีคนนี้ได้…
แต่พวกมันก็ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าฉีผิงจะถูกเล่นงานจนร่างสลายหายไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้…
เงียบ!
ฉากกลับกลายเป็นเงียบงัน
ตั้งแต่ระดับสูงๆอย่างเริ่นจงกับหลิวหงกวงและคนของขุมพลังชั้น 4 จวบจนยอดฝีมือจากขุมพลังอื่นๆ ไม่เว้นผู้ฝึกตนพเนจรที่มาชมดูเรื่องราวเอาสนุก ตอนนี้ทุกคนได้แต่มองไปยังร่างชายหนุ่มที่อยู่บนเวทีไกลตา ยากจะฟื้นคืนสติอยู่นาน
ข้อความก่อนหน้ายังก้องอยู่ในใจ
ผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัดผู้นี้ ยังมีอายุไม่ถึง 40 ปี…
หากแต่ด้วยการลงมือของผู้ที่อายุไม่ถึง 40 ปี ตัวตนระดับเซียนขัดเกลาจากขุมพลังชั้น 4 คนหนึ่งกลับตกตาย กระทั่งร่างยังสลายหายไปไม่เหลือร่องรอย…
ถ้าจะถามว่าแล้วมีสิ่งใดหลงเหลือหรือไม่ ก็เห็นจะเป็นแหวนพื้นที่วงหนึ่งที่กำลังกลิ้งหลุนๆอยู่บนพื้นเวทีเม็ดหมาก
เป็นธรรมชาติที่สุดท้ายแหวนวงนั้นจะตกเป็นของต้วนหลิงเทียน เพราะนี่คือสินสงครามของเขา คนอื่นไม่เกี่ยว!
‘ไม่คิดเลยว่าการใช้เขตแดนหมื่นกระบี่ด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิดจะให้ผลลัพธ์เหนือคาดแบบนี้…แถมบริเวณชายขอบของเขตแดนยังคล้ายมีม่านพลังสีทองเจิดจ้าฉาบคลุมไว้อีกชั้น สามารถปิดซ่อนเรื่องราวในเขตแดนได้เป็นอย่างดี…พวกที่มีพลังฝึกปรือต้อยต่ำ ไม่มีทางมองเห็นอะไรได้แน่’
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนเปิดใช้เขตแดนหลังจากทะลวงถึงเซียนดั้งเดิมขั้นต้น และเพาะสร้างปราณสุริยันแรกกำเนิดเรียบร้อยแล้ว…
ผลลัพธ์เป็นอะไรที่เหนือคาดคิดเขาอย่างสิ้นเชิง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขาควบคุมกระบี่พลังนับหมื่นเล่มในเขตแดนหมื่นกระบี่ เขาสัมผัสได้ว่าในกระบี่พลังแต่ละเล่ม คล้ายมีเค้าลางของเพลิงสุริยันอยู่! ถึงแม้เค้าลางเพลิงสุริยันดังกล่าวจะมิอาจเทียบได้กับเพลิงสุริยันเที่ยงแท้ของผู้เฒ่าหั่ว แต่ก็ยังเป็นเพลิงสุริยันอันบริสุทธิ์!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระบี่นับหมื่นที่มีร่องรอยเพลิงสุริยันแบบนี้ ฉีผิงที่มีความแข็งแกร่งอ่อนด้อยกว่าต้วนหลิงเทียนเป็นทุน ย่อมสลายกลายเป็นไออย่างไร้หนทางต่อต้าน
กระทั่งตัวต้วนหลิงเทียนเองตอนนี้ยังอึ้งไม่น้อย
ถึงแม้ผู้เฒ่าหั่วจะกล่าวบอกเขามานานแล้วว่าปราณสุริยันแรกกำเนิดมันร้ายกาจ แต่เขายังอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันเหนือชั้นของปราณสุริยันแรกกำเนิดกับตัว