บทที่ 294 รบกับจักรพรรดิเทพ!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 294 รบกับจักรพรรดิเทพ!

เขตแดนปรโลก จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตที่สวมชุดสีแดงทั้งร่างกำลังนั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่ตรงริมชายฝั่ง

จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมา หัวคิ้วขมวดมุ่น

“สมควรตาย! เจ้าบ้านั่นสาปแช่งข้าอีกแล้ว!”

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตเกือบตายเพราะความโกรธ

เขาตามฆ่าหานเจวี๋ยมาหลายปีเช่นนี้ แต่กลับยังคงหาตัวหานเจวี๋ยไม่พบ

เขาเคยคิดจะล้มเลิก แต่หานเจวี๋ยกลับสาปแช่งเขาอยู่ตลอดเวลา ไหนเลยเขาจะทนรับได้

จะต้องสังหารเจ้าหมอนั่นให้ได้!

สีหน้าของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเริ่มกระตุ้นพลังเวทต่อต้านพลังสาปแช่งลึกลับนั่น

‘เกิดอะไรขึ้น เหตุใดพลังสาปแช่งของมันถึงแข็งแกร่งขึ้นมากขนาดนี้ หรือว่ามันจะทะลวงระดับแล้ว’

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตคิดด้วยความไม่สบายใจ ในใจรู้สึกถึงอันตราย

ไม่ได้!

จะต้องรีบหาเจ้าบ้านั่นให้พบ มิเช่นนั้นเขาจะต้องน่าสังเวชใจในภายหลัง

หนึ่งเดือนต่อมา

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตพลันกระอักเลือดออกมา สีหน้าหม่นหมอง รีบร้อนกดพลังเวทที่พลุ่งพล่านภายในร่างเอาไว้

อีกด้านหนึ่ง

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น จ้องมองหนังสือแห่งความโชคร้ายในมือและลอบตกใจ

หลังจากหนังสือแห่งความโชคร้ายยกระดับเป็นสมบัติวิญญาณระดับเทพแล้วก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น พลังเวทที่สามารถรับได้ก็เพิ่มขึ้นมาก ก่อนหน้านี้สูญเสียอายุขัยสิบล้านปีในการสาปแช่งยังต้องใช้เวลาหลายเดือน ตอนนี้ใช้เวลาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น นี่เขายังใช้อย่างระมัดระวัง หากใช้ด้วยพลังทั้งหมดจะลดเวลาให้สั้นลงอีกมาก

หลังจากพลังสาปแช่งของหนังสือแห่งความโชคร้ายแข็งแกร่งขึ้นแล้ว แม้จะหานเจวี๋ยจะต้องแบกรับมากขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อวิญญาณ และไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับกายเนื้อของเขาอย่างยาวนาน นี่ก็เป็นเรื่องที่ดี

ก่อนหน้านี้หานเจวี๋ยยังกังวลว่าหนังสือแห่งความโชคร้ายจะกลายเป็นดาบสองคมเสียอีก

ตอนนี้ดูท่าแล้วเพียงแค่ไม่ใช้มากเกินไป หนังสือแห่งความโชคร้ายจะไม่แว้งกัดเขา

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง และยังคงสาปแช่งต่อไป แม้จะสูญเสียอายุขัยสิบล้านปีไปแล้ว ทว่าตั้งแต่ที่เขาทะลวงถึงระดับจักรพรรดิเซียนสามวัฏ อายุขัยของเขาก็เกินหนึ่งร้อยล้านล้านปีไปแล้ว พูดอีกแบบก็คือเขาสาปแช่งศัตรูไปไม่น้อย แต่อายุขัยกลับเพิ่มขึ้นมาก

ผ่านไปอีกประมาณสองเดือน

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็มองเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง

[จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตศัตรูคู่อาฆาตของท่านพลังมรรคถดถอยเนื่องจากการสาปแช่งของท่าน ขอบเขตพลังลดลงไปที่จักรพรรดิเซียนแปดวัฏ]

หานเจวี๋ยโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เขาวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง และเช็ดคราบเลือดบนใบหน้า

สูญเสียอายุขัยไปทั้งหมดเจ็ดสิบล้านปีแต่ก็คุ้ม!

หานเจวี๋ยสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจ จอมปีศาจอินทรีทอง บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ และหลี่เสวียนเอ้าต่อ สาปแช่งคนละห้าวัน ไม่มาก เพียงก่อกวนจิตใจก็พอแล้ว

หลังจากสาปแช่งเสร็จเขาวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง เริ่มแยกเสี้ยววิญญาณดวงหนึ่งออกไปจากสำนักซ่อนเร้นอย่างรวดเร็ว

เขาต้องการหาจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต!

ในเมื่อจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตก้าวร่วงไปที่ระดับจักรพรรดิเซียนแปดวัฏแล้ว เช่นนั้นก็สามารถสังหารเขาได้แล้ว!

ไม่เคยมีใครดึงดันไล่สังหารหานเจวี๋ยเช่นนี้มาก่อน หานเจวี๋ยย่อมไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน!

……

บนผาขาดแห่งหนึ่ง

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตขมวดคิ้วแน่น สายตาจ้องมองเงาร่างที่เข้าฌานอยู่ใต้ผาขาดอย่างไม่วางตา

คนผู้นั้นก็คือจี้เซียนเสิน!

ขณะนี้จี้เซียนเสินร่างกายสั่นเทิ้ม ศีรษะก็สั่นไหวไม่หยุด ใบหน้าเปลี่ยนแปลงไปมา ประเดี๋ยวหม่นหมองประเดี๋ยวแจ่มใส ราวกับถูกธาตุไฟเข้าแทรกอย่างไรอย่างนั้น

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตผ่านมาที่นี่โดยบังเอิญ พบว่ากลิ่นอายของจี้เซียนเสินนั้นผิดปกติ จึงหยุดมองดู

เมื่อเขานับนิ้วคำนวณ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

‘เจ้าหมอนี่กลับมีความสัมพันธ์ทางผลกรรมกับหานเจวี๋ย!’

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาในทันที เขายกฝ่ามือฟาดออกไป พลังกดดันอันน่าหวาดกลัวพุ่งลงจากฟ้า กดทับจนจี้เซียนเสินหมอบลงไปในทันที

จี้เซียนเสินตื่นตกใจ เหลือบสายตามองไปทางจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต และกล่าวด้วยโทสะว่า “ใต้เท้าหมายความว่าอย่างไร”

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหนีออกจากวังกษิติครรภ์มาได้ จี้เซียนเสินกำลังคิดจะตั้งใจฝึกบำเพ็ญสักช่วงเวลาหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนโจมตีเข้าอีก

‘ถือดีอะไรกัน!’

เพลิงโทสะลุกไหม้ในใจจี้เซียนเสิน เขายอมรับว่าไม่เคยทำเรื่องผิดมนุษยธรรมมาก่อน และก็ไม่เคยล่วงเกินผู้ใดด้วย แล้วอาศัยสิ่งใดถึงมักจะมีผู้ที่มาหาเรื่องเขา

“เจ้ารู้จักเขาหรือไม่”

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตยกมือขึ้น อาศัยพลังเวทของตัวเองสร้างภาพจำลองหานเจวี๋ยขึ้นมา

เมื่อจี้เซียนเสินเห็นหานเจวี๋ยก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ท่านหาเขาอยู่หรือ”

“ใช่ ข้าจะฆ่าเขา บอกข้ามาเขาหลบอยู่ส่วนไหนของยมโลก”

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตกดสายตาจ้องมองจี้เซียนเสินและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

จี้เซียนเสินโกรธเดือดดาล หานเจวี๋ยเป็นหนึ่งในสหายของเขาที่มีไม่มากนัก ไหนเลยเขาจะยอมให้คนอื่นไล่ฆ่าสหายของเขาได้

จี้เซียนเสินพลันพุ่งทะยานขึ้นไปทันที แขนทั้งสองกางออก อัสนีสีดำนับไม่ถ้วนประสานสลับกันไปมารอบตัวเขา เขาดูคล้ายกับเทพอัสนีที่มาจากบรรพกาล ยโสโอหังอย่างยิ่ง ดุดันอย่างถึงขีดสุด

จี้เซียนเสินกวาดมือไปทางจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง

ตู้ม!

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นจากฟากฟ้า อานุภาพประดุจอัสนีบาตรฟาดเปรี้ยงๆ ลงมาในฉับพลัน ราวกับฟ้าถล่มสังหารไปทางจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตยิ้มเหยียดหยาม ยกมือขวาขยี้ผ่านอากาศจนอัสนีจำนวนมากสลายไป

“เป็นแค่เซียนทองไท่อี่ก็กล้าสู้กับข้าอย่างนั้นหรือ”

เสียงหัวเราะของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตหยิ่งทระนงถึงเพียงนั้น เต็มไปด้วยการเหยียดหยาม

“ดีเลย ลงมือประหารเจ้าก่อน ให้เจ้าได้สัมผัสจุดจบของการล่วงเกินข้า!”

รอยยิ้มของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตเปลี่ยนเป็นดุร้าย เมื่อนึกถึงว่าหานเจวี๋ยแอบสาปแช่งตนเอง ไฟโทสะก็ลุกโหมกระหน่ำ ไม่อาจยับยั้งได้

จี้เซียนเสินสีหน้าเยือกเย็น เขาพุ่งเข้าไปสังหารจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตในทันที

ศึกใหญ่ก็ระเบิดขึ้นด้วยประการฉะนี้!

……

เหนือแดนปรโลก เสี้ยววิญญาณของหานเจวี๋ยเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย

“แปลกนัก เหตุใดช่วงนี้เจ้าอีกาเหม็นนั่นถึงไม่แผดเสียงร้องคำรามอีก”

หานเจวี๋ยแปลกใจ ก่อนหน้านี้เขามักจะได้ยินเสียงร้องคำรามของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตอยู่ตลอด ทว่าช่วงนี้กลับไม่ได้ยิน

‘หรือเจ้าหมอนี่จะพบเจอเรื่องอะไรเข้า’

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังกลัดกลุ้มอยู่นั้น เขาพลันรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของการสู้รบที่ทรงอานุภาพ

ดวงตาเขาเป็นประกาย

‘จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต!

ในที่สุดก็หาเจ้าพบแล้ว!

ต่อไปข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าอะไรคือความโหดเหี้ยมที่แท้จริง!’

หานเจวี๋ยรีบติดต่อร่างจริง เพื่อให้ร่างจริงรีบมาโดยไว

ส่วนเขากลับเดินหน้าไปดูว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่ต่อสู้กับจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต

พื้นดินด้านหน้าระเกะระกะไปทั้งแถบ หมอกครึ้มวนเป็นเกลียว ดูคล้ายควันปืนหมุนเป็นเกลียวลอยวนขึ้นไป พื้นดินแตกแยก เกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วน กลายเป็นหุบเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง บนท้องฟ้าก็มีเปลวเพลิงลุกไหม้คุโชน

กลางอากาศ

มือข้างหนึ่งของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตจับศีรษะของจี้เซียนเสินไว้ และยกเขาค้างไว้กลางอากาศก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม “พลังของปรมาจารย์มาร มิน่าเล่าเจ้าถึงกล้าลงมือกับข้า แต่น่าเสียดาย ร่างกายของเจ้านี้อ่อนแอเกินไป ปรมาจารย์มารก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”

จี้เซียนเสินที่เลือดเต็มกายกัดฟันกรอด จ้องมองจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตด้วยความโมโห ยามนี้เขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะขยับเขยื้อน

พลังห่างชั้นเกินไปนัก

ห่างชั้นเสียจนความมั่นใจของจี้เซียนเสินถูกเหยียบย่ำแหลกสลาย

ควันดำสายหนึ่งพุ่งขึ้นจากศีรษะของจี้เซียนเสิน รวมตัวกันเป็นเงาร่างวิญญาณสายหนึ่ง ก่อนกล่าวออกมาว่า “เผ่าเทพอีกาทอง ท่านจะเป็นศัตรูกับเผ่ามารจริงๆ หรือ”

จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตยิ้มกล่าวเหยียดหยาม “เผ่ามารนับเป็นสิ่งใดกัน ก็แค่หนูข้างถนนเท่านั้น! บอกข้ามา เจ้าสุนัขนั่นอยู่ที่ใดกันแน่”

จี้เซียนเสินยกมือขวาขึ้นอย่างยากลำบาก คิดอยากจะสะบัดฝ่ามือตบหน้าจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต เมื่อจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตเผยแววตาเยือกเย็น เพลิงแท้สุริยะก็ลุกไหม้ที่แขนขวาของจี้เซียนเสินทันที

“อ๊ากกกกกก…”

ความเจ็บปวดลึกถึงวิญญาณทำให้จี้เซียนเสินแผดร้องออกมาอย่างน่าอนาถ น่าเวทนาอย่างถึงขีดสุด

……………………………………….