ตอนที่ 292 สายเลือดตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 292 สายเลือดตระกูลไป๋
“ท่านพี่ของข้าถูกยาพิษจนร่างกายอ่อนแอมาหลายปีแล้ว ช่วงนี้ไอเป็นเลือดตลอดเวลา เหยี่ยน…อยากเชิญท่านหมอหงของตระกูลไป๋มาตรวจอาการของท่านพี่ได้หรือไม่ขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนถาม

ท่านพี่…

จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนสินะ

ไป๋ชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ ไม่นานหญิงสาวจึงหยุดการกระทำดังกล่าว เอ่ยขึ้น “เรื่องนี้ข้าคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องปกปิด”

สายตาของไป๋ชิงเหยียนหยุดอยู่ที่มู่หรงลี่ที่มองไปยังเสี่ยวซื่อด้วยสีหน้าชื่นชมและอิจฉา เสี่ยวซื่อกำลังเล่าสิ่งใดสักอย่างอยู่อย่างติดลม

“องค์ชายสี่ได้ยินว่าจวนไป๋มีหมอหงผู้เก่งกาจอยู่ท่านหนึ่ง จึงอยากเชิญท่านหมอหงไปตรวจดูอาการของจักรพรรดิต้าเยี่ยน ยิ่งเรื่องนี้ทำอย่างเปิดเผยมากเท่าใด จักรพรรดิต้าจิ้นก็จะยิ่งไม่หวาดระแวง เช่นเดียวกับที่ท่านพาจักรพรรดิต้าเยี่ยนไปล่องเรือชมทะเลสาบ และพาองค์ชายสี่มาเที่ยวงานวัดในวันนี้ ทำให้เปิดเผยเท่าใดยิ่งดี”

ที่เมื่อครู่ไป๋ชิงเหยียนนิ่งงันไปครู่ใหญ่ ไม่ตอบคำถามของเขา เซียวหรงเหยี่ยนคิดว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังชั่งประโยชน์ในเรื่องนี้อยู่ นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวนิ่งไปเพราะกำลังคิดหาวิธี

“ทำตามที่จวิ้นจู่กล่าวเถิดขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนยิ้มออกมา ดวงตาลึกล้ำจ้องไปยังไป๋ชิงเหยียนอย่างลึกซึ้ง “จวิ้นจู่คิดว่าองค์ชายสี่ไปที่จวนเวลาใดถึงจะเหมาะสมที่สุดขอรับ”

“ท่านอาสะใภ้ห้าของข้าใกล้คลอดแล้ว ช่วงนี้ให้องค์ชายสี่ตระเวนหาหมอฝีมือดีในเมืองหลวง จากนั้นไปที่จวนหลังจากท่านอาสะใภ้ห้าของข้าคลอดแล้วดีหรือไม่ เช่นดีดูจะสมเหตุสมผลมากกว่า เซียวเซียนเซิงคิดว่าอย่างไรเจ้าคะ”

เซียวหรงเหยี่ยนรู้สึกขอบคุณไป๋ชิงเหยียนมาก พยักหน้าเล็กน้อย “เหยี่ยนขอบพระคุณจวิ้นจู่ขอรับ”

ไป๋จิ่นจื้อได้ทานเป็ดเป่าเซียงที่หอเป่าเซียงดั่งใจหวัง ก่อนจากไปยังซื้อไปฝากคนในครอบครัวอีกสองตัว สาวน้อยอำลาเซียวหรงเหยี่ยนและมู่หรงลี่อย่างอารมณ์ดี

ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ไป๋จิ่นจื้อกล่าวสิ่งใดกับมู่หรงลี่ ก่อนที่ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อจะจากไป สายตาที่มู่หรงลี่มองไปยังไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยประกายวาว

เมื่อขึ้นไปบนรถม้า ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามไป๋จิ่นจื้อ “เจ้ากล่าวสิ่งใดกับองค์ชายสี่ของต้าเยี่ยนบ้าง”

“ไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากเจ้าค่ะ แค่เล่าถึงการวางแผนการรบของพี่หญิงใหญ่ที่ภูเขาเวิ่งและยอดเขาจิ่วชวี เด็กนั่นฉลาดมากเจ้าค่ะ ตอนนั้นข้าอยู่ด้านนอกไม่มีแผนที่อยู่ในมือจึงฟังพี่หญิงอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่เด็กนั่นฟังข้าเล่าก็เข้าใจทันทีเลยเจ้าค่ะ!” น้ำเสียงของไป๋จิ่นจื้อแฝงไปด้วยความชอบใจในตัวมู่หรงลี่อย่างปิดไม่มิด

“เจ้าเองก็ยังเป็นเด็กอยู่…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ

ตอนที่รถม้าของไป๋ชิงเหยียนไปถึงจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ โคมไฟใหญ่สองดวงหน้าประตูจวนและโคมไฟเล็กอีกสี่ดวงถูกจุดหมดแล้ว ส่องกระทบประตูไม้สีแดงเคลือบน้ำมันทั้งหกบานของจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จนสว่างไสวเป็นอย่างมาก

บ่าวรับใช้ในจวนเห็นรถม้าของไป๋ชิงเหยียนจึงรีบวิ่งออกมาอย่างรีบร้อน กล่าวกับคนในรถม้า

“คุณหนูใหญ่ คุณหนูสี่ ฮูหยินห้าจะคลอดแล้วเจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นจื้อได้ยินก็เตรียมพุ่งตัวลงมาอย่างรถม้าอย่างรวดเร็ว ทว่า กลับถูกไป๋ชิงเหยียนรั้งไว้เสียก่อน

“เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไป ท่านอาสะใภ้ห้าคลอดลูกมาสองคนแล้ว ท่านมีประสบการณ์ดี”

“พี่หญิงใหญ่ ท่านว่าลูกของท่านอาสะใภ้ห้าจะเป็นชายหรือหญิงเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อกระวนกระวายมาก

ไป๋จิ่นจื้อเป็นสตรี นางไม่ได้ดูถูกสตรีด้วยกัน ทว่า นางกลัว…กลัวว่าหากท่านอาสะใภ้ห้าคลอดบุตรชายออกมาแล้ว ฮ่องเต้ทรงคิดลงมือจัดการกับตระกูลไป๋อีกจะทำเช่นไรดี

“ไม่ว่าเป็นหญิงหรือชายล้วนเป็นสายเลือดของตระกูลไป๋ พี่จะปกป้องเขาให้ได้!” ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าไป๋จิ่นจื้อกังวัลเรื่องใด หญิงสาวกุมมือน้องสาวแน่น

“ข้าก็จะปกป้องเด็กคนนี้ให้ได้เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนมองดูน้องสาวที่เติบโตขึ้นแล้วพลางพยักหน้า จูงมือไป๋จิ่นจื้อเดินลงจากรถม้าไปพร้อมกัน มุ่งหน้าไปยังเรือนของท่านอาสะใภ้ห้า

เมื่อได้ยินว่าฮูหยินห้าใกล้คลอด ขนาดฉินซื่อที่อยู่ไกลถึงจวนฉินยังนั่งไม่ติด รีบสั่งให้คนเตรียมรถม้ากลับจวน

ฮูหยินสองกลัวว่าไป๋จิ่นจื้อได้ยินเสียงร้องตอนทำคลอดของฮูหยินห้าแล้วจะหวาดกลัว จึงสั่งให้หลัวหมัวมัวพาไป๋จิ่นจื้อไปรอฟังข่าวอยู่ที่เรือนชิงจู๋

ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อมาถึง ต่งซื่อเพิ่งสั่งให้หมอตำแยนำโจ๊กไก่ฉีกเข้าไปให้ฮูหยินห้าทานรองท้องระหว่างรอคลอด นางจะได้มีแรงเบ่งคลอด

ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปกุมมือต่งซื่อพลางเอ่ยขึ้น “ท่านอาสะใภ้ห้าเคยคลอดบุตรมาแล้ว ท้องนี้ต้องราบรื่นกว่าเดิมแน่เจ้าค่ะ”

ฮูหยินสามหลี่ซื่อพยักหน้าเห็นด้วย

ท้องฟ้ามืดสนิทลงแล้ว โคมไฟตรงระเบียงทางเดินสว่างขึ้นทุกจุด

ภายในห้องคลอดเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวาย เดี๋ยวก็ได้ยินเสียงหมอตำแยตะโกนขอน้ำร้อน บรรดาสาวใช้ที่ยืนถือกะละมังทองแดงต่อแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่ตรงระเบียงทางเดินของโรงครัวเล็กได้ยินเสียงก็รีบเดินเข้าไปในด้านทันที

หญิงชราสองคนที่ต้มน้ำร้อนอยู่ด้านในโรงครัวเล็กช่วยกันยกหม้อใหญ่เทน้ำร้อนลงไปในกะละมังทองแดง สาวใช้ที่ได้นำร้อนแล้วรีบถือกะละมังทองแดงเข้าไปยังห้องคลอดอย่างรวดเร็ว

ไม่นาน เจี่ยงหมัวมัวที่ได้รับข่าวก็มาถึง

นอกจากคุณหนูตระกูลไป๋ซึ่งอายุยังน้อยอยู่เป็นเพื่อนไป๋จิ่นซิ่วที่เรือนชิงจู๋ ฮูหยินสี่หวังซื่อสวนมนต์ภาวนาขอให้ฮูหยินห้าและลูกปลอดภัยอยู่ที่เรือนของตน คนอื่นๆ ต่างนั่งรอฟังข่าวดีอยู่ที่เรือนของฮูหยินห้า

ปลายเดือนสาม อากาศยังค่อนข้างเย็นอยู่

ภายในห้องคลอดมีเสียงหมอตำแยร้องบอกให้ฮูหยินห้าออกแรงดังแว่วออกมาเป็นระยะๆ เมื่อได้ยินหมอตำแยตะโกนลั่นว่าเห็นศีรษะของเด็กแล้ว ไป๋ชิงเหยียนผุดลุกขึ้นยืนอย่างทนไม่ไหว

“ใกล้แล้วๆ เห็นหัวเด็กก็ใกล้แล้ว ท้องที่สามเร็วกว่าครั้งที่แล้วเยอะเลย!”

หมัวมัวที่อยู่ด้านในห้องคลอดแหวกม่านตะโกนไปทางด้านนอก “น้ำร้อน!”

ไม่นานก็มีน้ำร้อนทยอยส่งเข้าไปด้านใน

“ออกแรงอีกนิดเจ้าค่ะฮูหยิน! เร็วเจ้าค่ะ ใกล้ออกมาแล้วเจ้าค่ะ!” หมอตำแยตะโกนลั่น

ไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่กลางลานหญ้าได้ยินฮูหยินห้ากรีดร้องออกมาสุดเสียง จากนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ดังแว่วออกมาจากห้องคลอด

“คลอดแล้ว…คลอดแล้ว!” ตี๋หมัวมัวซึ่งถลกแขนเสื้อขึ้นเดินออกมาจากห้องคลอดอย่างมีความสุข ทำความเคารพเจ้านายทุกคนพลางกล่าวขึ้น “ฮูหยินห้าคลอดแล้วเจ้าค่ะ เป็นคุณหนูน้อยหน้าตาน่าชังยิ่งนักเจ้าค่ะ”

เป็นดังคาด ท่านอาสะใภ้ห้าคลอดบุตรสาวจริงๆ ด้วย

ต่งซื่อถอนหายใจอย่างโล่งอก ใช้ผ้าเช็ดหน้าทาบหน้าอก ถอนหายใจยาวพลางหัวเราะออกมา

“สตรีคลอดบุตรก็เหมือนไปเยี่ยมปรโลกมาแล้วครั้งหนึ่ง ดีที่แม่ลูกปลอดภัยทั้งคู่! เร็ว ตี๋หมัวมัวรีบส่งคนไปส่งข่าวให้ตระกูลฝั่งมารดาของฮูหยินห้าทราบข่าวเร็วเข้า บอกว่าแม่ลูกปลอดภัยทั้งคู่!”

ตี๋หมัวมัวคือหมัวมัวซึ่งเป็นสินเดิมของฮูหยินห้า นางย่อกายรับคำด้วยสีหน้าปิติยินดี

“บ่าวให้คนเตรียมรถม้าไว้แล้วเจ้าค่ะ บ่าวจะให้คนไปส่งข่าวเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ เหล่าไท่จวินทราบคงโล่ใจเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ”

ต่งซื่อมองเห็นเจี่ยงหมัวมัวที่ยืนถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่ข้างๆ จึงกล่าวขึ้น “เจี่ยงหมัวมัวก็รีบไปส่งข่าวให้ท่านแม่ทราบเถิดว่าปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก ท่านแม่จะได้ไม่ต้องเป็นกังวล”

เจี่ยงหมัวมัวรับคำยิ้มๆ ในที่สุดก็เบาใจได้แล้ว ทว่า หากเป็นคุณชายจะดีเพียงใดกันนะ

“นั่นสิ โชคดีที่ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก!”

ฮูหยินสองหลิวซื่อยิ้มอย่างมีความสุข ทว่าในความดีใจก็อดเสียดายไม่ได้ หากน้องสะใภ้ห้าคลอดบุตรชายออกมาจะดีเพียงใดกันนะ

ทุกคนในตระกูลไป๋ล้วนเสียดาย ทว่า ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของฉีซื่อและเด็กอีกแล้ว

ต่งซื่อหันไปสั่งไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อ

“เอาล่ะ! เจ้าและเสี่ยวซื่อไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วค่อยมาใหม่ แม่กับท่านอาสะใภ้จะเข้าไปดูท่านอาสะใภ้ห้าของเจ้าก่อน!”

ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นความผิดหวังในรอยยิ้มของเจี่ยงหมัวมัว จึงกล่าวขึ้น “เจี่ยงหมัวมัวไปดูหน้าน้องหญิงแปดแทนท่านย่าก่อนแล้วค่อยกลับเถิดเจ้าค่ะ”

เจี่ยงหมัวมัวพยักหน้า “คุณหนูใหญ่กล่าวถูกแล้วเจ้าค่ะ!”