บทที่ 350 ผู้หญิงที่ตรงตามสเป็ค
บทที่ 350 ผู้หญิงที่ตรงตามสเป็ค
เมื่อมีเด็กสาวมีรูปร่างใหญ่และสูงเกือบ 180 เซนติเมตรนั่งลงข้าง ๆ มันทำให้เธอรู้สึก… ปลอดภัย
เด็กสาวมีผมสีน้ำตาลสั้น ออกแนวทอมบอย มีกระใต้ตาเล็กน้อย
“สวัสดี ฉันชื่อจูลิส”
“ถ้ามีผู้ชายที่กล้าคิดร้ายกับคุณ บอกฉันได้เลย ฉันจะช่วยคุณจัดการพวกเขาเอง”
ใครจะมารังแกไอดอลของเธอไม่ได้ทั้งนั้น
ซูโย่วอี๋ยิ้ม “ได้สิ”
ผู้หญิงคนนี้น่ารักทีเดียว
ในระหว่างการสนทนา ผู้คนเข้ามาในห้องเรียนทีละคน อาจเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของซูโย่วอี๋ดูสะดุดตาเกินไป ที่นั่งรอบ ๆ ที่มีเธอเป็นศูนย์กลางจึงเต็มอย่างรวดเร็ว
เมื่อกริ่งของชั้นเรียนดังขึ้น ซีลก็เดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมหนังสือเรียน
เขาคือคุณปู่คนรับรายงานตัวเมื่อวานนี้
เขาแนะนำตัวเองสั้น ๆ ว่า “ฉันชื่อซีล และฉันจะเป็นผู้บรรยายหลักสำหรับการฝึกอบรมของคุณในอีกสองเดือนข้างหน้า ถ้าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ฉันจะเป็นวิทยากรในการบรรยายตลอดทั้งการฝึกอบรมนี้”
ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้ว ในตารางมีตั้งสิบหลักสูตร คุณปู่คนนึงจะเชี่ยวชาญหลายสิ่งหลายอย่างด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร?
แต่จูลิสเข้ามาและพูดว่า “ขอไปทีจริง ๆ ซีลไม่ถือว่าเป็นอาจารย์อย่างเป็นทางการของวิทยาลัยฮิลเบิร์ตด้วยซ้ำ ฉันได้ยินมาว่าวิทยาลัยฮิลเบิร์ตจ้างเขาจากวิทยาลัยอื่นมาเพื่อจัดการกับนักเรียนในชั้นเรียนฝึกอบรม”
“ฉันไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน ฉันไม่คิดว่าเขามีผลงานโดดเด่นด้านดนตรีเลย”
มีนักเรียนหลายคนกระซิบกระซาบกัน แต่ซีลทำราวกับว่าไม่ได้สังเกตและเริ่มสอน
อาจเป็นเพราะอายุมาก เขาถึงดูไม่มีชีวิตชีวาและพูดช้ามาก เนื้อหาการบรรยายเป็นประวัติศาสตร์ดนตรีที่ไม่มีเนื้อหาทางเทคนิค คนในห้องเรียนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยสนใจฟังการบรรยายมากนัก
พวกเขาทั้งนอน เล่นเกม ดูทีวี…
คนข้างหลังยังกรนด้วย
ซูโย่วอี๋อดไม่ได้ที่จะมองกลับไป แต่ซีลยังคงมั่นคงเหมือนภูเขาไท่ซาน
ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
สำหรับเธอแล้วนี่เป็นชั้นเรียนที่ดีมาก ซีลไม่ข้ามแบบเรียนไหนไปเพียงเพราะความรู้นั้นเรียบง่าย แต่กลับลงรายละเอียด
เขาบรรยายเหตุผลตื้นลึกหนาบาง สลับกับความคิดเห็นของตัวเอง
ทำให้ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าหลักสูตรนี้ออกแบบมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ
ส่วนเจ้าจิ้งจอกเน่าที่ได้ฟังก็พูดขึ้น [ถือว่าอยู่ในระดับดีนี่ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกเขาพูด]
ทั้งสองชั้นเรียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหลือนักเรียนเพียงครึ่งเดียวในห้อง ส่วนที่เหลือนั้นออกไปก่อนจบชั้นเรียนแรกแล้ว
ซีลมองออกไปนอกประตู “นักเรียน รอสักครู่ ทางวิทยาลัยได้จัดเตรียมผู้ช่วยสอนให้กับพวกคุณ เขาเป็นนักเรียนชั้นปีที่สองของวิทยาลัยฮิลเบิร์ต ซิด”
“เข้ามาทักทายทุกคนสิ”
ซิดเดินมาด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับทุกคน คุณซีลกำลังยุ่งกับงาน หากมีคำถามใด ๆ เกี่ยวกับบทเรียน คุณมาถามผมได้ และผมจะแจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรม”
ซีลมองไปที่ซิดด้วยความชื่นชม “ซิดเป็นอันดับหนึ่งของแผนกดนตรี”
“เอาล่ะ เลิกเรียนได้”
เมื่อซีลเดินออกจากห้องเรียนไป กลุ่มคนที่ไม่มีความสนใจในชั้นเรียนก็ล้อมรอบซิดไว้และพูดถามอย่างกระตือรือร้น
ซูโย่วอี๋เก็บหนังสือเรียนและปลุกจูลิสที่กำลังน้ำลายยืดอยู่ข้าง ๆ เธอ “ชั้นเรียนจบแล้ว”
จูลิสมองอย่างสะลึมสะลือ “โอ้”
“คุณจะเอาหนังสือไปอ่านเหรอ? ไม่คิดว่ามันลำบากหรือไง?”
ซูโย่วอี๋เก็บมันลงในกระเป๋าเป้ “ไม่หรอก”
เธอต้องการนำมันกลับไปทบทวนที่บ้าน
“ฉันจะไปห้องสมุด แล้วเธอล่ะ”
จูลิสลุกขึ้น “ฉันนัดว่าจะไปที่บาร์กับพวกเขา”
เมื่อเห็นว่าประตูหน้ามีผู้คนหนาแน่น ซูโย่วอี๋จึงออกไปทางประตูหลัง
ตอนนี้ซิดกำลังตอบข้อสงสัยอย่างอดทน “ผมยังมีชั้นเรียนต่อ ถ้าคุณมีคำถามอะไรอีกก็โทรหาผมได้ แต่ถ้าคำถามนั้นง่ายเกินไป ผมหวังว่าคุณจะหาคำตอบออนไลน์ก่อนนะครับ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ออกจากห้องเรียนไป
พวกนักเรียนรู้สึกประทับใจซิดมาก โดยเฉพาะพวกสาว ๆ “เขาเป็นผู้ช่วยสอนที่หล่อจริง ๆ ถ้าเพื่อซิดแล้วล่ะก็ ฉันมาเรียนทุกวันยังได้”
“ไม่เอาน่า ผู้ช่วยสอนไม่มาเรียนกับเราหรอก”
“เฮ้ ซิดเป็นไอดอลของฉันจริง ๆ เขาน่ะนะทั้งมาจากตระกูลร่ำรวยแถมยังมีความสามารถ”
“หือ? ซิดมาจากตระกูลไหนน่ะ?”
“คุณไม่รู้เหรอ? นี่อยู่ในยุคโบราณหรือเปล่า ชื่อเต็ม ๆ ของเขาคือซิด เจมส์”
!
“เขาเกี่ยวข้องกับทายาทตระกูลเจมส์ยังไงเหรอ?”
“เป็นน้องชายแท้ ๆ น่ะสิ”
เพราะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยมาก ทำให้ภาพจำของซิดได้ฝังลึกในหัวใจของนักเรียนในภาคฝึกอบรมนี้
แม้ว่าพวกเขาจะมาจากครอบครัวร่ำรวยเหมือนกัน แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับตระกูลเจมส์
ซิดเดินออกจากห้องเรียนและกลับไปที่ห้องที่เขาเรียนอยู่
แชครีบมานั่งข้าง ๆ “นายรู้สึกยังไงกับชั้นเรียนอบรมครั้งนี้”
“ไม่ดีนัก”
มีพวกบ้าผู้ชายกับพวกที่โง่มากเกินไป
แชคไม่แปลกใจกับคำตอบของเขา “มีผู้หญิงที่สวยมากในชั้นเรียนนั้นด้วยนะ นายเห็นไหม?”
ซิดชะงัก “ฉันไม่ได้สนใจ”
ใบหน้าของซูโย่วอี๋ปรากฏขึ้นในใจของเขา เธอยืนพิงหน้าต่าง แสงแดดในเดือนมีนาคมส่องกระทบใบหน้าของเธอ ขับแสงสีทองเป็นชั้น ๆ บนขอบโครงร่างของหญิงสาว
ทั้งยังดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์นั่น
สายตาของเธอเหลือบมองใบหน้าของเขาครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
ซิดต้องยอมรับว่านี่คือผู้หญิงตรงตามสเป็คของเขาทุกอย่าง
แต่เธอไม่เหลียวแลเขาเลย
บ้าเอ๊ย!
การโดนเมินนี่เป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเลยจริง ๆ
…
ห้องสมุดของวิทยาลัยมีขนาดใหญ่มาก มีทั้งหมดเจ็ดชั้น ซูโย่วอี๋แตะบัตรเพื่อเข้าไปและใช้เวลาสักครู่เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับหนังสือในแต่ละชั้น
หนังสือถูกจัดเรียงตามลำดับความยาก และนักเรียนของวิทยาลัยฮิลเบิร์ตมีพื้นฐานที่ดี ยกเว้นความรู้ที่ต้องการ โดยส่วนมากแล้วจะไม่มีใครอยู่ในชั้นแรก
ซูโย่วอี๋ไม่รู้ว่าหนังสือเล่มไหนดีหรือไม่ดี เธอจึงเลือกหนังสือที่เธอเข้าใจได้โดยสัญชาตญาณ และนั่งอ่านที่มุมหนึ่ง
แม้ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่ก็น่าสนใจมาก แค่ซูโย่วอี๋อ่านก็ลืมเวลาไปเลย
จนกระทั่งเสียงท้องร้องโครกคราก เธอมองดูโทรศัพท์ นี่มันบ่ายโมงกว่าแล้ว
ซูโย่วอี๋ปิดหนังสืออย่างไม่เต็มใจ จากนั้นวางแผนที่จะนำบางอย่างมาที่ห้องสมุดในวันพรุ่งนี้เพราะที่นี่มีห้องรับประทานอาหารอยู่
เธอเดินก้มหน้าโดยไม่สนใจคนด้านหน้าจึงชนแขนของชายคนหนึ่ง
ชายคนนั้นจับแขนของเธอด้วยมือที่แข็งแรง “ดูทางด้วยสิ”
เสียงของเขาดูอบอุ่นและขี้เล่น
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้น “อาจารย์ช่วยสอน?”
ซิดพูดยิ้ม ๆ “อืม มีคนเข้า ๆ ออก ๆ ห้องสมุด คราวหน้าดูทางด้วย”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ซูโย่วอี๋หันหลังจากไป
เมื่อเห็นหญิงสาวเดินจากไป แชคก็เกาหัวอย่างไม่เข้าใจ “นายไม่เห็นเหรอว่าเธอเดินออกมา ทำไมฉันถึงคิดว่านายตั้งใจชนเธอล่ะ?”
ซิดถามอย่างบูดบึ้ง “ฉันเห็นเหรอ?”
จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้า
แชคเดินตาม “ไม่เอาน่า ทำไมฉันไม่เคยรู้เลยว่านายเจ้าเล่ห์ขนาดนี้?”
ซิดเหลือบมองเพื่อนคนนี้ “ห้ามส่งเสียงดังในห้องสมุด”
แชคสำลัก เสียงของเขาเบามาก โอเคไหม?
เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ ประเทศจีน
ลู่เฉินจิบกาแฟและขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
ขมมาก
ท้องฟ้านอกหน้าต่างเริ่มมืดลง จู่ ๆ เขาก็อยากจะสูบบุหรี่ขึ้นมา
ควันหนาชวนให้ผู้คนสำลักในลำคอ
แต่ลู่เฉินไม่ใช่คนลังเล เขาหยิบเสื้อโคตและกำลังจะลงไปชั้นล่าง ขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือส่วนตัวของเขาก็ดังขึ้น
โอห์มโทรมา
เขารับสายพลางเดินออกไป “มีอะไร?”
โอห์มยังคงรักษาสไตล์การพูดของเขาเหมือนเดิม คือต้องพูดเรื่องไร้สาระมากมายก่อนจะเข้าเรื่อง
ลู่เฉินเข้าไปในลิฟต์ สัญญาณถูกตัดเป็นระยะ ๆ ซึ่งเขาไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดอะไร
แต่เมื่อเขาออกจากลิฟต์แล้ว โอห์มยังคงพูดเรื่องไร้สาระต่อ
ลู่เฉินขัดจังหวะเขาเบา ๆ “เข้าเรื่องได้แล้ว”
“[โอ้]” ดูเหมือนว่าโอห์มจะนึกถึงธุระที่โทรมาขึ้นได้ “[ครั้งที่แล้วฉันถามนายว่าคิดยังไงเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทยาในจีน]”
“[ในความคิดของฉัน มันไม่มีปัญหาเลย เทคโนโลยีเป็นของเรา และนายก็เป็นสมาชิกของห้องปฏิบัติการ ทั้งความรู้ทางการแพทย์ของนายก็สูงกว่าของฉันด้วยซ้ำ แล้วเรื่องเงินทุน นายก็ไม่ขาดแคลนอะไร]”
ลู่เฉินหยิบกล่องบุหรี่ที่แพงที่สุดจากร้าน “คิดเงิน”
โอห์มชะงัก “[แอล นายฟังฉันอยู่หรือเปล่า]”
“ฟัง”
“[แล้วนายคิดว่าไง?]”
ลู่เฉินใส่บุหรี่เข้าไปในกระเป๋าและเดินไปสองก้าว ก่อนพบว่าเขาไม่ได้ซื้อไฟแช็ก เขาจึงเดินกลับไปที่ร้าน “ขอไฟแช็ก”
โอห์มร้องลั่น “[บ้าเอ้ย นายหัดสูบบุหรี่เหรอ?]”
ลู่เฉินตอบกลับ “ตอนนี้ฉันไม่มีสมาธิมาจดจ่อกับบริษัทยาหรอก”
“เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์กำลังเตรียมขยายไปต่างประเทศ และกำลังเตรียมการสำหรับบริษัทสาขาแล้ว”
โอห์มลืมความตั้งใจดั้งเดิมของการโทรไปหมดแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงซุบซิบว่า “[มีเหตุผลไม่กี่อย่างที่ทำให้ผู้ชายสูบบุหรี่ เงิน อำนาจ และผู้หญิง นายมีสองอย่างแรกแล้ว เพราะงั้นนายต้องคิดถึงผู้หญิงอยู่]”
ลู่เฉินกดจุดไฟแช็ก แล้วค่อย ๆ หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ
มันชวนสำลักจริง ๆ
ลู่เฉินอดที่จะไอไม่ได้ และถูกโอห์มหัวเราะเยาะ “[ในที่สุดก็มีบางอย่างที่นายคิดไม่ตกแล้ว]”
“[ฉันอยากเห็นสาวที่ทำให้นายสูบบุหรี่ได้จริง ๆ เธอต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมากแน่]”
ในสมองของลู่เฉิน มีใบหน้าเย็นชาและสดใสปรากฏขึ้น
หัวใจของเขาถูกบีบรัดอย่างอธิบายไม่ได้
เขากำลังทำอะไร?
เลียนแบบผู้หญิงสูบบุหรี่งั้นเหรอ?
เขาโยนบุหรี่ที่เหลืออีกครึ่งมวนลงบนพื้นแล้วขยี้ดับมัน
“ไม่มีผู้หญิงอะไรทั้งนั้น”
“วางสายล่ะ”
โอห์มรีบหยุดเขา “[เกือบลืมไป ในบรรดาข้อมูลที่ผิดปกติที่ป้อนกลับมา มีสามเคสจากจีน]”
“ส่งมาที่อีเมลของฉัน”
ลู่เฉินตัดสาย ทางโอห์มมองไปยังสายที่ถูกตัดไปก็สบถออกมา “รีบไปเดตหรือไง!”
เขาส่งข้อมูลที่ผิดปกติไปให้ลู่เฉินทันที
ตอนนี้ลู่เฉินอยากจะทิ้งบุหรี่และไฟแช็กไปพร้อมกัน แต่หลังจากคิด เขาก็นำมันกลับไปที่สำนักงานและล็อกไว้ในลิ้นชัก
เขาเปิดคอมพิวเตอร์และตรวจสอบอีเมล
หลังจากมองไม่กี่ครั้ง สีหน้าของลู่เฉินจริงจัง เขารู้จักคนไข้ทั้งสามคนจริง ๆ
หนึ่งในนั้นคือคุณปู่ของเขา
ผู้เฒ่าลู่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารอย่างรุนแรง แต่การตรวจเมื่อ 3 ปีก่อนพบว่ากระเพาะอาหารของผู้เฒ่าลู่แข็งแรงดีและไม่มีอะไรผิดปกติ
กรณีที่สองคือเฉินซีซี ลูกสาวของเฉินป๋อเฉียง ผู้เข้าร่วมรายการวาไรตี้ ‘22 วันปั้นดาว’ ครั้งหนึ่งเธอเคยถูกวางยาพิษและทำให้เส้นเสียงของเธอเสียหายแต่จู่ ๆ เสียงของเธอก็กลับมาอย่างอธิบายไม่ได้ในเช้าวันหนึ่ง
สุดท้ายคือซูโย่วอี๋ ซึ่งเป็นหมัน แต่ตอนนี้ลูกชายของเธออายุได้ 3 ขวบแล้ว
ลู่เฉินโทรกลับมาว่า “ทั้งหมดเป็นข้อมูลเมื่อสามปีที่แล้ว ทำไมนายเพิ่งมารายงานเอาตอนนี้?”
โอห์มเองก็รู้สึกงุนงงมากเช่นกัน “[ไม่รู้สิ ฝ่ายเรามีบันทึกอยู่ และระดับการรักษาความลับก็เป็นระดับ S สูงสุด เมื่อมีระดับการรักษาความลับ สิ่งเหล่านี้น่าจะได้รับการตรวจสอบแล้ว แต่กลับไม่มีคำอธิบายในแฟ้มข้อมูลเลย]”
“เพราะงั้นฉันเลยอยากจะถามนาย”
ลู่เฉินหยุดชั่วคราว “ฉันจำอะไรไม่ได้เลย”
แม้แต่เขาก็ยังไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของคุณปู่
นี่มันแปลกมาก!