ตอนที่ 591 ตบหน้าฝูงชน (9) ตอนที่ 592 ตบหน้าฝูงชน (10)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 591 ตบหน้าฝูงชน (9) / ตอนที่ 592 ตบหน้าฝูงชน (10)
ตอนที่ 591 ตบหน้าฝูงชน (9)

ทันใดนั้นหนิงซินก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่านางทำพลาดไปตั้งแต่ต้นแล้ว!

นางประเมินความสามารถของจวินอู๋เสียต่ำเกินไป และนางยังเข้าใจผิดเรื่องสาขาที่จวินอู๋เสียอยู่ แผนการทั้งหมดของนางคิดขึ้นมาจากข้อมูลที่ผิดพลาดมาตั้งแต่แรก และตอนนี้ทุกสิ่งก็ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว แผนการทั้งหมดที่นางวางไว้ไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวนางเองเลย…

“ศิษย์พี่หนิง…” อิ่นเหยียนดูหวาดกลัวมากขณะที่มองหนิงซิน ก่อนที่ตัวจริงของจวินอู๋เสียจะถูกเปิดเผย ประโยคของกู้หลีเซิงทำให้เขาเกิดข้อสงสัยขึ้นมา แต่เขาไม่สามารถชี้ชัดออกมาได้ว่ามันผิดที่ตรงไหน

จนกระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมา เขาจึงตระหนักได้ เหมือนเช่นคนอื่นๆ ที่ว่าเขาเองก็ถูกตบตาโดยเรื่องเล่าเพียงข้างเดียวของหลี่จื่อมู่

“เป็นไปไม่ได้…เป็นไปได้อย่างไร…” ทันใดนั้นความตื่นตระหนกก็เข้าครอบงำหนิงซิน อิ่นเหยียนรีบเข้ามาพยุงนางทันที

“ศิษย์พี่หนิง เราจะทำอย่างไรกันต่อดี” อิ่นเหยียนหวาดกลัวมากจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาก็กลัวจวินอู๋เสียมากอยู่แล้ว บัดนี้ต่อหน้าทุกคนในสำนักศึกษาเฟิงหัว กู้หลีเซิงได้กล่าวตำหนิศิษย์ทุกคนในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณอย่างหนักว่าไร้ความสามารถ เมื่อเขาตำหนิทุกคนที่พากันเชื่อข่าวลืออย่างง่ายดาย ศิษย์ทุกคนในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณก็ถูกรวมไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณก็มีความผิดที่ด่าทอสาปแช่งจวินอู๋เสีย!

ถ้าจวินอู๋เสียเป็นแค่ศิษย์ธรรมดาๆ เรื่องก็อาจจะไม่แย่ขนาดนี้ แต่จวินอู๋เสียเป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่กู้หลีเซิงยอมรับและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้กู้หลีเซิงจึงไม่คิดจะแนะนำหรือสั่งสอนศิษย์ที่เขาฝืนใจรับเข้ามาอีกต่อไป…

แค่ความคิดนั้นเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้อิ่นเหยียนสั่นสะท้านกับผลที่จะตามมา

ทุกอย่างที่เขามีตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในสำนักศึกษานั้น ล้วนเป็นอิทธิพลมาจากตำแหน่งอันน่าอิจฉาในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ…

ถ้าเขาสูญเสียมันไปละก็ เขาได้จบเห่แน่…

“ฟ่านจิ่นรู้…” หนิงซินจับแขนอิ่นเหยียนเพื่อดึงตัวเองขึ้น

“ฟ่านจิ่นรู้มาตั้งแต่แรก! เขาต้องรู้แน่! ไม่อย่างนั้นเขาจะดึงดันปกป้องจวินเสียอยู่หลายครั้งไปทำไม! ไม่อย่างนั้นเขาจะยอมเอาชื่อเสียงของตัวเองมาเสี่ยงเพื่อความปลอดภัยของจวินเสียทำไม! ฮ่าๆๆ! ฮ่าๆๆ! เพราะเขารู้มาตลอดนี่เอง! จวินเสียคือศิษย์ที่กู้หลีเซิงให้ความสำคัญมาก! ฮ่าๆๆ! ฟ่านจิ่นเอ๋ยฟ่านจิ่น! ข้าหนิงซินประเมินเจ้าต่ำเกินไปจริงๆ!” ทันใดนั้นหนิงซินก็กระอักเลือดออกมา ทุกอย่างในชีวิตของนางราบรื่นมาโดยตลอด จนกระทั่งมาพบกับจวินอู๋เสีย นางก็พบว่าตัวเองต้องเจอกับอุปสรรคมากมายนับไม่ถ้วน แผนการทั้งหมดที่นางวางไว้อย่างดีพังพินาศจนสิ้น นางเคยภูมิใจในสติปัญญาของตัวเอง แต่บัดนี้นางกลายเป็นตัวตลกที่น่าหัวเราะมากที่สุดไปแล้ว!

เพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น หนิงซินก็สูญเสียทุกสิ่งที่นางเคยมี!

ไม่มีโอกาสที่จวินอู๋เสียจะตกเป็นเบี้ยล่างอีกแล้ว มีกู้หลีเซิงคอยหนุนหลังเช่นนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จวินอู๋เสียจะยอมเชื่อฟังนางเพราะกลายเป็นคนที่ทุกคนเกลียดชัง

แผนของนางที่จะดึงเอาจวินอู๋เสียมาเป็นพวก ได้ล้มครืนเลือนหายไปจนหมดสิ้น

ขณะที่ฟ่านจิ่นสนับสนุนจวินอู๋เสียมาตั้งแต่ต้น พวกเขาได้สร้างสายสัมพันธ์ที่ไม่อาจทำลายได้ขึ้นมา!

ปมที่สร้างขึ้นในอกของหนิงซินเกือบจะทำให้นางหายใจไม่ออก

นางยืนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับคนเสียสติอยู่ตรงนั้น

การได้เห็นภูติวิญญาณของจวินอู๋เสียด้วยตัวเอง ทำให้หนิงซินไม่สามารถยอมรับคำอธิบายของฟ่านฉีได้

แมวดำตัวเล็กอย่างนั้นหรือ

สวรรค์เถอะ นั่นคือสัตว์ร้ายสีดำขนาดมหึมาต่างหาก!

แต่คนที่รู้เรื่องนี้มีเพียงตัวนางและอิ่นเหยียนเท่านั้น จวินอู๋เสียมักจะแสดงภูติวิญญาณของนางต่อหน้าคนอื่นๆ ในรูปลักษณ์ของแมวดำตัวน้อยเท่านั้น และต่อให้พวกนางทั้งสองคนออกไปป่าวประกาศ บอกให้ทุกคนรู้ว่าภูติวิญญาณของจวินอู๋เสียไม่ใช่แมวดำธรรมดา ก็คงไม่มีใครเชื่อพวกเขา

ครั้งนี้นางพ่ายแพ้ พ่ายแพ้ยับเยินจริงๆ!

หนิงซินยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งต่อไปพร้อมกับมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก ความกรุ่นโกรธที่รุนแรงปะทุอยู่ในหัวใจ และความรู้สึกพ่ายแพ้อย่างถึงที่สุดก็ทำให้หนิงซินสูญเสียความใจเย็นและสติสัมปชัญญะทั้งหมด ลืมเลือนแม้กระทั่งมารยาทอันงดงามนุ่มนวลของตัวเองไปจนสิ้น

ตอนที่ 592 ตบหน้าฝูงชน (10)

อิ่นเหยียนมองหนิงซินด้วยสายตาหวาดกลัว ความกลัวแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา

หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถยกอดีตของจวินอู๋เสียขึ้นมาใส่ร้ายเขาได้อีกต่อไป

กู้หลีเซิงเชิญจวินอู๋เสียให้กลับเข้าสู่สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณด้วยตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ ตอนนี้ไม่มีสักคนที่จะกล้ามีเรื่องกับจวินอู๋เสีย

แค่เรื่องที่เจ้าเด็กนั่นมีความรู้ในทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณมากกว่ากู้หลีเซิง ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนยอมจำนน สถานะของจวินอู๋เสียในหมู่ศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัว ถูกยกให้สูงขึ้นจนไม่อาจสั่นคลอนได้ ทุกคนที่เคยด่าว่าและถ่มน้ำลายใส่นาง พวกคนที่ดูถูกเหยียดหยามนาง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเหตุผลที่เคยใช้แก้ตัวและข้ออ้างในการทำเช่นนั้นได้พังพินาศไปจนสิ้น แค่เรื่องที่จวินอู๋เสียเข้าใจทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้ง ก็ทำให้ทุกคนต้องถอยหลังกลับไปด้วยความเคารพโดยไม่กล้าดูหมิ่นนางอีก

อิ่นเหยียนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดครึ้มสีหม่นด้านบน

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสำนักศึกษาเฟิงหัววันนี้ จะเป็นที่น่าจดจำไปตราบนานเท่านาน

ความกลัวท่วมท้นในหัวใจของอิ่นเหยียน เขาเรียกความกล้าทั้งหมดของเขาออกมา และลากหนิงซินที่ทำท่าราวกับเสียสติไปแล้วออกไปจากลานชุมนุม

หลังจากทั้งคู่ออกไปแล้ว ร่างผอมแห้งโดดเดี่ยวที่ไม่เป็นที่สังเกตเห็นก็ถูกปล่อยให้ยืนเคว้งอยู่ในมุมไกลๆ ของลานชุมนุมอันกว้างใหญ่

ใบหน้าของอาจิ้งซีดเผือด เขามองไปที่ลานชุมนุมอันว่างเปล่าไร้ผู้คน

เขาได้ยินทุกถ้อยคำที่กู้หลีเซิงและฟ่านฉีพูดเมื่อสักครู่นี้ ก็เหมือนกับคนอื่นๆ อาจิ้งมาที่ลานชุมนุมด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม คิดว่าจวินอู๋เสียจะถูกทำให้อับอายและถูกกู้หลีเซิงไล่ออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัวในวันนี้ แต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าเขาจะมาที่นี่เพื่อฟังความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้น ความจริงที่เขาไม่สามารถทำใจให้ยอมรับได้

ทันใดนั้น อาจิ้งก็ทรุดตัวลงกับพื้น นิ้วมือของเขากำแน่นจนเล็บขูดกับพื้นแข็งๆ ทิ้งรอยเลือดสีแดงสดไว้เป็นทางยาว

……

สิ่งที่น่าอัปยศมากที่สุดก็คือ การถูกคนที่ตนเองเกลียดชังมากที่สุดเหยียบหน้าจนจมดิน!

แม้ว่าตลอดการชุมนุมนั้น จวินอู๋เสียจะไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ นางก็ได้เหยียบหน้าศิษย์อาจารย์แทบทุกคนในสำนักศึกษาเฟิงให้จมดินอย่างสบายๆ แถมบางคนยังโดนกระทืบซ้ำอย่างแรงอีกด้วย

จวินอู๋เสียถูก ‘เชิญ’ ให้กลับเข้าสู่สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณโดยกู้หลีเซิงในวันเดียวกันนั้น และศิษย์ทุกคนก็ทำได้เพียงมองฉากนั้นด้วยใบหน้าซีดเผือดขณะที่คนทั้งสองเดินเข้ามา ไม่มีใครกล้าก้าวขึ้นไปข้างหน้าหาพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว

เข้าไปหาอย่างนั้นรึ

ใบหน้าของพวกเขาตอนนี้ยังคงร้อนด้วยความอับอายอยู่เลย

ความเป็นศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณที่พวกเขาภาคภูมิใจนักหนา ถูกเผยออกมาแล้วว่าเป็นเพียงเรื่องตลกเหลวไหล กู้หลีเซิงต้องฝืนใจรับพวกเขาเป็นศิษย์เนื่องจากแรงกดดันของอาจารย์ใหญ่ฟ่านฉีเท่านั้น

พวกเขาไม่ได้รับการยอมรับจากกู้หลีเซิงตั้งแต่แรก

แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจและทำตัวตามน้ำไป แถมยังดูหมิ่นเหยียดหยาม เยาะเย้ยและวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงตามคนอื่นๆ ทำลายชื่อเสียงของจวินอู๋เสีย

พวกเขานี่มัน…

น่ารังเกียจอย่างถึงที่สุด!

จวินอู๋เสียเดินตามกู้หลีเซิงเข้าไปในห้องทำงานของเขา พอประตูห้องปิดลง กู้หลีเซิงก็คลายความตึงเครียดลง ใบหน้าเคร่งขรึมของเขากลับมาเป็นสุภาพอ่อนโยนเช่นเดิม

“เป็นอย่างไรบ้าง นั่นพอจะตอบสนองต่อคำขอของเจ้าได้หรือไม่” กู้หลีเซิงถามจวินอู๋เสียยิ้มๆ การแสดงวันนี้ถูกจัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อจวินอู๋เสีย เขาหวังว่านั่นจะช่วยชดเชยให้แก่จวินอู๋เสียในสิ่งที่เขาต้องประสบมาในช่วงนี้ได้

“ได้” จวินอู๋เสียพยักหน้า

ครั้งนี้กู้หลีเซิงจัดการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม จวินอู๋เสียรู้สึกพอใจมาก

“ฮ่าๆ ดีๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าสร้างความวุ่นวายมากขนาดนี้” ในที่สุดกู้หลีเซิงก็โล่งใจได้สักที หลังจากที่กลั้นใจลุ้นอยู่นาน เขาตัดสินใจทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้เพื่อแสดงความจริงใจของเขาต่อจวินอู๋เสีย และเพื่อสู้กับความอยุติธรรมที่จวินอู๋เสียได้รับอีกด้วย

แค่ได้ฟังข่าวลือชั่วร้ายพวกนั้น ก็ทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกเจ็บแค้นได้แล้ว การที่จวินอู๋เสียสามารถอดทนต่อความกดดันทุกอย่างได้อย่างเข้มแข็ง ทำให้จวินอู๋เสียได้รับความเคารพนับถือจากกู้หลีเซิงอย่างถึงที่สุด

ถ้าเป็นคนอื่น คงกระโดดออกมาปกป้องตัวเองตั้งแต่แรกไปแล้ว แต่จวินอู๋เสียกลับสามารถรับมือกับปัญหาได้อย่างใจเย็น และเปิดเผยความจริงหลังจากทำหน้าที่ของนางสำเร็จแล้วเท่านั้น ความอดทนอย่างไม่สิ้นสุดและความมุ่งมั่นอุตสาหะนี้ ทำให้กู้หลีเซิงชื่นชมเจ้าหนูคนนี้อย่างสุดหัวใจจริงๆ