ตอนที่ 1684 : ลี่เฟิงยังไม่ตาย?
พร้อมกันกับที่ประกายแสงสีทองส่องสว่างออกมาพร่างพราว กระบี่บินใต้เท้าต้วนหลิงเทียนก็พุ่งวาบออกไปด้วยความเร็วสูงล้ำ!
ทันทีที่ใจต้วนหลิงเทียนคิด กระบี่ก็เหินบินออกไปด้วยความเร็วสูงล้ำ! ยังผสานไว้ด้วยพลังอำนาจลี้ลับประการหนึ่งจากเคล็ด กระบี่สัมพันธ์จิตใจ แน่นอนว่านี่ยังเป็นเพียงขั้นที่ 1 ของ ยอดใจกระบี่เท่านั้น
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่อาจเข้าใจขอบเขตที่ 2 ของยอดใจกระบี่อย่าง เงากระบี่สัมพันธ์ใจ ได้…
อย่างไรก็ตามกระบี่ที่จู่โจมออกครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียน ก็มิได้ธรรมดาสามัญแต่อย่างใด! อานุภาพของมันเทียบได้กับวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีโดดเด่น ที่ฝึกฝนจนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิ!
อย่างไรก็ตาม อำนาจพลังจากเคล็ดกระบี่อย่างเดียว…ยังนับว่าอ่อนด้อยกว่าพลังทำลายของ หยวนปะทุทลายว่างเปล่า อยู่บ้าง…
แต่นั่นเพราะอำนาจพลังจากเคล็ดกระบี่อย่างเดียวเท่านั้น ทว่ากระบี่นี้ของต้วนหลิงเทียนยังมีพลังดิบเถื่อนอันน่าสะพรึงกลัวที่อัดแน่นอยู่ในนั้น! ทำให้พลังอำนาจทำลายของกระบี่นี้ไม่ใช่อะไรที่หยวนปะทุทลายว่างเปล่าจะเทียบได้เลย!!
เป็นธรรมดาที่เรื่องนี้จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้
“ลี่เฟิงนั่น มันควบรวมกระบี่อย่างกุลีกุจอแล้วเร่งซัดออกไปเช่นนั้น…จักควบรวมพลังได้สักเท่าไหร่เชียว เผลอๆปราณแรกกำเนิดยังจ่ายผนึกไปมิถึง 3 ส่วนด้วยซ้ำ! โง่เขลานัก!!”
ฉีเสิ่นแสยะยิ้มออกมาด้วยความเย้ยหยัน
ในฐานะที่มันเป็นถึงตัวตนขอบเขตพลังอริยะเซียน ความนึกคิดมันย่อมไม่เหมือนผู้คนด้อยพลัง ในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนเร่งรีบลงมือเช่นนี้ ยากนักที่จะผนึกควบรวมพลังอะไรได้มาก ไม่มีทางลงมือได้เต็มกำลังเด็ดขาด!
และไม่เพียงแต่ฉีเสิ่นเท่านั้น กระทั่งเริ่นจง และหลิวหงกวง รวมถึงคนอื่นๆที่มีพลังฝึกปรือสูงหน่อยก็คิดเห็นไม่ต่าง
อย่างไรก็ตามให้พวกมันขบคิดจนหัวระเบิด พวกมันก็ไม่มีวันล่วงรู้เลยว่าต้วนหลิงเทียนสามารถทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ถึง 99 จุดเส้นสายชีพจร! เช่นนั้นแล้วเวลาที่ต้องใช้ในการควบรวมปราณจึงสั้นอย่างน่าตื่นตระหนก!!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เพียงทะลวงเปิดได้ 81 จุดชีพจรเซียนก็นับเป็นความสำเร็จเลิศล้ำฟ้าประทานแล้ว
กระทั่งมองผ่านตลอดทั้งประวัติศาสตร์ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ผู้ที่ทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ถึง 81 จุดก็นับได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียวเท่านั้น!
ทว่าต้วนหลิงเทียนยังเหนือกว่าพวกมันมาก!
ชีพจรเซียน 99 จุดนี่ สามารถจ่ายส่งปราณแรกกำเนิดมาควบรวมได้เร็วกว่า ฉีค่านไม่ต่ำกว่า 2 เท่า!
ด้วยเหตุนี้แม้ต้วนหลิงเทียนจะลงมือทีหลังให้ฉีค่านเผยกระบวนก่อน เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถต้านทานมันได้ไม่ยากเย็น!
นี่เป็นความมั่นใจในตัวเองของต้วนหลิงเทียน
ชีพจรเซียน 99 จุด เป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจนี้ให้เขา
และเพราะเหตุผลเดียวกันนี้เอง ทำให้เขตแดนของต้วนหลิงเทียนสามารถควบรวมก่อเกิดได้ไวกว่าผู้อื่น
ครืนนน!!
ฉีค่านซัดบอลพลังทำลายล้างจากวรยุทธ์เซียนหยวนปะทุทลายว่างเปล่าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างอำมหิต มวลพลังทรงกลมพุ่งแหวกอากาศมาอย่างสะท้านสะเทือน!
ตราบใดที่มันบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียน หรือปะทะเข้ากับปราณแรกกำเนิดของต้วนหลิงเทียน่ละก็ มันจะระเบิดออก ปลดปล่อยพลังทำลายล้างมหาศาลจากปราณแรกกำเนิดทั้งร่างและเขตแดนที่อัดแน่นเอาไว้ออกมาทันที!
แน่นอนว่าต่อให้ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะหลบหนี ทว่าบอลพลังนี้ก็สามารถติดตามไปทำลายล้างต้วนหลิงเทียนได้ไม่ยากเย็น เพราะฉีค่านใช้สำนึกเทวะเป็นตัวกำหนดเป้าหมาย!
ซู่ม!
กระบี่เล่มเขื่องสีทองพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงล้ำ ไม่ได้ด้อยไปกว่าบอลพลังทำลายล้างของฉีค่านแม้แต่น้อย!
กระทั่งยังรวดเร็วกว่าด้วยซ้ำ!
และเป้าหมายของกระบี่ก็คือ บอลพลังจากเคล็ดวรยุทธ์ หยวนปะทะทลายว่างเปล่านั่น!
อย่างไรก็ตามแม้กระบี่บินสีทองนี้จะบรรลุความเร็วอัศจรรย์ แต่ฉีเสิ่น เริ่นจงและหลิวหงกวงก็ไม่มีใครดูดีอะไร เพราะต่างคิดว่าพลังงานที่ควบรวมในกระบี่คงยากจะเปรียบเทียบกับบอลพลังของฉีค่านได้
ยิ่งไปกว่านั้นแม้มันจะพุ่งไปปะทะกับบอลพลังทำลายล้างจาก หยวนปะทุทลายว่างเปล่า แต่น่ากลัวว่าคงต้องถูกบอลพลังป่นทำลายอย่างไร้ต้านทาน หลังจากนั้นบอลพลังก็คงพุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนต่อ…
ทันทีที่บรรลุถึงต้วนหลิงเทียน บอลพลังก็จะระเบิดออก ปลดปล่อยอำนาจมหาศาลทำลายทุกสิ่งในรัศมี…
กระบี่สีทองกับบอลพลังเข้าใกล้กัน จนเจียนปะทะอยู่รอมร่อ!
อันที่จริงก่อนที่ทั้ง 2 จะปะทะกัน สนามพลังจากกระบี่และบอลพลังทำลายล้างนั่น ก็กำจายออกมาปะทะทำลายกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า พาลให้ความว่างเปล่าโดยรอบสั่นสะท้านปานจะแตกระเบิดได้ทุกเวลา
พริบตากระบี่สีทองกับบอลพลังก็ห่างกันเพียงคืบ!
กาลเวลาคล้ายจะหยุดลง
เปรี๊ยง!!
เสียงสนั่นปานฟ้าระเบิดดังกึกก้องออกไปทั่ว
ตอนนี้ฟ้าดินยังท่วมท้นไปด้วยแสงสว่างจากการระเบิด สรรพสิ่งถูกย้อมให้ขาวโพลนจนยากจะมองเห็น!
อีกทั้งเหล่าผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกเต๋าที่ชมดูเรื่องราวโดยรอบ ผู้ที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยก็ถึงกับกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ แก้วหูยังแตกระเบิดพาลให้เลือดท่วม!
กระทั่งผู้ฝึกตนไม่ว่าจะยุทธ์หรือเต๋าอันมีขอบเขตพลังเซียนดั้งเดิม สีหน้ายังแดงก่ำขึ้นมา เห็นชัดว่าแรงระเบิดครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อพวกมันไม่น้อย
วินาทีที่เกิดการระเบิดวินาศสันตะโรขึ้น พลันปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าสีทองออกมาทันใด
แถมแสงสว่างเจิดจ้าสีทองดังกล่าวยิ่งมายิ่งจ้าขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็แผ่ขยายไปกลืนร่างต้วนหลิงเทียนจนหายไปจากสายตาของผู้คน
แสงสีทองนั่น…สมควรเป็นผลพวงจากการระเบิด!
เห็นภาพนี้ ฉีเสิ่นระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที…
ในสายตาของมัน อาศัยแค่พลังสะท้อนจากการระเบิดนั่น ก็มากพอจะบดขยี้ร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นผงแล้ว!
ต่อให้ตัวตนขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขั้นกลาง จะมีร่างกายแข็งแกร่งไม่ใช่ชั่ว ทว่าอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อของผู้คน ย่อมมิอาจเทียบได้กับเนื้อหนังของสัตว์ร้ายและสัตว์เซียนที่แข็งแกร่งทรงพลัง
ยิ่งไปกว่านั้นแรงระเบิดครั้งนี้ น่ากลัวว่าต่อให้เป็นสัตว์ร้ายหรือสัตว์เซียนอันทรงพลังในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลาง ก็คงต้องแหลกเหลวเพราะมิอาจต้านทานได้เป็นแน่!
“ลี่เฟิงตกตายไปเช่นนั้นหรือ?”
ฉากเรื่องราวที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ทำให้สายตาของผู้ชมอดไม่ได้ที่จะเผยความหวาดกลัว แรงระเบิดนี้เขย่าขวัญสั่นประสาทของพวกมันนัก!
ผู้ฝึกตนพเนจรถึงกับสองตาแดงฉาน ขบกัดฟันจนกรามแทบแตก
ลี่เฟิงนั้นนับเป็นผู้ฝึกตนพเนจรที่ควรค่าแก่การเคารพยิ่ง! การกระทำก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนเรียกว่าทำให้ในใจของพวกมันยกเขาขึ้นมาทัดเทียมกับจงกู้แล้ว!!
“เจ้านั่นตายแล้วหรือ?”
หลวงจีนลายบุปผาขมวดคิ้ว หากแต่ไม่นานคิ้วที่ขมวดก็ค่อยๆคลายลง สุดท้ายมันก็ยกมือขึ้นมาพนมด้วยสายตาเศร้าหมอง รู้สึกเสียใจกับการตายของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
ยอดฝีมือพเนจรอ่อนวัยเช่นนี้ตกตายไป ย่อมทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“หืม?”
เริ่นจงที่แต่เดิมคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรถูกระเบิดตายไปแล้วเช่นกัน พลันเบิกตากว้าง มันเร่งมองไปยังจุดศูนย์กลางแรงระเบิดด้วยความตื่นตะลึง
ซู่มมม!!
เสียงกระบี่หอนดังขึ้นฉับไว ก่อนที่จะจางหายดับไปในเสี้ยวพริบตา…เป็นกระบี่สีทองเล่มหนึ่งพุ่งฝ่าแรงระเบิดออกมา ความเร็วประหนึ่งฟ้าผ่า!
ยังไวกว่าฟ้าผ่าเสียอีก!!
“ไม่!!”
เสียงคำรามหนึ่งดังขึ้น ส่วนฉีค่านที่กำลังแสยะยิ้มมุมปากด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องพลันนิ่งค้างไป มุมปากของมันยังคงยกยิ้มแสยะค้างไว้เช่นนั้น…
ที่มันค้างไป เพราะหว่างคิ้วของมันปรากฏหลุมโลหิตหลุมหนึ่ง โลหิตยังทะลักไหลออกมาเป็นสายแลดูน่ากลัวนัก
พริบตาต่อมากระทั่งลมหายใจของมันก็ไม่มีเหลือ ร่างค่อยๆร่วงตกจากฟ้า
ส่วนเสียงคำรามสนั่นเมื่อครู่นั้นมาจากฉีเสิ่น! ใบหน้าแต่เดิมที่เต็มไปด้วยความยินดีบัดนี้บิดเบี้ยวกลับกลาย มันมาได้สติเอาตอนที่ได้ยินเสียงหอนกรีดอากาศของกระบี่ ทว่าเมื่อมันเห็นกระบี่พลังพุ่งแสกกลางหว่างคิ้วของฉีค่านไป..สองตามันก็แดงฉาน ร่างมันพุ่งวาบตัดฟ้าไปราวคุ้มคลั่งเสียสติ รีบไปรับร่างฉีค่านที่กำลังร่วงตกลงมาเอาไว้!
อนิจจาแม้จะรับร่างไว้แล้วเขย่าเรียกหาเท่าใด แววตาของร่างในอ้อมกอดก็เฉยเมยไม่ต่างใดจากปลาตาย ลมหายใจยังหายไปหมดสิ้น
ตายแล้ว
“ค่านเอ๋อ! ค่านเอ๋อออ!!”
ฉีเสิ่นไม่อาจทำใจยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ มันเขย่าร่างหลานชายคนเดียวสุดแรง ร่ำร้องเรียกหาออกมาใจแทบขาด อนิจจากลับไร้ซึ่งการตอบสนองอันใดจากร่างในอ้อมกอด…
“ฉีค่าน…ตายแล้วหรือ?”
เห็นฉากนี้ผู้ชมโดยรอบอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ
“สวรรค์ช่วย! กระทั่งปะทะกับบอลพลังทำลายล้างของหยวนปะทุทลายว่างเปล่าแล้ว แต่กระบี่พลังของลี่เฟิงยังมีพลังหลงเหลืออีกหรือ…ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”
หลายคนอุทานออกมาด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตามพวกมันพยายามกล่าวกันอย่างเบาเสียง ด้วยกลัวฉีเสิ่นจะได้ยินและมาระบายอารมณ์กับพวกมัน
“ข้ามิอยากจะเชื่อจริงๆว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบนี้…! ผู้ใดจักไปคิดคาดว่าทั้งคู่กลับต้องมาตกตายพร้อมกัน…ข้าว่าตอนนี้อาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องคงปวดใจนัก…”
หลายคนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังฉีเสิ่นด้วยสายตาสมน้ำหน้า มุมปากยังเผยยิ้มออกมา
เริ่นจงกับหลิวหงกวงต่างหันมามองหน้าสบตากันเอง และเห็นถึงความตื่นตกใจในแววตาของกันและกัน
พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าการโจมตีของผู้ฝึกตนพเนจรที่อ่อนวัยเช่นนั้น จะมีพลังอำนาจมากพอสังหารฉีค่านที่กำลังยินดีกับชัยชนะอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง…
เมื่อครู่เกรงว่าฉีค่านคงไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบสนองเรื่องราวด้วยซ้ำ…
เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นฉีค่านหรือพวกมัน ต่างคิดว่าชัยชนะชี้ชัดแล้วทั้งสิ้น
“ข้าเสียใจด้วยอาวุโสฉีเสิ่น”
ถึงแม้เริ่นจงกับหลิวหงกวงจะไม่ได้รู้สึกรู้สะอะไรกับการตายของฉีค่านแม้แต่น้อย แต่พวกมันก็ยังรู้ว่าควรทำอะไร จึงหันไปมองกล่าวกับฉีเสิ่นด้วยมารยาท
ตอนนี้สองตาของฉีเสิ่นแดงฉาน ร่างยังสั่นระริกไปไม่หยุด
หลานชายคนเดียวของมันตายแล้ว!
ต้องทราบด้วยว่ามันฝากความหวังทั้งชีวิตไว้กับหลานชายที่น่าภาคภูมิใจคนนี้…
มันยังคิดอยู่เลยว่าหลังจากจบการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องครั้งนี้ มันจะให้หลานชายของมันต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องกับฉีจิ้งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง
ตราบใดที่หลานชายของมันติดอันดับในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง ยอมมีสิทธิ์ต่อสู้ช่วงชิง
อนิจจาเมื่อหลานชายของมันตกตายไป ทั้งหมดทั้งมวลที่หวังไว้ล้วนกลายเป็นมายาฝันอันไกลห่าง…
“นะ…นั่นมัน…!!”
ทว่าทันใดนั้นเองมีคนโพล่งร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
ด้วยความที่ฉีค่านยังคงเศล้าสลดเสียใจกับความสูญเสียและรับไม่ได้กับการจากไปของหลานชายคนเดียว มันจึงไม่ทันได้สนใจฟังเสียงอุทานด้วยความตกใจของผู้คนโดยรอบ
ภายใต้สายตาของผู้คนที่โพล่งออกมาด้วยความตกใจ เมื่อแสงสว่างจ้าจากการระเบิดรวมถึงคลื่นพลังสะท้อนค่อยๆจางลง…ร่างหนึ่งค่อยๆปรากฏขึ้น และดูเหมือนร่างดังกล่าวจะเปลี่ยนไปสวมใส่ชุดคลุมตัวใหม่…
แม้อีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปใส่ชุดคลุมตัวใหม่ แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนจำร่างคนผู้นี้ได้เป็นอย่างดี
ลี่เฟิง!
ลี่เฟิงยังไม่ตาย!?
จังหวะนี้ทุกผู้คนไม่เว้นเริ่นจงและหลิวหงกวงอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง พวกมันถึงกับอื้ออึงไปไม่รู้สึกตัวพักใหญ่!
เพราะฉากเรื่องราวเบื้องหน้าเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของพวกมันนัก!
กระทั่งเริ่นจงและหลิวหงกวงยังมั่นใจมากว่าต้วนหลิงเทียนสมควรตกตายไปเพราะแรงระเบิดอันน่ากลัวนั่นแล้ว!
เนื่องจากการระเบิดนั้นมันเกิดขึ้นใกล้ต้วนหลิงเทียนมาก และแรงระเบิดดังกล่าวไม่ใช่อะไรที่เนื้อหนังมังสาของผู้คนจะต้านทานรับได้ไหวเลย ต่อให้ใช้วรยุทธ์เซียนระดับปฐพีโดดเด่นสายป้องกันคลุมกายเอาไว้ก็ตาม
เพราะสุดท้ายแล้วนั่นก็คือการปะทะกันของพลังมหาศาล 2 ขุม ถึงแม้จะหักล้างกันไปเล็กน้อย ทว่าพลังสะท้อนที่เกิดขึ้นน่ากลัวว่าจะไม่ใช่ชั่ว
ในสถานการณ์แบบนั้น ต่อให้เป็นสัตว์ร้ายหรือสัตว์เซียนที่รู้กันดีว่ามีร่างกายแข็งแกร่งรวมถึงความสามารถในการป้องกันเชิงกายภาพสูงล้ำ…แต่เกรงว่าต่อให้เป็นขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางก็คงไม่อาจต้านทานแรงระเบิดอันน่าสะพรึงดังกล่าวได้…
และร่างมนุษย์ในขอบเขตเซียนขัดเกลา ก็อ่อนแอกว่าสัตว์ร้ายและสัตว์เซียนมากนัก
ด้วยเหตุนี้การที่ต้วนหลิงเทียนยังอยู่รอดปลอดภัยมาได้ จึงเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของทุกคนอย่างมาก
เริ่นจงกับหลิวหงกวงคืนสติก่อนใครเพื่อน ทั้งคู่จับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสว่างเจิดจ้า ทำราวกับเห็นสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน!
พวกมันมั่นใจเต็มที่ ว่าในขณะที่เกิดการระเบิด รอบกายต้วนหลิงเทียนไร้ซึ่งคลื่นพลังผันผวนจากการเปิดใช้อาคมเซียน และคลื่นพลังจากยันต์เต๋าใดๆทั้งสิ้น!
กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ต้วนหลิงเทียนอาศัยพลังฝีมือของตัวเองและร่างกายเปล่าเปลือยต้านทานแรงระเบิดน่ากลัวนั่นมาได้!
ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจทั้งประหลาดใจ
เรื่องที่น่าตกใจคือ ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงรอดจากแรงระเบิดมาได้ ทั้งๆที่มันรุนแรงขนาดนั้น!
ส่วนเรื่องที่ประหลาดใจก็คือ ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าอัจฉริยะมากฝีมือที่ยังเยาว์วัยเช่นนี้กลับเป็นเพียงผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัด…กระทั่งพวกมันยังมีโอกาสรับตัวยอดฝีมือผู้นี้เข้าร่วมขุมพลังของตัว!
หากพวกมันสามารถรับตัวชายหนุ่มผู้นี้กลับไปเข้าร่วมขุมพลังได้ล่ะก็ คงสร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้กับขุมพลังของพวกมันแน่!