การที่จะแฮกไฟล์ข้อมูลในไมโครซอฟต์เวิร์ดไม่ให้เสียหายนั้นต้องใช้ความพยายามมากกว่าการแฮกรหัสเพื่อเปิดเครื่องสักอีก แต่ถึงอย่างไรหยานชิงเจ๋อก็ทำมันสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ไฟล์ข้อมูลกำลังเปิดนั้น ทันใดนั้นเขาก็ถึงกับสะดุ้ง แต่ถึงอย่างไรอารมณ์ความยุ่งเหยิงที่อยู่ในใจมันก็ยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้เขาดูต่อไป
ซูสือจิ่นที่มีนิสัยชอบเขียนไดอารี่นั้น อันที่จริงเหตุผลมันก็เป็นเพราะเขา
ในตอนที่เธอเรียนอยู่ชั้นประถมนั้น เธอรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมากกับการเขียนไดอารี่ที่คุณครูกำหนดว่าภายในหนึ่งอาทิตย์นั้นจะต้องเขียนสามครั้ง
จำได้เลยว่าในครั้งแรก เธอเอาไดอารี่ที่ตัวเองเขียนนั้นไปให้เขาดูพร้อมกับใบหน้าที่บูดบึ้งพูดกับเขาว่า : “ พี่ชิงเจ๋อ พี่มีไดอารี่ที่เคยเขียนไวไหม ยืมให้ฉันหน่อยสิ ฉันจะเอามาแก้ชื่อแล้วก็ลอกส่งขึ้นไปก็ได้แล้ว ”
เขาหยิบสิ่งที่เธอเขียนนั้นมาอ่านดู
“ วันนี้เป็นวันที่อากาศดีมาก แดดแรงและร้อนมาก พอตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ได้กินไข่ไปฟอง นมหนึ่งแก้ว แล้วก็ยังมีหมั่นโถวอีกครึ่งลูก ในตอนที่กำลังไปโรงเรียนฉันก็ลืมเอาผ้าโพกหัวสีแดงมา ก็เลยทำได้แค่ต้องซื้อมันระหว่างทาง หลังจากที่เรียนมาทั้งหมด ฉันก็เลิกเรียน ในตอนกลางคืน พ่อบอกว่ามีเมนูปลาเปรี้ยวหวาน ฉันก็เลยรอกิน พอกินเสร็จก็เข้านอน ”
ในตอนที่หยานชิงเจ๋ออ่านก็ถึงกับไปไม่ถูก ดังนั้นเขาก็เลยหยิบไดอารี่ของเธอมาและพูดกับเธอว่า : “ เสี่ยวจิ่น ของเธอนี่มันเหมือนกับบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละวันเลย ไดอารี่มันไม่ได้เขียนกันแบบนี้……”
ในขณะที่พูดนั้นเขาก็ได้พาเธอไปที่ร้านหนังสือ แล้วก็ซื้อหนังสือเรียงความของชั้นประถมมาสองสามเล่ม จากนั้นเขาก็เปิดตัวอย่างเรียงความและพูดกับเธอว่า : “ เสี่ยวจิ่น เธอดู การเรียงความมันคือการบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในวันนี้ แล้วมันก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ หรือว่าเป็นเรื่องที่มันมีความหมาย แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็ต้องบันทึกมาลงไป ”
ดูเหมือนว่าเธอจะคิดได้ จากนั้นก็เลยพูดกับเขาว่า : “ พี่ชิงเจ๋อ แล้วทำยังไงถึงจะเขียนมันได้ดี ?”
เขาก็บอกว่า : “ เอาอย่างนี้ ถ้าวันไหนเธอรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ความหมาย ก็เขียนมันลงไป ไม่จำเป็นจะต้องเขียนมันทุกวัน แต่ในทุกครั้งที่เธอเขียนมัน เธอจะต้องรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น ”
หลังจากนั้นมา เธอก็มักจะชอบเขียนไดอารี่ ในตอนแรกเริ่มเธอก็ยังคงเอาให้เขาอ่าน แต่พอมาในช่วงหลังเธอก็ซ่อนไดอารี่ไว้เป็นอย่างดี และไม่ให้เขาอ่านแม้แต่ตัวหนังสือตัวเดียว
ต่อมาพอขึ้นมาชั้นมัธยม ที่บ้านก็มีคอมพิวเตอร์ และเขาก็ได้ไปบ้านของเธอยู่หลายครั้ง ก็เห็นว่าเธอเขียนมันลงในคอมด้วย แต่เขาก็ไม่รู้เลยจริงๆว่าเขียนอะไรไปบ้าง
และในตอนนี้ ความลับทุกอย่างมันก็ดูเหมือนว่าจะอยู่ตรงหน้าแล้ว
ทั้งและคุณธรรมในตอนนี้มันช่างเปราะบางจนไม่เหลืออะไรแล้ว และหยานชิงเจ๋อก็ได้เริ่มอ่านมันตั้งแต่หน้าแรกไปแล้ว
ในส่วนที่เป็นด้านหน้านั้นคือตอนที่เธออยู่ชั้นมัธยมปีที่1 และการเขียนของเธอยังคงอ่อนหัดเป็นอย่างมาก สิ่งเธอที่เธอเขียนก็คือระหว่างเพื่อนร่วมชั้นหรือไม่ก็เขียนในสิ่งที่พวกเขาทำมันด้วยกัน
หยานชิงเจ๋อก็ได้อ่านไปแล้วสองสามหน้า และในขณะที่กำลังจะเลื่อนลงมา ทันใดนั้นก็ถือกับตาโตขึ้นมาทันที
เขาเห็นชื่อของเขา อีกทั้งยังเห็นเครื่องหมายคำถามอีกมากมายและคำว่า ‘ชอบ’ ในหน้านั้น
เขาก็รู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นเร็วขึ้น ราวกับว่ามีความลับอะไรที่กำลังจะถูกเปิดเผย ดังนั้นเขาก็เลยเริ่มอ่านมันตั้งแต่บรรทัดแรก
“ วันที่ 19 มิถุนายน ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ”
“ วันนี้ ก็ไปเรียนเหมือนกับปกติ แต่กลับเลิกเรียนไม่เหมือนกับปกติ ”
“ เป็นเพราะว่า วันนี้ฉันเห็นอีกคนที่ไม่เหมือนกับพี่ชิงเจ๋อ ”
“ แม่บอกว่า สือจิ่นในชื่อของฉัน ไม่ใช่อาหารที่ผสมกันหลายอย่างในข้าวผัด แต่มันคือดอกชบา และมันก็บังเอิญกับที่หน้าประตูโรงเรียนมีต้นชบาอยู่หนึ่งต้น ที่กำลังมีดอกชบาผลิบานอยู่พอดี ”
“ พี่ชิงเจ๋อน่าจะเลิกเรียนเร็ว เขาก็เลยมายืนอยู่ใต้ต้นชบาและไม่เห็นฉัน แต่ทว่าฉันเห็นเขา และเขาก็กำลังก้มตัวลงไปเก็บดอกชบาขึ้นมาจากพื้น ”
“ ฉันคิดว่า ฉันชอบเขาสักแล้วสิ ”
เมื่อหยานชิงเจ๋ออ่านมาถึงตรงนี้ สมองก็ถึงกลับว่างเปล่าไปชั่วขณะ
ผ่านไปสักพัก กว่าเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมและอ่านมันต่อไป
“ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรตัวเองถึงได้รู้สึกชอบเขาขึ้นมา แต่ทว่าในเมื่อกี้หัวใจของฉันกลับเต้นผิดจังหวะ ฉันรู้สึกตื่นเต้นเมื่อกำลังจะเดินเข้าไปหาเขา แล้วก็คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะตะกุกตะกักจนไม่รู้จะพูดอะไรและในหนังสือที่บอกว่าชอบมันก็คือความรู้สึกเดียวกัน ”
“ ฉะนั้นแล้วฉันคิดว่าฉันชอบเขา ”
“ แต่เขาจะชอบฉันไหมนะ ? แล้วถ้าเขารู้เข้าเขาจะโกรธไหมนะ ? เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะไม่สนใจฉัน ? ต่อจากนี้ฉันควรทำยังไงดี ?”
เขาเขียนเครื่องหมายคำถามต่อกันเยอะมาก จากนั้นไดอารี่หน้านี้ก็จบลง
มือของหยานชิงเจ๋อถึงกับมีอาการสั่นเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงต้องอ่านมันต่อไป
จนกระทั่งสองวันต่อมาของไดอารี่
“ เมื่อวาน ฉันกลับพบว่าตัวเองนั้นยิ่งรู้สึกชอบพี่ชิงเจ๋อมากขึ้น เขาส่งฉันกลับบ้าน ในใจของฉันเหมือนกับมีกวางตัวน้อยที่กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างไม่หยุด ฉันเห็นว่าเขายิ้มให้ฉัน ฉันรู้สึกประหม่าจนไม่รู้จะพูดอะไร ฉันหวังว่าฉันจะเดินไปกับเขาอีกนานๆ เพื่อที่เขาจะได้อยู่กับฉันตลอด และเดินไม่ถึงบ้านสักที ”
“ แต่ถึงอย่างไรฉันก็ถึงบ้านอยู่ดี ในใจฉันรู้สึกไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นในตอนกลางคืนก็เลยเลียนแบบผู้หญิงคนอื่นไปร้านเหล้า ”
หยานชิงเจ๋อนึกถึงเรื่องในคืนนั้น ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมา 10 กว่าปีแล้วแต่เขาก็ยังคงจำมันได้อย่างชัดเจน เขาก็บอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกยังไง จากนั้นเขาก็อ่านมันต่อ
“ ฉันไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อนเลย พอดื่มไปได้เล็กนิดหน่อย ก็พบตัวเองเวียนหัวแล้ว จากนั้นก็มีคนจะมาคุยกับฉัน แล้วก็จะมาจับมือฉัน ฉันกลัวมาก ”
“ ในตอนนั้นเอง พี่ชิงเจ๋อก็มา ”
“ ก่อนหน้านี้ฉันเคยดู ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน จูอินได้บอกว่า คนที่เธอจะตกหลุมรักก็คือวีรบุรุษที่มีความสามารถล้ำเลิศ มีวันหนึ่ง เขาจะเหยียบอยู่บนก้อนเมฆเจ็ดสีมารับเธอ ในตอนนั้น ฉันเห็นว่าพี่ชิงเจ๋อมา ทันใดนั้นก็นึกถึงประโยคนี้ขึ้นมา ”
“ เขาเหมือนกับวีรบุรุษที่มากำจัดคนเลวออกไป จากนั้นก็ช่วยฉันออกมา และฉันก็รู้สึกว่าฉันยิ่งชอบเขามากขึ้น ”
“ ทำยังไงดี ? ฉันรู้สึกว่าฉันชอบเขามาก อยากจะอยู่ด้วยกันกับเขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมองฉันเป็นเพียงแค่น้องสาวคนหนึ่ง ”
“ ถ้าเกิดว่าฉันบอกเขาไปว่าฉันชอบเขา เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะไม่สนใจฉันอีกต่อไป ?”
สีหน้าของหยานชิงเจ๋อก็เริ่มซีดลงเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะเคยชอบเขา
ถ้าอย่างนั้นในช่วงเวลาหลายปีที่ยาวนานนั้น หรือว่าเธอแอบคิดแบบนั้นกับฉันมาโดยตลอด ก็เลยเฝ้ามองเขาอยู่ใกล้ๆ แต่ก็กลับรู้สึกไกลสุดขอบฟ้า ?
จู่ๆเขาเขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยและรู้สึกเสียใจแทนเธอขึ้นมา
ดังนั้นเขาก็ยังคงอ่านมันต่อไป
“ วันนี้เป็นวันเกิดของพี่ชิงเจ๋อ ฉันก็เลยไปที่ร้านเครื่องปั้นดินเผาเพื่อทำแก้วน้ำให้เขา แต่ทว่าฉันทำมันได้ไม่ดี มันดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเขาจะชอบมันไหม ”
“ ฉันไปหาเขาด้วยความดีใจ แต่ทว่ากลับเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง อีกทั้งเขายังบอกอีกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนของเธอ ”
“ ฉันแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว ดังนั้นก็เลยเอาแก้วน้ำให้เขาแล้วฉันก็รีบวิ่งออกมา และเขาก็วิ่งตามออกมา ฉันก็เลยบอกไปว่าฉันยังทำการบ้านไม่เสร็จ ”
“ เขามีแฟนแล้ว ฮือฮือ แล้วในอนาคตข้างหน้าพวกเขาจะแต่งงานกันไหมนะ ? แล้วฉันจะทำยังไงดี ?”
“ ฉันแอบร้องไห้อยู่ตรงมุมสักพัก จากนั้นพี่สีเย็นก็มาเห็นเข้า เขาหัวเราะเยาะฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจเขา พอเขาเห็นว่าฉันโกรธจริงๆก็เลยซื้อไอศกรีมโคนหนึ่งแท่งให้กับฉัน แต่ฉันไม่ได้อยากจะได้ไอศกรีมโคน ฉันก็แค่อยากให้พี่ชิงเจ๋อมาอยู่ข้างฉัน ”
เมื่อหยานชิงเจ๋ออ่านแล้ว ก็เหมือนกับว่ามีภาพปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเขา
ในภาพนั้นมีเด็กหญิงอายุ 13 ปี นั่งยองๆคนเดียวอยู่ตรงมุม กินไอศกรีมโคนไปพร้อมกับร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ทันใดนั้นเขาก็คิดอยากจะข้ามเข้าไปในภาพนั้น เพื่อพูดปลอบเธอว่า : “ เสี่ยวจิ่น ฉันไม่เคยไม่ต้องการเธอนะ ฉันจะไม่หาแฟนอีกแล้ว และฉันขอเพียงแค่มีเธอก็พอ ”
เขาจ้องมองไปที่หน้าจออยู่พัก ก่อนที่จะค่อยๆเลื่อนลงไปอ่านต่อ
เขาอ่านไดอารี่นับพันหน้า เขาอ่านไปทีละหน้าทีละหน้า โดยที่ไม่พลาดแม้แต่คำเดียว
ไดอารี่นับพันหน้า ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดนั้นถูกซ้อนเอาไว้ในไฟล์ข้อมูลนี้ ที่บอกถึงความรักอันเงียบงันของเธอและความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้น
เบ้าตาของเขาแดงขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว
ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าทำไมเธอสอบไม่ติดมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นที่สอบไม่ติดมหาวิทยาลัยในประเทศและไปต่างประเทศ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอสอบไม่ติด แต่เป็นเพราะว่าในตอนนั้นเขาและสือมูเฉินกำลังยุ่งอยู่กับบริษัทเทคโนโลยีรายย่อยในต่างประเทศก็เลยทำให้ไม่สามารถกลับมาได้ ดังนั้นเธอก็เลยสอบเพื่อไปหาเขา
เธอไปในเมืองที่ที่เขาอยู่ แล้วก็มักจะเรียกเขาออกมาหา และมันไม่ใช่เพราะว่าเธอลืมพกเงิน หรือเป็นเพราะว่าทำกุญแจหล่นหายที่ไหน แต่มันเป็นเพียงแค่เหตุผลที่อ้างขึ้นเพื่อที่จะได้มาหาเขาเท่านั้น
ในช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมา เธอคอยมองผู้หญิงข้างกายของเขาที่เปลี่ยนไปทีละคน โดยตั้งแต่แรกเริ่มเธอก็แอบร้องไห้ทุกวัน พอมาในช่วงหลังเธอก็บอกกับตัวเองว่าจนชินซะ ถึงอย่างไรพวกนั้นก็เป็นเพียงแค่ของเล่นที่เขาเคยเล่นในแต่ละบ้าน
พอหยานชิงเจ๋อลองมองย้อนกลับไป อันที่จริงคนที่เขาเคยเรียกว่าแฟนในเมื่อก่อน มันก็เป็นเพียงแค่การเรียนรู้และพูดคุยกัน และในบางครั้งก็ช่วยให้ไปจองที่นั่งในห้องสมุดก็เท่านั้น
และด้วยความจำที่ดีเลิศของเขา พอตอนนี้ลองมองย้อนกลับไป เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะจำรูปร่างหน้าตาและชื่อของพวกเค้าไม่ได้
“ แต่ทว่า จนกระทั่งถึงวันนั้น ฉันก็ได้ยินชื่อที่เอ่ยมาจากปากของเขาว่า——เจียงซีหยู่ ”
ซูสือจิ่นเขียนไว้ว่า : “ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลางสังหรณ์ของผู้หญิงหรือเปล่า แต่พอได้ยินเขาพูดถึงชื่อของเค้าบ่อยๆ จู่ๆฉันก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย กลัวว่าเขาจะไม่ใส่ใจในตัวฉันอีก ”
“ ผลสุดท้าย ลางสังหรณ์ของเธอก็เป็นจริง วันนี้ เป็นวันที่ฉันกลับมาในประเทศ พี่เฉินและพวกเขาก็ได้เลี้ยงต้อนรับฉัน พวกเราได้จัดงานเลี้ยงที่บ้านของพี่เฉิน พี่สีเย็นจงใจที่จะสร้างความวุ่นวายให้กับพี่ชิงเจ๋อด้วยการวิดีโอคอลหาเขา ”
“ เพลงที่ฉันร้องในตอนนั้น เป็นเพลงที่ฉันร้องให้กับเขา ในที่สุดฉันก็มีโอกาสที่จะแสดงความรักอันลึกซึ้งที่ซ่อนไว้ในใจของฉันออกมาด้วยวิธีที่นุ่มนวลแบบนี้ ”
“ แต่ทว่า ฉันกลับได้ยินเขาพูดว่าเขามีแฟนแล้วและเขาก็จริงจังด้วย ”
“ ในขณะนั้น ฉันรู้สึกว่าฟ้าจะถล่มแผ่นดินกำลังจะทลาย ”
เมื่อหยานชิงเจ๋ออ่านเจอสิ่งนี้ จู่ๆเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
จำได้ว่า ในตอนนั้นเขากำลังหลับและอยู่ในฝัน แต่ก็ถูกฟู่สีเกอนั้นทำให้ตื่น จากนั้นฟู่สีเกอก็หันกล้องไปยังซูสือจิ่น ดังนั้นเขาก็เลยได้ยินเธอร้องเพลง
ในตอนนั้นเขายังคิดเลยว่าทำไมเธอถึงได้ร้องเพลงนั้นด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งขนาดนั้น โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย‘ การตกหลุมรักเธอก็เหมือนกับตกหลุมรักความอ้างว่าง ’ เขาคิดว่าเธอกำลังร้องเพลงนั้นให้เขา ซึ่งมันทำให้เขาประหม่าเล็กน้อยในตอนนั้น
พอมาดูในตอนนี้ เธอในตอนนั้นร้องเพลงให้กับเขาไม่ใช่หรอ ? แต่ทว่าเขากลับไม่รู้ตัว
วันเวลาเก่าๆเหมือนมันจะเข้ามาใกล้ทีละนิด
ความรู้สึกที่หยานชิงเจ๋ออ่านไดอารี่นี้ก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นมากเรื่อยๆ
จนกระทั่ง เขาอ่านมาถึงวันรุ่งขึ้นหลังจากที่แต่งงานกันแล้ว เนื้อหาที่ซูสือจิ่นเขียนลงไปนั้นคือ
“ ฉันแต่งงานกับเขาแล้ว ”
เธอเขียนว่า : “ คืนก่อนหน้านั้น ฉันคิดว่าหลังจากนี้อาจจะไม่สามารถสารภาพความรู้สึกที่มีให้เขาก่อนหน้าได้อีก แต่ทว่าก็มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว และเขาก็เกลียดฉันไปแล้ว ”
“ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าหากว่ามันสามารถย้อนกลับไปได้ ฉันยังจะไปที่ห้องของเขาอยู่อีกหรือเปล่า แต่ทว่าพอได้รับใบทะเบียนสมรสมา ฉันก็รู้สึกมีความสุข ถึงแม้ว่าพอออกไปแล้วเขาจะโยนมันทิ้งก็ตาม แต่ถึงอย่างไรในทะเบียนสมรสก็มีชื่อของพวกเราทั้งสองคน และมันทำให้ได้รับความความคุ้มครองจากกฎหมาย แค่นี้ฉันก็รู้สึกมีความสุขแล้ว ”
“ นี่เป็นความสัมพันธ์ที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อน และเป็นความสัมพันธ์ที่ฉันอยากมีในฝันด้วย ”
“ ฉันรักเขา ฉันมีความสุขมากที่ได้เป็นภรรยาของเขา ”