ตอนที่ 339 ละครฉากเล็กของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 339 ละครฉากเล็กของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู

ที่นำเรื่องสมุดมรณะออกมาตอนนี้ เพียงเพื่อให้ทุกคนในออฟฟิศทำความคุ้นเคยล่วงหน้า ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นงานในอนาคตของทุกคน

และในตอนนี้ เรื่องหลักที่ทุกคนในออฟฟิศต้องให้ความสำคัญก็คือการ์ตูนที่มีอยู่ในตอนนี้

ไม่มีใครหย่อนงานเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ เพียงเพราะผลงานชิ้นใหม่ของอิ่งจือ

และหลังจากนั้น เรี่ยวแรงทั้งหมดของทุกคนล้วนทุ่มเทไปยังการเตรียมตอนสุดท้ายของเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ หลินเยวียนเองก็ไม่อู้งานอย่างที่พบเห็นได้น้อยครั้งเหลือเกิน เขาวาดภาพอยู่ในออฟฟิศทุกวัน

แน่นอน

ก่อนที่จะทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดกับตอนจบของจิตวิญญาณสือจี่ หลินเยวียนยังเลือกนิยายเรื่องหนึ่งออกมาเขียน

นิยายเรื่องนี้มีชื่อว่า ‘เรื่องลึกลับที่สไตล์ส’

ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมหนังสือเรื่องนี้ไม่ต้องปรับแก้ ที่จริงหลินเยวียนให้ความสำคัญกับการหลีกเลี่ยงชื่อรูปแบบตะวันตก แต่เมื่อหลินเยวียนเข้าใจวัฒนธรรมของบลูสตาร์มากขึ้น ถึงค่อยๆ ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ไม่มีความจำเป็น

ใช้คำว่า ‘สไตล์ส’ ได้ไม่มีปัญหา

บนโลกนี้ มีนามสกุลหลากหลายรูปแบบ หลายคนมีชื่อแซ่เหมือนกับชาวต่างชาติในโลกเดิม นับประสาอะไรกับชื่อที่ปรากฏในนิยาย

ชื่อในนิยายยังใช้ตัวอักษรอย่าง ‘ซาง[1]’ ด้วยซ้ำไป

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้เลินเล่อจนใช้ตัวอักษรอย่าง ‘หวัง[2]’

ดังนั้นเมื่อหลินเยวียนเขียนชื่อตัวละครในนิยาย ก็เริ่มตามใจตัวเองขึ้นมาบ้าง

แต่แน่นอนว่าเขาคงไม่ใช้ชื่ออย่าง ‘นิโคไล อะเลคเซเยวิช ออร์ตรอฟสกี[3]’

อีกทั้งบลูสตาร์ไม่มีธรรมเนียมการเขียนชื่อยาวเหยียดและมีหลายเว้นวรรคเช่นนี้

ชื่อที่ยาวที่สุดของคนบลูสตาร์ เห็นจะมีแค่ห้าตัวอักษร หากมีมากกว่านี้อาจทำให้ผู้อ่านชาวบลูสตาร์สูญเสียอรรถรสได้

สรุปแล้ว นี่ก็คือเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องปรับแก้เรื่องลึกลับที่สไตล์ส

นี่เป็นเรื่องแรกของหนังสือชุด ‘รหัสคดีของปัวโรต์’ ขณะเดียวกันชีวิตอันเป็นตำนานของนักสืบผู้ยิ่งใหญ่อย่างปัวโรต์ ก็เริ่มต้นจากการปรากฏตัวครั้งแรกของเขาในเรื่องนี้เอง!

ฟังดูแล้วก็คล้ายกับเรื่อง ‘แรงพยาบาท’ ของโคนัน ดอยล์ วัตสันพบกับโฮล์มส์ในคดีนี้เช่นกัน

และอาเธอร์ เฮสติงส์ผู้ช่วยของปัวโรต์ก็พบกับปัวโรต์เป็นครั้งแรกในเรื่องลึกลับที่สไตล์ส

นอกจากนั้น เฮสติงส์และวัตสันก็เคยได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้มาเช่นกัน เพราะกลับมารักษาตัว จึงได้รู้จักกับเพื่อนนักสืบ

ทุกคนต่างรู้ว่าโฮล์มส์ปรากฏตัวก่อน

เพราะฉะนั้นโลกภายนอกจึงคิดว่าอกาธา คริสตีหยิบยืมความสัมพันธ์ของโฮล์มส์และวัตสันมาสร้างเป็นปัวโรต์และเฮสติงส์

ความจริงไม่สำคัญ

เพราะบนบลูสตาร์ไม่ว่าจะเป็นปัวโรต์หรือโฮล์มส์ก็ล้วนเป็นตัวละครของฉู่ขวง

หลังจากที่จัดการนิยายเรื่องนี้เสร็จ หลินเยวียนก็ส่งต่อไปยังคลังหนังสือซิลเวอร์บลูเพื่อตีพิมพ์

หลังจากนี้อีกนาน เขาจะสามารถปล่อยเรื่องราวของนักสืบปัวโรต์ได้อย่างต่อเนื่อง ในเมื่อได้รับ รหัสคดีของปัวโรต์มาแล้ว เขาย่อมอยากสร้างนิยายสืบสวนสอบสวนชุดของปัวโรต์ด้วยตนเอง!

คลังหนังสือซิลเวอร์บลู

เมื่ออ่านเรื่องลึกลับที่สไตล์สจบแล้ว และได้รับข่าวว่าฉู่ขวงกำลังจะสร้างนิยายสืบสวนสอบสวนชุดของปัวโรต์อย่างเป็นทางการ แผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนก็ฮือฮากันขึ้นมาทันที!

เฉาเต๋อจื้อหัวหน้าบรรณาธิการยิ่งดีใจจนแทบหายใจไม่ทัน!

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าขาใหญ่นี้ของฉู่ขวงถูกเขากอดไว้แน่นแล้ว!

“ฉันชอบปัวโรต์มาก!”

“อาจารย์ฉู่ขวงจะสร้างนิยายชุดของปัวโรต์ หมายความว่าพวกเราจะได้อ่านเรื่องราวของปัวโรต์มากกว่านี้”

“นี่เหมือนกับเป็นแนวทางใหม่ในการเขียนนิยายสืบสวนสอบสวน ตัวละครตายตัวกับคดีที่เปลี่ยนไปสามารถขจัดความไม่คุ้นเคยของผู้อ่านได้ ทุกคนจะรู้สึกเป็นมิตรเมื่อเห็นชื่อนักสืบ”

“เห็นด้วย ฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ทำให้หลายคนรู้จักปัวโรต์”

“เพราะทุกคนเริ่มรู้จักปัวโรต์แล้ว พออ่านฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสก็มีปัวโรต์ออกโรงอีก ทำให้อินกับเรื่องได้เร็วมาก เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเข้าใจที่ทุกคนมีต่อวิธีการสืบคดีของปัวโรต์”

“ไม่รู้ว่าอาจารย์ฉู่ขวงจะเขียนกี่เรื่อง”

“เรื่องราวของปัวโรต์จะต้องสนุกขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน คงต้องรอดูว่าอาจารย์ฉู่ขวงจะเบื่อเขียนปัวโรต์เมื่อไหร่ ค่อยเตรียมปลดระวาง ถึงยังไงพวกเราก็รู้ว่าปัวโรต์คิดจะปลดระวางตั้งแต่ฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์แล้ว เพียงแต่ยังทำไม่สำเร็จก็แค่นั้น”

“…”

แผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนหารือกันอย่างกระตือรือร้น และในขณะเดียวกันเรื่องลึกลับที่สไตล์สก็เข้าสู่ขั้นตอนการตีพิมพ์และเผยแพร่

อีกด้านหนึ่ง

บรรยากาศของแผนกแฟนตาซีกลับเงียบเหงา

หัวหน้าบรรณาธิการอย่างเหล่าสยงมีสีหน้าเศร้าหมองราวกับจะร้องไห้

พวกเขาได้ข่าวเรื่องที่ฉู่ขวงกำลังจะสร้างนิยายชุดของปัวโรต์แล้ว

ฉู่ขวงถึงกับลงหลักปักฐานที่แผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนแล้ว ทั้งที่เห็นชัดๆ ว่าแผนกแฟนตาซีของพวกเขามาก่อน พวกเขาทั้งเซ็นสัญญา ทั้งเพิ่มค่าตอบแทน หรือแม้แต่สนับสนุนเมื่อฉู่ขวงเปลี่ยนประเภทของผลงาน…

ตอนที่ฉู่ขวงเขียนนิยายสืบสวนสอบสวน หลายคนในแผนกคิดว่าฉู่ขวงเพียงแค่ลองหยั่งเชิง

อย่างไรเสียฉู่ขวงก็เขียนนิยายแนวแฟนตาซีมาตั้งหลายเรื่อง หนำซ้ำยังชอบสับเปลี่ยนแนว ราวกับว่าต้องการสัมผัสนิยายทุกแนวให้ได้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หากเขานึกอยากลองเขียนนิยายสืบสวนสอบสวน ย่อมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

แต่ไม่มีใครคาดคิดว่านิยายสืบสวนสอบสวนของฉู่ขวงจะได้รับความนิยมมากเช่นนี้!

และยิ่งไม่มีใครคาดคิดว่า ฉู่ขวงจะถึงกับเสพติดการเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนไปแล้ว ในอนาคตวางแผนจะเขียนนิยายสืบสวนสวนสอบสวนต่อไป และทำนิยายชุดของนักสืบที่ชื่อ ‘ปัวโรต์’ ด้วย

เพราะฉะนั้น จิตใจของคนกลุ่มนี้จึงแตกสลาย

ต้องเข้าใจว่า ฉู่ขวงคือนักเขียนตัวทำผลงานของแผนก!

พลังในการดึงดูดผู้อ่านของเขา ยอดขายของเขา และชื่อเสียงของเขาล้วนแล้วแต่น่าสะพรึงกลัว แผนกแฟนตาซีไม่อยากปล่อยฉู่ขวงไปเลยสักนิด!

ตอนนี้ไม่ว่าฉู่ขวงจะเดินไปยังแผนกใด ก็ล้วนเป็นที่ต้อนรับของแผนกนั้น!

ใช้ประโยคที่แผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนชอบพูดกันก็คือ

ขาใหญ่ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เป็นขาใหญ่!

สถานการณ์ของแผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนคือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุด!

ก่อนที่ฉู่ขวงจะมายังแผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวน พวกเขาห่อเหี่ยวไร้ชีวิตชีวิตชีวากันสุดๆ

ในการประชุมบริษัททุกครั้ง เฉาเต๋อจื้อมักจะถูกบรรณาธิการบริหารตำหนิ

ในฐานะแผนกที่ผลงานประจำปีรั้งท้าย บรรณาธิการในแผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนมักรู้สึกละอายใจเมื่อทำงานในบริษัท

ปัจจุบันนี้ฉู่ขวงมาแล้ว ผลงานของแผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวน ก็พลันดีขึ้นถนัดตา!

ไม่ใช่อะไร

ก็แค่ฉู่ขวงคนเดียวหล่อเลี้ยงแผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนทั้งแผนก!

เรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ซึ่งเขาตีพิมพ์เป็นเรื่องแรกทำยอดขายได้ไม่เลว

ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงยอดขายของเรื่องฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสที่เพิ่งวางแผงไป ผ่านไปหนึ่งเดือนยอดขายไม่ได้ตกลงมากนัก เพราะยังคงมีผู้คนจำนวนมากหาซื้อกันอย่างต่อเนื่อง!

บวกกับเรื่องลึกลับที่สไตล์สที่เขาเขียน อีกประเดี๋ยวก็จะวางขายแล้ว

แผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนได้ลืมตาอ้าปากกับเขาบ้างแล้ว!

เฉาเต๋อจื้อซึ่งเมื่อก่อนใครคิดจะหยอกล้อก็ทำได้ บัดนี้ได้เงยหน้าขึ้นมาบ้างแล้ว

ในการประชุมหัวหน้าบรรณาธิการของบริษัทเมื่อก่อน เขาเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดจา นึกอยากหายตัวไปให้รู้แล้วรู้รอด ได้แต่พยักหน้าตอบ ‘ครับๆ’ ตอนนี้เขาแสดงความคิดเห็นบ่อยขึ้น ปล่อยหมัดหนักขึ้น ด้วยกลัวว่าคนอื่นจะไม่ทันสังเกตเห็นการมีตัวตนของเขา

‘ผม เต๋อจื้อ หัวหน้าบ.ก.ของฉู่ขวง!’

แน่นอนว่าเฉาเต๋อจื้อไม่ได้พูดออกไปตรงๆ เช่นนั้น ทว่าการกระทำและคำพูดของเขาแฝงความหมายในแนวทางเดียวกัน

เมื่อเทียบกันแล้ว แผนกแฟนตาซีเปรียบเหมือนแฟนเก่าซึ่งถูกฉู่ขวงทิ้ง แววตายามมองดูแผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนนั้นเต็มไปด้วยความขื่นขมระคนริษยา

ที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ ‘แฟนเก่า’ คนนี้ยังคงรักฉู่ขวงสุดหัวใจ…

หลายคนในบริษัทกลัวว่าแผนกแฟนตาซีและแผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนจะทะเลาะกันเพราะแย่งฉู่ขวง

นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ที่น่ากลัวยิ่งกว่า

ถ้าหากแผนกแฟนตาซีและแผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนนับเป็นแฟนเก่าและแฟนคนปัจจุบันของฉู่ขวง เช่นนั้นแผนกอื่นๆ คงจะเป็นชู้รักที่ภาวนาให้ฉู่ขวงเลิกรากับแผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนเร็วๆ เพราะแผนกอื่นๆ ก็ปรารถนาในตัวฉู่ขวง และอยากเข้าไปแทนที่แฟนของเขาจนตัวสั่น!

แน่นอน

นี่เป็นเพียงละครฉากเล็กที่เกิดขึ้นภายในคลังหนังสือซิลเวอร์บลู

ทว่าภายนอก

หลังจากที่เรื่องลึกลับที่สไตล์สเปิดตัวออกไป คลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็ประกาศข่าวออกไปอย่างเป็นทางการว่าฉู่ขวงกำลังจะสร้างนิยายชุดของปัวโรต์ และเรื่องราวในครั้งนี้ จะเป็นเส้นเวลาแรกเริ่มของนิยายชุดของปัวโรต์

นั่นพลอยให้ผู้อ่านครึกครื้นกันขึ้นมาทันที

………………………………………………………….

[1] ซาง (殇) หมายถึง เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก หรือผู้ซึ่งเสียชีวิตในสงคราม บางครั้งก็หมายถึงความเศร้าโศกและเจ็บปวด

[2] หวัง (亡) หมายถึงความตาย

[3] นิโคไล อะเลคเซเยวิช ออร์ตรอฟสกี (Nikolai Alexeevich Ostrovsky) นักเขียนแนวสัจนิยมสังคมนิยมชาวโซเวียตเชื้อสายยูเครน เป็นที่รู้จักจากนวนิยายเรื่อง ‘วีรชนบนเส้นทางปฏิวัติ (How the Steel Was Tempered)’