บทที่ 355 สอบผ่าน

บทที่ 355 สอบผ่าน

การใช้ชีวิตในประเทศจีนสำหรับซูโย่วอี๋นั้นเรียบง่ายมาก เธอไม่ได้กังวลเรื่องผลของการสอบประเมินเลยแม้แต่น้อย หน้าที่ในทุก ๆ วันก็คือคอยอยู่กับซุ่ยซุ่ย ส่งไปโรงเรียน กินข้าว และเข้านอน

ส่วนในเวลาว่าง เธอก็มักจะเรียนทำอาหารกับเสิ่นเฉียว เยี่ยมชมร้านของซูหยินที่กำลังจะเปิดตัว โดยไม่ได้สนใจโทรศัพท์ที่ใช้ในต่างประเทศเลยว่าแบตเตอรี่หมดไปแล้ว

ในตอนเย็น ซูโย่วอี๋ไปรดน้ำต้นไม้ที่สนามหญ้า จู่ ๆ ก็มีเสียงแจ้งเตือนจากในระบบดังขึ้น

[ยินดีกับซู่จู่ที่สอบผ่านการประเมินของฮิลเบิร์ตได้ และได้รับสูตรยาแบบสุ่มเป็นรางวัล โปรดไปที่พื้นที่รายการส่วนตัวเพื่อตรวจสอบ]

ผ่านแล้ว!

ซูโย่วอี๋เข้าไปในระบบอย่างมีความสุข “เจ้าจิ้งจอกเน่า การประกาศผลการประเมินควรจะเป็นวันมะรืนสิ ทำไมถึงได้ประกาศก่อนล่วงหน้าล่ะ?”

ผลการประเมินจะถูกเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยฮิลเบิร์ต ไม่มีทางประกาศก่อนล่วงหน้าแน่

สุนัขจิ้งจอกยักไหล่ [ระบบไม่มีทางผิดพลาด ยินดีกับคุณด้วยนะ]

ซูโย่วอี๋คลิกไปยังพื้นที่รายการ ด้านในมีกระดาษท์สีเหลืองที่ถูกม้วนเอาไว้เพิ่มขึ้นมา ด้านบนเขียนเอาไว้ว่า [ยารักษากระเพาะเร่งด่วน]

ที่แท้ก็เป็นยานี้นี่เอง!

ก่อนหน้านี้ที่คุณปู่ลู่มีอาการป่วยด้านกระเพาะอย่างรุนแรง ซูโย่วอี๋ก็เคยแลกเปลี่ยนเม็ดยาตัวนี้ และผลลัพธ์ของมันก็ดีมาก

นอกจากโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารทั้งหมดก็บรรเทาและรักษาให้หายขาดได้

ซูโย่วอี๋กดคลิกไปที่ [ยารักษากระเพาะเร่งด่วน] กระดาษค่อย ๆ คลี่ออก เผยให้เห็นเม็ดยา ส่วนประกอบของยาตัวนี้มีมากกว่ายี่สิบชนิด ปริมาณของส่วนประกอบในยาแต่ละชนิดมีจำนวนกรัมที่แม่นยำเขียนอยู่

เพียงแต่ซูโย่วอี๋ไม่เข้าใจในเรื่องของเภสัชกรรมจึงไม่ค่อยรู้เรื่องของส่วนผสม

แต่จู่ ๆ เสียงของสุนัขจิ้งจอกดังขึ้น [ในนี้มีสมุนไพรที่มีค่ามาก ตามคุณค่าที่พวกมนุษย์คิด ราคาของยาตัวนี้อย่างต่ำ ๆ ก็คือ 50,000 หยวนต่อหนึ่งเม็ด]

ตามสูตรการรักษาก็คือต้องกินวันละหนึ่งเม็ดเป็นเวลาครึ่งเดือน หรือประมาณ 750,000 หยวน

ซูโย่วอี๋ตกใจ “แพงขนาดนั้นเลย…”

สุนัขจิ้งจอกขมวดคิ้ว [ขอโทษทีนะ นี่เป็นแค่ราคาขั้นต่ำ ถ้าพูดตามในแง่ของการขาดแคลนยา หากบริษัทผลิตยาใจดำจะขายเม็ดละแสนหยวนก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป]

สายตาของซูโย่วอี๋ที่ใช้มองยานั้นเปลี่ยนไป “งั้นถ้าเอาสูตรยานี้ไปขายล่ะ?”

[คุณโง่หรือเปล่า?]

สุนัขจิ้งจอกกลอกตาไปมา [การยื่นปลากับการยื่นเบ็ดมันเหมือนกันเหรอ? ถ้าในมือมีคันเบ็ด คุณก็หาเงินได้ไม่รู้จักจบ แต่ถ้าให้ปลาก็ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว นี่แหละธุรกิจ]

[ถ้าอยากขายจริง ๆ ทางที่ดีก็ควรเลือกองค์กรที่มีศักยภาพและใช้สูตรยาเป็นเดิมพัน]

[คุณลองคิดดูนะ หลายปีมานี้คุณได้ถือหุ้นของตระกูลฮัน ได้เงินปันผลปีละเท่าไหร่]

ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าคำพูดของสุนัขจิ้งจอกนั้นมีเหตุผล “อืม ฉันในตอนนี้จะหาเงินได้หรือไม่ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากมาย”

เธอม้วนกระดาษในมือ “เพียงแต่มูลค่าของสูตรยานี้มันสูงมาก แม้ว่ายาที่ถูกผลิตออกมานั้นจะมีราคาแพงมาก แต่ก็ช่วยชีวิตคนได้”

สุนัขจิ้งจอก [คุณสนใจทำธุรกิจเหรอ?]

ซูโย่วอี๋พยักหน้า “ก็ทำนองนั้น นายยังจำตระกูลเจมส์ได้ไหม?”

[พวกเขาน่ะ มีความสามารถขนาดนั้น ไม่น่าจะสนใจยาตัวนี้หรอก]

หลังจากพูดจบ ดวงตาของสุนัขจิ้งจอกก็มองไปยังเธอ [คุณนี่ไม่ยอมให้ผลประโยชน์ไปถึงคนภายนอกเลยนะ]

ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็มักจะคิดถึงลู่เฉินก่อนเสมอ

ซูโย่วอี๋กลับไปยังห้องของตัวเองและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเตรียมโทรหาซิด เพราะอยากติดต่อตระกูลเจมส์ผ่านทางซิด

กดโทรศัพท์ไปสองครั้งก็ไม่มีการตอบสนองใด ๆ จึงพึ่งรู้ว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์หมดแล้ว

ซูโย่วอี๋หาสายชาร์จมาชาร์จ พอดีกับที่เสิ่นเฉียวเรียกให้เธอลงไปลองชิมอาหาร ซูโย่วอี๋ที่รู้สึกว่าเรื่องการขายยานั้นไม่ใช่เรื่องเร่งรีบ จึงลงไปชั้นล่างก่อน

โทรศัพท์ที่ถูกชาร์จแบตอาไว้บนโต๊ะหัวเตียงเปิดเครื่องขึ้นเอง สายที่ไม่ได้รับปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ทั้งหมดมีถึง 38 สาย!

อีกด้านหนึ่ง แมดดิสันและซิดมาถึงสนามบินปักกิ่งแล้ว แมดดิสันขมวดคิ้ว “ยังไม่รับสายอีกเหรอ?”

แมดดิสันเริ่มคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ ไม่รู้ว่าซูโย่วอี๋ป่วยจนเข้าโรงพยาบาลหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงติดต่อไม่ได้นานขนาดนี้ ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

ซิดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรหาซูโย่วอี๋ แต่ก็ยังคงไม่มีคนรับสาย

“อธิการบดี ก่อนมานี่ผมได้ติดต่อกับคนในสำนักงานเอาไว้แล้ว พวกเขารออยู่ที่ด้านนอกสนามบินครับ”

แมดดิสันพยักหน้า “ไปพบพวกเขาก่อนจะได้เข้าใจสถานการณ์”

ผู้อำนวยการเหอแห่งสำนักงานฮิลเบิร์ตในประเทศจีนรู้ว่าแมดดิสันจะมา จึงรีบลุกจากเตียงนอนด้วยความเร่งรีบ และนำไวน์เข้าไปซ่อนไว้ในตู้

รีบให้คนทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกสำนักงานจนเสร็จภายในชั่วข้ามคืน หลังจากนั้นก็แต่งตัวไปรับพวกเขาที่สนามบิน

เพื่อแสดงความเคารพ พนักงานที่อายุน้อยที่สุดเพียงคนเดียวของสำนักงานก็ตามมาด้วย

เขาจัดเสื้อผ้าของตัวเอง “ผู้อำนวยการเหอ ทำไมอธิการบดีแมดดิสันถึงมาที่นี่? เขาได้บอกหรือเปล่าว่ามีเรื่องอะไร?”

ผู้อำนวยการเหอมองไปยังประตูทางออกราวกับกำลังเผชิญหน้าอยู่กับศัตรู “ไม่ได้บอก ลองดูไปก่อนแล้วกัน”

หลายปีมานี้ผู้อำนวยการเหอยุ่งมาก เพราะต้องคัดเลือกผู้มีความสามารถด้านดนตรีที่โดดเด่น ทำให้การพัฒนาศักยภาพในด้านการทำงานนั้นหย่อนยานลงไปมาก จึงเข้าใจได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาเพื่อเลื่อนตำแหน่งให้เขาแน่ ๆ

แต่มีเรื่องอะไรกัน เขาเองก็เดาไม่ถูก

ชายหนุ่มตะโกนขึ้นเบา ๆ “มาแล้ว”

ชาวต่างชาติสองคนปรากฏขึ้นที่หน้าประตูทางออก คนหนึ่งมาพร้อมกับเคราสีขาวท่าทางสดชื่นร่าเริง อีกคนหนึ่งร่างสูงโปร่งดูสง่างาม

ผู้อำนวยการเหอรีบเข้าไปต้อนรับและเรียกชายชราอย่างคุ้นเคย “อธิการบดีแมดดิสัน”

แมดดิสันกำลังคิดทบทวนในหัว จนนึกชื่อคนตรงหน้าออก “คุณคือเหอจี๋?”

“ใช่ครับ ผมเอง”

แมดดิสันอยากจะรีบไปหาซูโย่วอี๋โดยไว จึงไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว “พวกคุณรู้จักฮันโย่วอี๋มากน้อยแค่ไหน?”

ฮันโย่วอี๋?

ผู้อำนวยการเหอและชายหนุ่มมองหน้ากันด้วยสายตาอันว่างเปล่า

ซิดจึงอธิบาย “จริง ๆ เธอชื่อซูโย่วอี๋ ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นฮันโย่วอี๋ เธอคือลูกสาวคนสุดท้องของฮันกรุ๊ปครับ”

ผู้อำนวยการเหอยังคงไม่มีความทรงจำใด ๆ เกี่ยวกับเธอ แต่ชายหนุ่มรู้จักชื่อของซูโย่วอี๋และมีความประทับใจอยู่เล็กน้อย

“เมื่อสามปีก่อนเธอเคยมาที่สำนักงานของพวกเรา”

ดวงตาของแมดดิสันเบิกกว้าง “พูดรายละเอียดมาสิ”

“สามปีก่อน ซูโย่วอี๋มาที่สำนักงานของเราพร้อมกับจดหมายแนะนำจากจงลี่ เธอเตรียมเข้าร่วมการสอบเข้าเรียนในปีที่สอง…”

ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกแมดดิสันขัดจังหวะเอาไว้ด้วยความตกใจ “คุณจะบอกว่าเมื่อสามปีก่อนเธอมาสอบที่ฮิลเบิร์ตงั้นเหรอ?”

ชายหนุ่มพยักหน้า “น่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ”

“แต่หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น สำนักงานตัดสิทธิ์เธอออกเพราะเหตุผลด้านคุณสมบัติ”

ใบหน้าของแมดดิสันดูขุ่นมัว ระดับเสียงของเขาสูงขึ้น “ตัดสิทธิ์?”

คนที่มีความสามารถอย่างซูโย่วอี๋ถูกตัดสิทธิ์ในด้านคุณสมบัติ!

ความผิดแบบไหนกันที่หนักถึงขั้นต้องตัดสิทธิ์ด้านคุณสมบัติ?

แมดดิสันโกรธมาก เขาจ้องไปยังผู้อำนวยการเหออย่างไม่พอใจ “คนที่ตัดสินใจเรื่องการตัดสิทธิ์ด้านคุณสมบัติคือคุณใช่ไหม ไหนพูดมาสิ”

ผู้อำนวยการเหอสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก จึงทำได้เพียงพยายามพูดต่อ “ดูเหมือนว่าซูโย่วอี๋จะเข้าไปเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของคนอื่น”

ดวงตาของซิดเปล่งประกายขึ้น เขายืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร ตั้งแต่ที่รู้ว่าซูโย่วอี๋มีลูก เขาก็มองเธอเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมาโดยตลอด ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่ใช่แบบนั้นแล้ว?

ความไม่พอใจของแมดดิสันสะสมมานานระเบิดออก “เหอจี๋ คุณเองก็ถือว่าเป็นศิษย์เก่า น่าจะรู้ดีว่าการตัดสิทธิ์ด้านคุณสมบัตินั้นเป็นเรื่องใหญ่มากแค่ไหน และคุณจะต้องรายงานให้นักศึกษาทราบก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ใครให้คุณทำอะไรเองตามใจแบบนี้?”

“ตัดสินใจไปแล้ว แล้วทำไมถึงไม่ทำรายงาน?”

“เรื่องเข้าไปเป็นมือที่สาม คุณตรวจสอบดีแล้วหรือยัง? หลักฐานล่ะ?”

ผู้อำนวยการเหอถูกต่อว่าจนพูดไม่ออก

ชายหนุ่มค่อนข้องไม่พอใจกับทัศนคติในเชิงลบและการตัดสินใจเดิมของผู้อำนวยการเหอ นอกจากนี้ ในภายหลังเขาก็ได้ศึกษาเรื่องราวของซูโย่วอี๋อย่างละเอียด แต่เรื่องราวก็ยังไม่ชัดเจน

“อธิการบดี ผมมีอะไรอยากจะพูดสักหน่อย”

“ซูโย่วอี๋ไม่ได้เข้าไปเป็นมือที่สาม เธอถูกนอกใจระหว่างการสมรสจากการสนับสนุนของแม่สามีต่างหาก ทำให้สามีเก่าขอหย่ากับเธอ หลังจากหย่าร้างกัน เมียน้อยก็ยังไม่ยอมและพูดถึงซูโย่วอี๋ว่าเธอเข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์ของคนอื่น คนในอินเทอร์เน็ตที่ไม่รู้ความจริงจึงถูกชักนำกันไป”

แมดดิสันมองผู้อำนวยการเหอด้วยสายตาเย็นชา “ทำงานเหลวไหล มาตรฐานทางศีลธรรมไม่สอดคล้องกับสถานะทางสังคม เหอจี๋ หลังจากการเดินออกจากประเทศจีนครั้งนี้ ผมจะเรียกประชุมสภาของวิทยาลัยเพื่อลงโทษคุณสำหรับความผิดพลาดนี้ คุณเตรียมตัวเอาไว้ได้เลย”

เป็นเวลาสามปีเต็ม คน ๆ หนึ่งจะมีเวลาได้มากแค่ไหนกัน สำหรับคนที่มีพรสวรรค์อย่างซูโย่วอี๋ แค่เพียงเดือนเดียวก็ก้าวหน้าไปได้มากแล้ว

แต่เพราะเหอจี๋ที่เข้ามาทำให้มันล่าช้าไปถึงสามปีเต็ม!

แมดดิสันถึงกับคิดอยากจะฆ่าเขาเสียด้วยซ้ำ

เขามองไปยังชายหนุ่มที่ตามมาด้วย “คุณรู้ใช่ไหมว่าบ้านของซูโย่วอี๋อยู่ไหน พาพวกเราไปเยี่ยมเธอหน่อย”

ชายหนุ่มกำลังจะส่ายหน้า เขาจะไปรู้ได้อย่างไร

แต่เสียงโทรศัพท์ของซิดก็ดังขึ้น ซูโย่วอี๋โทรมา

เขารับสายโทรศัพท์ “โย่วอี๋”

น้ำเสียงของซูโย่วอี๋เต็มไปด้วยความงุนงง “[คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?]”

ทำไมถึงได้โทรศัพท์มาตั้งหลายสายขนาดนี้

“[อืม คุณสอบผ่านการประเมินแล้วนะ ผมกับแมดดิสันอยู่ที่สนามบิน อยากจะมาหาคุณ สะดวกหรือเปล่า?]”

อธิการบดีมาด้วยตัวเองเลยเหรอ?

ซูโย่วอี๋ไม่กล้าปฏิเสธ “[ฉันไปรับพวกคุณเองค่ะ]”

ซิดปฏิเสธ “คุณส่งที่อยู่มาดีกว่าครับ เดี๋ยวพวกเราจะไปเอง”

หลังวางสายไป ซิดได้รับที่อยู่ของเธอจากในโทรศัพท์ “อธิการบดี ตอนนี้ซูโย่วอี๋รอพวกเราอยู่ที่บ้าน”

ความโกรธของแมดดิสันลดลงไปเล็กน้อย “ไปกันเถอะ”

ผู้อำนวยการเหอและชายหนุ่มมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะตามไปด้วยไหม ซิดหยุดฝีเท้าลงและตะโกนขึ้น “พวกคุณตามพวกเรามาด้วย”

ชายหนุ่มก้าวออกไป ส่วนผู้อำนวยการเหอถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังพร้อมกับความยุ่งเหยิง

หมดกัน

ระหว่างทาง ซิดพูดถึงซูโย่วอี๋ไม่หยุด “ฟังที่คุณพูดเมื่อกี้นี้ ลูกของเธอเป็นลูกของสามีเก่างั้นเหรอ? เธอหย่าแล้วเอาลูกมาเลี้ยงตัวคนเดียวแบบนั้นใช่ไหม?”

เรียกได้ว่าชายหนุ่มเองก็อยู่ในวงการเรื่องอื้อฉาวของวงการบันเทิงมานาน “ไม่ใช่ครับ ตอนที่หย่ากับสามีเก่าเธอยังไม่มีลูก แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าเธอแต่งงานใหม่เลยนะ”

“หะ? คุณจะบอกว่าเธอมีลูกแล้ว?”

“คุณหนูตระกูลฮันมีลูกแล้ว?”

ซิดมองไปยังอีกฝ่าย “พวกคุณไม่รู้งั้นเหรอ?”

“ไม่รู้ครับ คนทั้งประเทศจีนไม่มีใครรู้เลยว่าเธอมีลูกแล้ว”

“สวรรค์ นี่มันคือข่าวใหญ่เลยนะ”

ชายหนุ่มแอบตื่นเต้น แต่สายตาอันเย็นชาของซิดทำให้เขาสงบลง “คุณวางใจได้เลย ผมไม่เอาไปพูดต่อแน่นอนครับ”