ตอนที่ 366 อลิซในแดนมหัศจรรย์

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 366 อลิซในแดนมหัศจรรย์

ตอนที่ 366 อลิซในแดนมหัศจรรย์

แม้แต่หัวหน้าสวี่ฉางที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าเล็ก ๆ ยังรู้สึกถึงบรรยากาศที่ร้อนแรงและการทำงานอย่างหนักของเถาหยาง

ถังฮวนและลูกสาวของเธอไปที่อาคารเถาหลี่เพื่อเข้าร่วมการประชุม พวกเธอต้องตื่นเร็วกว่าปกติหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้อาหารเป็ดอาหารไก่อย่างเช่นทุกวัน

ในช่วงเวลานี้ สวี่ฉางมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับเถาหยาง

เรื่องของความแข็งแกร่งเขาไม่มีข้อคิดเห็นอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ของซูเถา มันไม่มีอะไรผิดปกติ แม้ว่าผู้คนจากหน่วยงานการก่อสร้างฉางจิงจะมา พวกเขาก็ไม่สามารถพูดขัดอะไรได้

ที่เถาหยางขาดอย่างเดียวคือกองกำลังติดอาวุธหรือกองกำลังป้องกันตนเอง

เท่าที่เขารู้ ที่เถาหยางมีแผนกรักษาความปลอดภัยเพียงแผนกเดียว แต่แค่นี้มันยังไม่เพียงพอ แต่หากรวมพลได้ ก็สามารถยื่นเรื่องก่อตั้งเป็นชุมชนได้

สวี่ฉางตัดสินใจกลับไปฉางจิงในครั้งนี้เพื่อยื่นขอคุณสมบัติให้เถาหยางก่อตั้งเป็นชุมชน

ด้วยสถานะของสถานที่แห่งนี้ ควรได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ และไม่เพียงแต่จะได้รับการสนับสนุนทุกอย่างอย่างเต็มที่ เช่น การถ่ายโอนความสามารถ การแบ่งปันผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และเงินอุดหนุนสำหรับอาวุธและเสบียง

แต่ยังมีพันธมิตรให้พึ่งพาและหลบภัยได้เช่นกัน เช่นเดียวกับหลังจากอุบัติเหตุของเหอคัง ฉางจิงจะส่งกองกำลังไปช่วยเหลือทันทีเมื่อเขาได้รับข่าว

นอกจากนี้หากฐานอื่น ๆ ต้องการปล้นหรือยักยอกเงินเถาหยาง ฉางจิงก็จะดำเนินการเพื่อหยุดฐานเหล่านี้ และเตือนฐานที่ก่อปัญหาว่าหากพวกเขาก่ออาชญากรรมอีกครั้ง พวกเขาจะถูกปราบปรามด้วยกำลังพล

แน่นอนว่าสถานที่ชุมชน องค์กร หรือฐานแต่ละระดับนั้น ฉางจิงให้ความสนใจที่แตกต่างกัน การสนับสนุนและความช่วยเหลือก็แตกต่างเช่นกัน

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมกองกำลังทางเหนือและทางใต้พยายามอย่างมากที่จะเอาใจเขาซึ่งเป็นแค่หัวหน้าตัวเล็ก ๆ

สวี่ฉางไปพบซูเถาและบอกว่าเขากำลังจะกลับไปที่ฉางจิง

ซูเถาตกตะลึงไปครู่หนึ่งและถามออกไปทันที “แล้วอลิซล่ะคะ”

แม้ว่าเธอรู้อยู่ในใจว่าอลิซจะต้องกลับไปบ้านที่ฉางจิงพร้อมกับหัวหน้าสวี่อย่างแน่นอน แต่เธอก็เกิดความรู้สึกลังเลเล็กน้อย

สาวน้อยที่สวยงามและน่ารักคนนี้ เมื่อเธอจากเถาหยางไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบเธออีกครั้ง

สวี่ฉางรู้สึกถึงการสูญเสียของเธอและลูบหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู

“ในอนาคต ผมจะพาเหอเหอกลับมาที่เถาหยางบ่อย ๆ หรือเมื่อคุณว่าง ก็มาที่ฉางจิงเพื่อเที่ยวเล่นได้นะ ผมจะต้อนรับคุณเอง”

“ไว้ฉันสะสางเรื่องทางนี้เสร็จฉันจะไปเที่ยวที่ฉางจิงนะคะ” ซูเถาพยักหน้า

“อีกสองวันข้างหน้า ผมจะออกไปเตรียมใบสมัครของเถาหยางเพื่อยื่นขอก่อตั้งเป็นชุมชนด้วยนะ”

ซูเถาผงะและพูดอย่างตรงไปตรงมา “เถาหยางยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนด เราก่อตั้งมาไม่ถึงปี และข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับชุมชนคือต้องมีประวัติการก่อตั้งหนึ่งปี…”

“เรื่องระยะเวลาไม่ใช่ปัญหาหรอก ฐานอื่น ๆ กว่าจะรอให้ครบเงื่อนไขทุกข้อก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปี อีกอย่างตอนนี้ผมก็ยังพอมีอำนาจอยู่บ้าง การที่ผมยื่นเรื่องแนะนำเถาหยางไป ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหา” สวี่ฉางหัวเราะ

ซูเถาประหลาดใจมากจนเธอไม่รู้จะตอบอะไร

แต่หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ครู่หนึ่ง เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า

“หัวหน้าสวี่อย่าให้อภิสิทธิ์ฉันเพราะอลิซ ไม่สิ เหอเหอเลยค่ะ ฉันรับเหอเหอเข้ามาตอนนั้น ฉันไม่ได้มีเจตนาใด ๆ และไม่ต้องการอะไรตอบแทน ฉันไม่อยากรบกวนคุณ และนำเรื่องที่ไม่ดีมาให้คุณ ก็แค่อีกครึ่งปี เถาหยางอดทนได้ค่ะ”

สวี่ฉางตกใจ

เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะถูกปฏิเสธในครั้งแรกที่ช่วยใครสักคนบราวนี่ออนไลน์

มีผู้คนมากมายที่ต้องการเข้าทางลัด และหวังให้เขาเปิดประตูทางลัดนั้นให้ แต่มีเพียงซูเถาเท่านั้นที่เห็นแก่ชื่อเสียงและอนาคตของเขา

เขาเองก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“คุณช่างไร้เดียงสาจริง ๆ แต่เรื่องนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผมหรอก ผมไม่ได้จงใจดูแลเถาหยางเพราะเหอเหอ แต่เป็นเพราะเถาหยางแข็งแกร่งพอ ไม่เช่นนั้นผมจะไม่แนะนำให้ฉางจิงรู้จักสถานที่แห่งนี้”

ซูเถาเกาหัวด้วยความเขินอาย เธอรู้สึกเกรงใจเขา

แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่มีผิวหน้าบางขนาดนั้น ความลำบากใจที่เกิดขึ้นได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเธอได้เอ่ยปากขอว่าเมื่อกลับไปที่ฉางจิง รบกวนหัวหน้าสวี่ช่วยเธอหาเครื่องมือวิจัยทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ เพราะเถาหยางต้องการซื้อมัน

หัวหน้าสวี่จึงตกลงอย่างง่ายดาย

และสองวันต่อมา เธอก็จัดงานเลี้ยงส่งให้หัวหน้าสวี่กับอลิซแต่มีบางอย่างผิดพลาดขึ้น

อลิซสวมกระโปรงตัวเล็ก ๆ และมัดหางม้าสวยงาม เธอยิ้มและโบกมือลาหัวหน้าสวี่

“เหอเหอ กลับบ้านกับพ่อนะลูก จับมือพ่อสิ เด็กดี” หัวหน้าสวี่พยายามสื่อสารกับลูกสาว

อลิซไม่เข้าใจ เธอเอาแต่โบกมือเหมือนทุกเช้าเมื่อสี่ปีที่แล้ว ที่เธอเฝ้าดูพ่อของเธอไปทำงาน และเธอก็รอพ่อกลับมาที่บ้านอย่างเชื่อฟัง

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้พ่อถึงไม่ไปทำงานและยังจับมือเธอไว้

หัวหน้าสวี่ไร้ความปรานีและอุ้มเธอขึ้นไปบนรถ แต่ในขณะนั้นเองอลิซก็กรีดร้อง โดยโบกมือและเท้าของเธอขึ้นในอากาศ

เธอไม่อยากออกไปไหน เธอกลัวโลกภายนอก ข้างนอกเต็มไปด้วยคนไม่ดีไปหมด

เธอกรีดร้องและร้องไห้ออกมาอย่างหนัก จากนั้นก็เริ่มเสียการควบคุม พยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของสวี่ฉาง มือไม้ของเธอโบกปัดไปทั่วและเริ่มข่วนไปตามเนื้อของผู้เป็นพ่อ

ในขณะนั้นผู้คนและวัตถุที่อยู่ใกล้เธอ ก็ขยายใหญ่ขึ้นในเวลาอันสั้น

ถังขยะ ไฟข้างถนน ก้อนหินและต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดดูเหมือนจะขยายออกและ ค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

ซูเถาก็ไม่รอด เธอเฝ้าดูอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่ศีรษะของเธอและจวงหว่านอยู่ข้าง ๆ เธอก็ขยายออกเช่นเดียวกัน

แม้แต่วัตถุบางอย่างเช่นบ้านที่อยู่ไกลออกไปก็เริ่มดูเหมือนโมเสก

ฉากนี้ทั้งน่ากลัวและแปลกประหลาด มันดูเหมือนอยู่ในภาพลวงตา

เมื่อรู้ว่าอาการป่วยของลูกสาวกำเริบ สวี่ฉางจึงรีบวิ่งตามเธอไปและกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแน่น และเริ่มเพลงกล่อมเด็ก

เขาร้องเพลงไม่เก่ง น้ำเสียงทุ้มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของชายผู้นี้ทำให้เพลงกล่อมเด็กไม่นุ่มนวลนัก แต่น่าประหลาดใจ เมื่อเสียงร้องเพลงค่อย ๆ คลอไปในอากาศ เสียงกรีดร้องของอลิซก็หยุดลง และวัตถุรอบ ๆ ที่ขยายใหญ่ขึ้นก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว

ซูเถาแตะศีรษะที่ขนาดกลับมาเป็นปกติ และถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

ทุกคนไม่กล้าพูดอะไร พวกเขาหยุดนิ่งอยู่กับที่และมองไปที่สวี่ฉางและลูกสาว

เนื่องจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดนี้ สวี่ฉางไม่สามารถจากไปได้เลยในวันนั้น ดังนั้นเขาจึงต้องอยู่ต่อเพื่อปลอบโยนลูกสาวของเขาชั่วคราว

หลังจากซูเถาประชุมกับวิศวกรของตงหยางเสร็จ ในตอนกลางคืนเธอก็ไปหาหัวหน้าสวี่ก่อนกลับบ้าน

“อาสวี่ ตอนนี้เหอเหอเป็นยังไงบ้างคะ”

“ผมเพิ่งกล่อมเธอหลับไป” หัวหน้าสวี่ถอนหายใจ

เขาโบกมือให้ซูเถา และทั้งสองก็ลงไปชั้นล่างและนั่งลงบนม้านั่งข้างถนน

สวี่ฉางพูดช้า ๆ

“แม้ว่าเหอเหอจะมีความบกพร่องทางจิตใจในตอนเด็ก แต่เธอก็ไม่ได้กรีดร้องและสร้างความวุ่นวายเหมือนตอนนี้ เธอล้มป่วยอยู่หนึ่งปี และมาพบภายหลังว่าเป็นอาการป่วยทางจิต ที่มีชื่อเรียกว่า อลิซในแดนมหัศจรรย์ซินโดรม”

ดวงตาของซูเถาเบิกกว้าง โรคนี้คืออะไร?

มีชื่อโรคแบบนี้ด้วยเหรอ?

หัวหน้าสวี่ดูเจ็บปวดเล็กน้อย

“โรคนี้จะส่งผลกระทบต่อการรับรู้ทางสายตาของเธออย่างรุนแรง คุณหมอบอกว่าเมื่อเธอจับจ้องวัตถุบางอย่างเป็นเวลานาน วัตถุนั้นจะเปลี่ยนรูปและขยายใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงอย่างกะทันหัน และบางครั้งดวงตาของเธอ จะเห็นเป็นภาพกระเบื้องโมเสก มันเป็นอาการมองเห็นภาพที่ปรากฏตรงหน้าผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง”

“ต่อมา หลังจากเธอตื่นขึ้นมันก็พัฒนาเป็นพลังเหนือธรรมชาติที่ประหลาด ความสามารถดังกล่าวเปลี่ยนภาพหลอนทางจิตของเธอให้กลายเป็นความจริง…”