บทที่ 184 ช่วยบุตรสาวคนโต

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

“ไอ้หยา นั่นพอที่ไหน? ทางอำเภอเอ่ยปากทีก็จะให้ส่งไปพันจิน แล้วที่ตำบลยังมีคนรอซื้ออีก!” เถ้าแก่โจวผิดหวัง

“หรือเอาเช่นนี้ ท่านกลับไปก่อน พวกเราจะเร่งเผาถ่านตั้งแต่บ่ายวันนี้ อย่างช้าที่สุดวันมะรืนจะให้พวกเขาส่งไปให้ท่านอีกรอบหนึ่ง เป็นอย่างไร?” โจวกุ้ยหลานหารือกับเถ้าแก่โจว

“ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าต้องทำมากหน่อยนะ ดูท่าหิมะจะตกแล้ว ถึงตอนนั้นถ่านนี่จะขายหมดเร็วกว่าเดิม!” เถ้าแก่โจวโล่งอก พลันกำชับกับพวกเขา

โจวกุ้ยหลานย่อมดีใจที่ทำการค้านี้ได้ดี อีกอย่าง นี่เป็นหนทางร่ำรวยของสามบ้านเชียวนะ

สนทนากับเถ้าแก่โจวสองประโยค เถ้าแก่โจวก็จะกลับ พวกเขารั้งอยู่นาน แต่อีกฝ่ายรีบร้อนจะไป บอกว่าที่ร้านไม่มีคนดู

เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ โจวกุ้ยหลานก็ไม่รั้งอีก เรียกโจวต้าไห่ออกมาขนถ่านเหล่านั้นขึ้นรถม้า นัดว่าคิดบัญชีรวบยอดที่ตำบล เถ้าแก่โจวเร่งขี่รถม้าไป

เมื่อกลับเข้าบ้าน พวกเขาก็ปรึกษาหารือยกหนึ่ง โจวกุ้ยหลานตัดสินใจทันที “ต่อไปคนที่ต้องเผาถ่านก็ไปเผาถ่าน รวบรวมได้มากหน่อยก็ดี ถึงตอนนี้พวกเราใช้เองก็ได้ ส่วนเรื่องสร้างบ้าน ข้าจัดการเองก็พอ”

“นั่นจะได้อย่างไร? สร้างบ้านเป็นเรื่องใหญ่ จะให้เจ้าที่เป็นผู้หญิงจัดการคนเดียวได้อย่างไร? อย่างไรก็ต้องมีผู้ชายช่วยเจ้าสักคน! ไม่อย่างนั้นก็ให้ต้าไห่ช่วยเจ้าสร้างบ้านใหม่ ให้เอ้อร์เฉียง ซานเฉียงกับลุงใหญ่เจ้าไปช่วยสวีฉางหลิเผาถ่าน” เหล่าไท่ไท่ปฏิเสธ

ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านที่ให้ผู้หญิงดูแลเรื่องการสร้างบ้านคนเดียว มีนางที่เป็นผู้หญิงคนเดียว จะข่มคนพวกนั้นได้อย่างไร?

“ไม่ได้ ถ้าพี่ข้าไม่ไปเผาถ่าน อย่างนั้นเขาก็จะไม่ได้ส่วนแบ่งจากการเผาถ่านแล้ว” โจวกุ้ยหลานก็บอกปัดเช่นกัน

ครั้นกล่าวเช่นนั้น ดวงตาเหล่าไท่ไท่ก็เบิกกว้าง

ไม่ได้ อย่างนั้นในบ้านก็จะไม่มีเงิน หนี้ต้าไห่ก็ยังไม่ได้จ่าย! ต่อไปยังต้องแต่งเมียมีลูกอีก!

“ไม่ได้ๆ เรื่องหาเงินเลี้ยงตัวนี่อย่างไรก็ต้องพาพี่เจ้าไปด้วย!”

หลิวเซียงที่อยู่ด้านข้างก้มหน้าก้มตากินข้าว ในใจมีคลื่นซัดโหมบ้าคลั่ง

ตระกูลโจวอยู่อย่างสมถะเรียบง่าย แต่กลับหาเงินได้มากเพียงนี้! ถ้าหลายคนไปเผาถ่าน ไม่รู้ว่าจะได้เงินเท่าไรสิน่า! เยี่ยมยอดไปเลย!

แต่ตอนนี้นางก็ตระหนักเหมือนกัน การที่พวกเขาหารือเรื่องนี้ต่อหน้านาง ก็คือเห็นนางเป็นคนกันเองแล้ว เมื่อนั้นจึงเกิดความตื้นตันอีก

“ก็นั่นนะสิ เรื่องสร้างบ้านมีข้าอยู่! อีกอย่างยังมีอาเกินช่วยพวกเราด้วย มีเรื่องอะไรยังมิใช่เขาช่วยเสริมให้หรือ? ลองดูก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ ค่อยให้พี่กลับมาช่วยข้า” โจวกุ้ยหลานเอ่ย จากนั้นก็พุ้ยข้าวกิน

เรื่องการขายถ่านนี้นางแบ่งเงินชัดเจน ทำงานต้องมีเหตุมีผล ถ้าพี่ต้าไห่ไม่ไปช่วยเผาถ่าน เช่นนั้นก็ย่อมไม่ได้เงินส่วนแบ่ง อันดับแรกต้องคำนึกถึงจุดยืนของสวีฉางหลิน ถัดมาก็คือความรู้สึกของโจวต้าซาน แม้พวกเขาบอกว่าไม่ได้คิดอะไร แต่นั่นก็คุมตัวก่อปัญหาสองสามตัวที่บ้านนั่นไม่ได้

เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้ว อย่างไรก็คิดว่าบุตรสาวตัวเองแบบนี้ไม่ดี แต่ก็ไม่อยากให้รายได้ดำรงชีพหลุดลอย ดังนั้นจึงได้แต่กัดฟันลองดูก่อน

มีเพียงบุตรสาวคนโตของนาง…

เหล่าไท่ไท่มักมีปมในใจ อยากให้บุตรสาวคนโตของตัวเองมีชีวิตความเป็นอยู่ดีด้วย หลิวเซียงอยู่บ้านนางยังได้กินข้าวขาวได้เลย แต่บุตรสาวคนโตของตัวเองแม้แต่โจ๊กถั่วรวมก็ยังกินไม่อิ่ม คิดแล้วก็ปวดใจนัก

หลังจากปรึกษาหารือและกินข้าวเสร็จ สวีฉางหลินก็หยิบอุปกรณ์ออกไปกับโจวต้าไห่ สมควรไปเรียกคนแล้ว หลิวเซียงกำลังเก็บถ้วยชาม เหล่าไท่ไท่ลากโจวกุ้ยหลานไปห้องของตัวเอง เจ้าก้อนน้อยก็ตามมารดาตนไปด้วย แต่เล่นเองอยู่ข้างๆ

“ข้าอยากไปบ้านพี่สาวใหญ่เจ้าสักหน่อย แต่ก็ปลีกตัวไปไม่ได้สักที ไม่รู้ว่านางเป็นอย่างไรบ้างแล้ว คราวก่อนนางกลับมาตอนที่เจ้าแต่งงาน ให้ไข่ไก่สิบฟอง นั่นมิใช่บ้านแม่ผัวดูถูกนางหรืออย่างไร? แล้วดูท่าทางนางสิ ผอมแห้งจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว!”

เหล่าไท่ไท่เอ่ย ขมวดคิ้วมุ่น

อย่างไรก็เป็นเลือดในอกของนาง นางจะให้บุตรสาวตัวเองถูกคนย่ำยีอย่างนี้ได้อย่างไร

“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร ปกติก็แค่ต้มน้ำร้อน หลิวเซียงช่วยข้าได้ ไม่อย่างนั้นท่านก็ไปดูหญิงใหญ่เถอะ” โจวกุ้ยหลานมองออกว่าเหล่าไท่ไท่อาลัยหาพี่สาวของนางจริงๆ ดังนั้นจึงปลอบ

ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องสร้างบ้านใหม่ของนาง เหล่าไท่ไท่คงไปเยี่ยมพี่สาวใหญ่นานแล้ว

“เจ้ายังเด็ก มีหลายเรื่องเกี่ยวกับการสร้างบ้านที่เจ้าไม่รู้ ข้าไม่อยู่ไม่วางใจ” เหล่าไท่ไท่ตบมือโจวกุ้ยหลานเอ่ย

โจวกุ้ยหลานก็รู้ความกังวลของนาง พลันยิ้มเอ่ย “ท่านแม่ สร้างบ้านนี่ยังอีกหลายเดือนกว่าจะเสร็จ หรือว่าท่านจะไม่ไปเยี่ยมพี่สาวใหญ่เลย? ตอนนี้บ้านเรากินดีๆ ได้แล้ว ไม่มีเหตุผลให้พี่สาวใหญ่ข้าท้องหิวกระมัง?”

นี่ก็คือจุดที่เหล่าไท่ไท่เป็นกังวล “อย่างนั้นเจ้าก็ตัดสินใจให้ข้า!”

“ตัดสินใจเรื่องอะไร? ท่านก็ไปสิ ข้าให้ท่านลุงใหญ่อยู่กับข้าสองสามวัน รอท่านกลับมาแล้วค่อยให้ท่านลุงใหญ่ไปเผาถ่านก็ได้ อย่างมากก็ให้ค่าแรงเขาวันละยี่สิบอีแปะเหมือนกับอาเกิน ท่านลุงใหญ่เอ็นดูข้าขนาดนี้ ต้องรับปากข้าแน่”

ถ้อยคำนี้พูดแทงใจดำเหล่าไท่ไท่ โจวต้าซานก็ดูแลครอบครัวนาง ตอนนี้มิใช่แก้ปัญหานี้แล้วหรือ?

“อย่างนั้นก็ได้ พรุ่งนี้เช้าข้าจะแบกธันยพืชไปเยี่ยมพี่สาวใหญ่เจ้าหน่อย” เหล่าไท่ไท่สบายใจ น้ำเสียงในการพูดผ่อนคลายลง

เมื่อทั้งสองหารือกันเสร็จก็ทำงานยามบ่ายต่อ

แต่ขณะที่ทุกคนกำลังทำงานอย่างขมีขมัน พี่สาวใหญ่โจวคายจือก็กลับมาเสียก่อน ทั้งยังมาหาถึงบนเขาด้วย

นี่เป็นครั้งแรกที่โจวกุ้ยหลานได้พบกับพี่สาวคนโตของตัวเอง นางผอมจนจะกลายเป็นมนุษย์กระดาษแล้ว

เหล่าไท่ไท่ดีใจ พานางกลับบ้านทันที ส่วนโจวกุ้ยหลานกับหลิวเซียงอยู่ทำงานต่อ

กระทั่งกลับบ้านไปกินข้าวเย็น ถึงพบว่าเหล่าไท่ไท่ถึงกับมือเติบทำหมูตุ๋นกะละมังใหญ่ นึ่งข้าวขาวยังไม่ว่า ยังตุ๋นซุปกระดูกอีก

เห็นอาหารนี้แล้ว ดวงตาโจวกุ้ยหลานแทบจะเปล่งแสงแห่งดวงดาวออกมา หยอกล้อเหล่าไท่ไท่ “ท่านแม่ ท่านก็มีวันมือเติบเหมือนกันนี่นะ”

“ไปๆๆ เพ้อเจ้ออะไร!” เหล่าไท่ไท่ไล่โจวกุ้ยหลาน ตักซุปให้โจวคายจือดื่มเต็มๆ ถ้วยหนึ่ง โจวคายจือรีบสายหน้าไม่รับ

ครั้นเหล่าไท่ไท่เลิกคิ้ว โจวคายจือจึงยอมจำนวน รับซุปกระดูกมาดื่ม

โจวกุ้ยหลานทางนี้ก็ไม่เกรงใจ หยิบถ้วยใบเล็กตักให้เจ้าก้อนน้อยดื่มเองหนึ่งถ้วย

“พี่ ดีที่พี่กลับมานะ ไม่อย่างนั้นท่านแม่ยังหวงของกินพวกนี้เอาไว้ ข้าอยากกินของอร่อยหน่อยนางก็ไม่ยอมทุกที!” โจวกุ้ยหลานฉวยโอกาส “ระบายทุกข์” กับพี่สาวตน

“นี่ นี่ก็กินดีมากแล้ว” โจวคายจือรีบตอบ