บทที่ 338 ยังมีความหวังอยู่

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 338 ยังมีความหวังอยู่

ส้งหวั่นหวั่นได้ยินแบบนี้แน่นอนว่าก็ต้องโมโห สะบัดมือของ Anthony ออก แล้วเขยิบไปนั่งข้างๆ

Anthony ก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะล้มเหลว ต้องรู้ว่านักฆ่าที่ตัวเองส่งไปไม่เคยล้มเลยมาก่อนเลยสักครั้ง

“หวั่นหวั่น?” Anthony หยั่งเชิงเรียกส้งหวั่นหวั่น

“คุณอย่ามาเรียกฉัน” ส้งหวั่นหวั่นโมโหมากจริงๆ

Anthony บอกกับเธอเองแท้ๆว่าไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด แต่แล้วผลลัพธ์ล่ะ นักฆ่าก็ตายกันหมด

“หวั่นหวั่นคนดีของผม” Anthony เขยิบเข้าไปนั่งใกล้ส้งหวั่นหวั่น “ที่นักฆ่าตายไม่แน่อาจจะเป็นเสียสละชีวิตในหน้าที่ก็ได้นะ?” ส้งหวั่นหวั่นไม่พูด

“และอีกอย่าง นักฆ่าตายแล้วก็ไม่เป็นไร ขอแค่เจียงหยุนเอ๋อตายก็พอ ไม่แน่นักฆ่าอาจจะฆ่าเธอแล้วก็ได้ คุณต้องรู้ว่าในสถานที่แบบนั้น เจียงหยุนเอ๋อสองแม่ลูกยังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเหรอ?” Anthony เก่งเรื่องโอ๋ผู้หญิงมาก แค่พูดเรื่องที่พวกเธอต้องการก็ได้แล้ว

ส้งหวั่นหวั่นคิดในใจว่าที่ Anthony พูดก็ไม่ผิด ใครจะไปรู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อตายแล้วหรือยัง ตราบใดที่ไม่เจอเธอ ก็ยังมีความหวังอยู่

Anthonyหันตัวของส้งหวั่นหวั่นมาทางตัวเอง “หวั่นหวั่น? อย่าโกรธแล้วได้ไหมครับ? คุณดูซิคุณโกรธจนมีรอยย่นบนหน้าแล้วเนี่ย”

ส้งหวั่นหวั่นมอง Anthony ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

Anthony กลับพูดหยอกล้อว่า “เอาน่า มีรอยย่นก็ไม่เป็นไร ให้ผมจุ๊บหนึ่งทีก็ไม่มีรอยย่นแล้ว”

Anthony พูดเสร็จก็เข้าไปใกล้หน้าส้งหวั่นหวั่นเพื่อจะจุ๊บหนึ่งที แต่ส้งหวั่นหวั่นเอนไปด้านหลังหวังจะหลบออก

Anthony โอบส้งหวั่นหวั่นกลับมา “เอาน่า อย่าหลบแล้วเลย ครั้งนี้ไม่สำเร็จแล้วยังไง? ผม Anthony มีความสามารถขนาดนี้ มีโอกาสไปฆ่าพวกเจียงหยุนเอ๋อได้อีกเยอะ ครั้งแรกไม่สำเร็จก็ยังมีครั้งที่สอง ครั้งต่อไปผมจะไม่ให้คุณผิดหวังแน่นอน”

ส้งหวั่นหวั่นเองก็เป็นผู้หญิงฉลาด Anthony โอ๋ตัวเองได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว ถ้าเขาพูดถึงขนาดนี้แล้วแต่ตัวเองก็ยังไม่ไว้หน้า Anthony อีกล่ะก็ งั้นก็คือโง่จริงๆแล้ว

“ค่ะ” ส้งหวั่นหวั่นก็ไม่เหมาะที่จะแสดงแบบตามใจเกินไป ก็เลยแสร้งทำเป็นยังโกรธอยู่ ตอบกลับด้วยเสียงเรียบเฉย

Anthony เห็นว่าส้งหวั่นหวั่นไม่โกรธแล้วก็ “จุ๊บ” หน้าของส้งหวั่นหวั่นหนึ่งที

ทั้งสองกลับไปเล่นด้วยกันต่อ

ลี่จุนถิงไม่มาบริษัทหลายวันโดยที่ไร้ซึ่งเหตุผล ถึงแม้จะมีซู่จี้งยี้ดูแลอยู่ แต่ก็ยังทำไม่ดีเท่าเขามาทำเองอยู่ดี

และตระกูลลี่ก็ติดตามดูอยู่ตลอดเวลา จึงรู้ดีเรื่องที่ลี่จุนถิงไม่ได้มาบริษัท

“จุนถิงกลับมาแล้วยัง?” นี่คือคำถามที่ท่านปู่ลี่ต้องถามทุกวัน

ลี่เจี้ยนหวาส่ายหน้า “ยังครับ”

ท่านปู่ลี่พลันเคาะไม้เท้าลงพื้นหนึ่งที “หลายวันแล้วยังไม่กลับมาอีก? ทิ้งบริษัทไว้ที่นี่ไม่สนใจ? แค่ผู้หญิงคนเดียวสำคัญขนาดนี้เลยหรือไง?”

สำหรับคนประเภทแบบท่านปู่ลี่ที่มีความคิดโบราณ ผลประโยชน์สำคัญกว่าผู้หญิงเสมอ สำหรับพวกเขาแล้วผู้หญิงก็มีความสำคัญแค่เฉพาะการสมรสทางธุรกิจก็เท่านั้น จึงไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของลี่จุนถิงได้

“ผมจะให้คนไปหาครับ” ลี่เจี้ยนหวาก้มหน้าลง ท่านปู่ลี่พูดแบบนี้ก็เพราะว่าตัวเขาไม่ได้อบรมสั่งสอนลูกชายให้ดีเหมือนกัน

ท่านปู่ลี่แค่นเสียงเยาะเย้ย “เหอะ? แกไปหา? ถ้าเขาไม่อยากให้แกหาเจอ แกจะหาเจอเหรอ?”

ลี่เจี้ยนหวาถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

“ช่างเถอะ แกไม่ต้องไปหาแล้ว เขาจะกลับมาก็จะกลับมาเอง ฉันแก่แล้ว พูดไปก็ไม่มีใครฟังแล้ว” ท่านปู่ลี่พูดพลางก็ลุกขึ้นจะขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบน

และในเวลานี้เอง พ่อบ้านก็เข้ามา

“ท่านปู่ลี่ คุณลี่ มีผู้ช่วยมาบอกว่าหาคุณชายลี่เจอแล้วครับ”

ท่านปู่ลี่หันหน้ากลับมา คนอื่นๆของตระกูลลี่ก็พลันตื่นเต้นขึ้นมาด้วย “อยู่ไหน?”

“บอกว่าอยู่บนเครื่องบินครับ”

ลี่เจี้ยนหวาส่งคนไปตามตั้งแต่วันที่ลี่จุนถิงจากไปวันนั้นแล้ว แต่ลี่จุนถิงจะให้ลี่เจี้ยนหวารู้ความเคลื่อนไหวของตัวเองง่ายๆได้อย่างไร แน่นอนว่าก็ต้องสะบัดคนของลี่เจี้ยนหวาออกแล้ว

ถึงแม้จะหาไม่เจอแล้ว แต่คนที่ลี่เจี้ยนหวาส่งไปก็ยังตามหาอย่างยากลำบากต่อ

มีผลลัพธ์แล้วก็ย่อมดีใจ

ในใจของท่านปู่ลี่ก็ดีใจเช่นกัน แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นโมโห “ยังรู้จักกลับมา? ให้มันกลับมาพบฉัน”

“ครับ” ลี่เจี้ยนหวาพยักหน้า

“ไม่สิ ถ้าพูดแบบนี้มันต้องไม่มาแน่ๆ ให้จุนซินไปรับมันแล้วพามันกลับมา” ท่านปู่ลี่พูดจบก็ขึ้นไปข้างบนเลย

ลี่จุนซินที่อยู่ข้างๆก็ได้แต่จนใจ ตัวเองต้องถูกเรียกไปใช้งานตลอด ก็ไม่รู้ว่าวันแบบนี้เมื่อไหร่จะจบซะที

แต่คำพูดของท่านปู่ลี่ ลี่จุนซินจะไม่ฟังได้อย่างไร ก็ต้องขับรถไปอยู่ดี

เจียงหยุนเอ๋อลงจากเครื่อง ได้กลิ่นบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอารมณ์ก็ดีขึ้นมา

ช่วงเวลาที่อยู่แอฟริกาช่างลำบากยากเย็นเสียจริงๆ แต่พอคิดว่าชีวิตตัวเองก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้ ก็รู้สึกไม่เลวเหมือนกัน

ลี่จุนถิงมือข้างหนึ่งจูงถวนจื่อ มือข้างหนึ่งจูงเจียงหยุนเอ๋อ ในที่สุดก็สบายใจได้ซะที

เพิ่งออกมาจากประตูทางออกของสนามบินก็เห็นลี่จุนซินยืนรอข้างๆรถแล้ว

“พี่” ลี่จุนถิงเรียกหนึ่งที คิดไม่ถึงว่าลี่จุนซินจะรู้เร็วขนาดนี้ ตัวเองเพิ่งลงมาจากเครื่องก็มารับตัวเองแล้ว

เจียงหยุนเอ๋อก็เรียกพี่ตามด้วย ถวนจื่อก็เรียกคุณป้าด้วยเสียงอ่อนหวาน

เห็นถวนจื่อที่ไม่ได้เจอนานขนาดนี้ ลี่จุนซินก็คิดถึง นั่งยองๆหยิกแก้มของถวนจื่อสองสามที

“นายน่ะ ก็ยังรู้จักกลับมานะ” ลี่จุนซินถอนหายใจอย่างจนใจ “ฉันวันนี้ไม่ใช่ตั้งใจมารับนายนะ”

“อืม” ลี่จุนถิงก็รู้ว่าด้วยนิสัยของพี่สาวตัวเองแล้ว ไม่ค่อยเป็นไปได้ว่าจะตั้งใจว่าสนามบินเพื่อตัวเอง เธอเองก็ยังมีงานที่ต้องจัดการอีกเยอะ ไม่มีทางว่างขนาดนี้อยู่แล้ว

“นายก็ยังใจเย็นได้เนอะ พี่สาวนายกลุ้มแทนนายจะตายอยู่แล้ว วันนี้ไม่ใช่พี่อยากมาเอง คือปู่ให้พี่พานายกลับไปอธิบายว่าทำไมนายอยู่ๆถึงหายตัวไปอีกแล้ว แถมยังหายไปแบบเงียบๆอีก” ลี่จุนซินเห็นลี่จุนถิงทำสีหน้าไม่สนใจก็คิดว่าลี่จุนถิงไม่อยากกลับไป

“แล้วอีกอย่าง นายบอกว่าถวนจื่อคือลูกแท้ๆของนาย? จริงหรือเปล่า?” ลี่จุนซินได้ยินข่าวนี้ก็ตกใจอยู่เหมือนกัน หรือว่าไปๆมาๆ พ่อแท้ๆของถวนจื่อก็คือน้องชายของตัวเองงั้นเหรอ?

แต่ก็คิดว่าลี่จุนถิงไม่น่าจะโกหก ต่อให้จะโกหก ก็ไม่มีทางเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น

“ใช่”

“ก็ได้” สิ่งที่ลี่จุนถิงพูด ลี่จุนซินก็จะเชื่อ “พี่เชื่อ แต่คุณปู่ไม่คิดแบบนี้แน่ นายกลับไปอธิบายกับคุณปู่จะดีกว่า”

“พอได้แล้วพี่ พี่ยิ่งอยู่ยิ่งชอบพูดจุกจิกแล้วนะ ผมรู้แล้วน่า” ลี่จุนถิงพูดขึ้นอย่างรำคาญ

เขาก็รู้ว่าลี่จุนซินก็คือคนที่ตระกูลลี่ส่งมาพูดเกลี้ยกล่อม

คำต่อมาที่ลี่จุนซินกำลังจะพูดก็ติดอยู่ในคอพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว อะไร? ตัวเองก็ทำเพื่อเขา เขากลับรำคาญเธอเนี่ยนะ?

ก็ได้ จะไม่คิดอะไรมากแล้ว หุบปากดีกว่า