บทที่ 343 ตราบใดที่คนถูกฆ่า เขาก็จะตาย

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 343 : ตราบใดที่คนถูกฆ่า เขาก็จะตาย
บทที่ 343 : ตราบใดที่คนถูกฆ่า เขาก็จะตาย

“อัศวินฝึกหัด พวกเราไม่มีเวลาแล้วนะ”

หลังจากวินสตันรอเกร็กที่เงียบอยู่หลายวินาที เขาก็พูดเสียงต่ำ “ผมรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ความรับผิดชอบของเราก็คือการทำตามคำสั่งแค่นั้น ส่วนเรื่องการวางแผนระยะยาวเป็นหน้าที่ของสภาผู้อาวุโส…เมื่อพวกเขามอบหมายภารกิจมาแล้ว เราไม่สามารถโต้แย้งใด ๆ ได้ ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาจะไม่ดีแน่นอน”

“ในฐานะที่คุณเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของโจเซฟ ครั้งนี้ผมจะเตือนคุณก่อน แต่แค่ครั้งเดียวนะ”

“โจเซฟน่ะเถรตรงเกินไป…เราโตมาด้วยกันในหน่วยบ่มเพาะบุคลากรตั้งแต่เด็ก มันคงไม่เป็นการพูดเกินไปถ้าจะบอกว่าผมเป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุด เขาเป็นคนที่ไร้ความกลัวโดยแท้จริง เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานที่คุณบูชาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน”

“แต่ความประทับใจในสายตาของคุณก็มาจากการที่เขาไม่ฟังคำสั่งของหอพิธีกรรมต้องห้ามครั้งแล้วครั้งเล่า และยืนกรานที่จะทำภารกิจในแบบฉบับที่เขาเลือกเอง”

เกร็กตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วแย้งโดยไม่รู้ตัว “พวกนี้มัน…”

“คุณคงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดีสินะ? เพราะทุกครั้ง เรื่องพวกนี้จบลงโดยที่ทุกคนมีความสุขเหรอ? คุณเคยเห็นโจเซฟมีสภาพบาดเจ็บสาหัสใกล้ตายมาบ่อยแต่ไหนแล้วล่ะ…พูดไปก็ดูโหดร้าย แต่มันก็จริง ผมเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วนะ”

“จากการต่อสู้ร่วมกับเขา เขามักจะเบนเข็มออกจากแผนที่สภาผู้อาวุโสวางไว้เสมอ เห็นกันอยู่ว่าถ้าเราทำตามแผน เราก็จะสามารถลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุดได้ แต่เขาก็ไม่ยอมทำตาม จริงอยู่ที่การรับมือทุกอย่างด้วยตัวเองฟังดูเท่ แต่ต้องลองสัมผัสเองเท่านั้นถึงจะรู้ว่ามันหนักหนาแค่ไหน?!”

“ถ้าเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอจะทำแบบนั้นได้ ไม่เป็นหนึ่งในหมื่นคนที่มีโชคมากพอ…เขาคงตายในสนามรบไปแล้ว และชื่อ ‘เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทาน’ ก็คงไม่มีโอกาสได้แจ้งเกิดให้พวกคุณบูชา”

เกร็กอยากจะตอบโต้ว่าการที่พวกเขาบูชาคือ โจเซฟผู้กอบกู้ชีวิตของทุกคน ซึ่งสร้างปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วนบนเส้นคั่นระหว่างความเป็นความตาย

แต่คำพูดเหล่านั้นกลับติดคาอยู่ที่ปาก เด็กหนุ่มพลันตระหนักขึ้นกะทันหันว่าคนที่กำลังสบประมาทไอดอลของเขาอยู่ไม่ใช่ศัตรู แต่นี่เป็นความจริงจากปากเพื่อนของโจเซฟ

การที่เขาพูดคำเหล่านี้ออกมา เจตนาไม่ใช่การบอกว่าความสำเร็จทุกวันนี้ของโจเซฟเป็นเพราะโชคช่วย หรือความตกต่ำที่ตามมาเป็นเพราะเขาไร้ความสามารถแต่อย่างใด…

สิ่งที่เขาอยากจะพูดก็คือ โจเซฟที่พวกเขาบูชาไม่ได้สมบูรณ์แบบสว่างไสวอะไรมากนัก เขาไม่ใช่ผู้กล้าไร้เทียมทานในนิทาน แต่เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่แข็งแกร่งและค่อนข้างเอาแต่ใจ

เขาอยากบอกคนอื่น ๆ ให้ตระหนักว่าโจเซฟเองก็เป็นคนเหมือนกัน!

ตราบใดที่คนถูกฆ่า…เขาก็จะตาย!

เกร็กนึกถึงคืนฝนตกคืนนั้นขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ร่างของโจเซฟที่ดูเหมือนจะไม่มีวันพ่ายแพ้ จู่ ๆ ก็ทรุดตัวล้มลงตรงหน้าเจ้าของร้านหนังสือโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า

“เรื่องบางอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่คุณ ผม หรือกระทั่งโจเซฟคิดไว้หรอก คำสั่งของหอพิธีกรรมคือแก่นของการกระทำของเรา ถ้าคุณสร้างโจเซฟคนที่สองขึ้นมา คุณจะเผชิญกับผลที่ตามมาอย่างไร ถ้าสิ่งที่คุณตัดสินใจเกิดผิดพลาดขึ้นมา แล้วทำลายโอกาสการรอดชีวิตของทุกคนรอบ ๆ ตัวคุณ?”

“ในโลกที่เต็มไปด้วยรอยแตกของแดนนิมิตนี้ โชคชะตาจะไม่ยกโทษให้คุณสำหรับความผิดแม้เพียงครั้งเดียวแน่นอน”

วินสตันมองออร่าที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ที่จุดศูนย์กลางของพายุอีเธอร์แล้วกล่าวอย่างรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

จากข้อมูลครั้งก่อน ๆ การต่อสู้ระดับเหนือนภาปกติแล้วจะไม่กินเวลานานนัก แต่มันก็จะไม่สั้นมาก มันอาจจะสั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หรือยาวหลายวัน กระทั่งอาจจะหลายเดือนก็ได้ และมันก็รุนแรงมากพอที่จะก่อวินาศกรรมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองฝ่ายเป็นอริเก่าที่กลับมาคิดบัญชีกันให้ตายไปข้าง

ยิ่งกว่านั้น สงครามก่อน ๆ มักเกิดขึ้นนอกนอร์ซิน แต่ครั้งนี้เหตุเกิดในเมือง…

ตอนนี้สถานการณ์ที่ดูเหมือนทางตันนี่ก็เป็นผลมาจากเจ้าคนอารมณ์ร้ายที่เข้ามาแทรกแซงสนามรบอย่างมุทะลุ กอปรกับการปรากฏตัวของไวลด์ ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างลงมืออย่างสุดกำลังโดยเลี่ยงไม่ได้

เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน…

ครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังจากนี้อีกครู่สั้น ๆ ไม่ว่าเกร็กจะทำภารกิจลุล่วงหรือไม่ หรือไม่ว่าหอพิธีกรรมต้องห้ามจะตัดสินใจอย่างไร การต่อสู้นี้ก็จะจบลง

และบุคคลที่เดินออกมาจากกองซากได้ สุดท้ายเขาก็จะเป็นผู้ชนะในศึกวิ่งไล่จับที่กินเวลายาวนานถึงสองปี

วินสตันละสายตากลับมา

“บางครั้ง…การเสียสละ หากมันมีความจำเป็นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก…”

แต่การเสียสละเหล่านี้จำเป็นแล้วจริง ๆ เหรอ?

เกร็กอดถามคำถามนี้ในใจไม่ได้ แต่ก็เข้าใจว่าตอนนี้เถียงไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้น จึงทำได้เพียงพยักหน้าแล้วตอบว่า “เข้าใจแล้วครับ ผมจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”

วินสตันตอบกลับมา “เข้าใจก็ดีแล้ว อัศวินฝึกหัด ติดต่อผมไว้แล้วรายงานเรื่อย ๆ ทุกสิ่งที่คุณทำในตอนนี้คือการทำเพื่อนอร์ซินนะ”

แม้ว่าจะบอกอย่างนั้นก็เถอะ แต่เกร็กก็ไม่รู้ว่าจะลองเชิงอย่างไรดี…อันที่จริงเขาก็ลองไปเมื่อครู่แล้ว แต่ผลคือคว้าน้ำเหลว

แล้วเจ้าปีศาจที่นั่งตรงข้ามเขา ตอนนี้ก็กำลังรอคำตอบจากเขาอยู่

ที่ว่าให้รายงานเรื่อย ๆ นี่ เกร๊กก็ไม่กล้าถามต่อหน้าหมอนี่อยู่ดีว่าจะให้ตอบอย่างไร

สุดท้ายแล้ว เขาก็พึ่งพาได้แต่ตัวเองอยู่ดีนี่?

เกร็กไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสัมผัส ‘การตัดสินใจที่อาจจะส่งผลให้คนรอบตัวทุกคนหมดโอกาสรอด’ อย่างจริงจัง…นี่เหรอคือแรงกดดันที่คุณโจเซฟเผชิญมาจนตอนนี้?

เขาสูดหายใจลึก ๆ วางอุปกรณ์สื่อสารลงแล้วมองไปยังฝั่งตรงข้าม แล้วสบตากับหลินเจี๋ยพอดี

เจ้าของร้านหลินมองเขาแล้วถาม “โทรศัพท์นี่…ผมหมายถึงการสื่อสารครั้งนี้เกี่ยวข้องกับโจเซฟและผมเหรอครับ?”

จะถามทำไมถ้ารู้อยู่แล้วล่ะเว้ยเฮ้ย!

เกร็กว้ากอยู่ในใจ พยักหน้าพลางรักษาสีหน้าไว้ เขารู้สึกว่าไม่อาจพูดตรงไปได้มากกว่านี้แล้ว “เพื่อนของคุณโจเซฟน่ะครับ เขาแค่ถามบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่คุณเคยช่วยเราและสิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้”

“เรื่องพวกนี้…เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยครับ ไม่จำเป็นต้องจดจำอะไรหรอก”

หลินเจี๋ยโบกไม้โบกมืออย่างถ่อมตัว “คุณน่าจะได้รับคำตอบของปัญหาเมื่อครู่นี้แล้วสินะครับ?”

เกร็กเงยหน้าขึ้น กำหมัดแน่นเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจแล้วตอบว่า “ผมคิดว่า…คุณโจเซฟจะชนะครับ!”

ใช่แล้ว เขาหลอกตัวเองไม่ได้ ต่อให้มีความเป็นไปได้เป็นหมื่นให้ครุ่นคิด เขาก็พูดได้แค่ว่าโจเซฟต้องชนะ!

“…”

หลินเจี๋ยเข้าใจดีว่าไม่ว่าจะคิดสะระตะนานแค่ไหน อีกฝ่ายก็จะเลือกโจเซฟอยู่ดี ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนเกร็กมั่นใจในตัวโจเซฟ แต่เขาก็ต้องใช้เวลาครุ่นคิดเหมือนกัน

และเขาก็ประเมินไวลด์เอาไว้สูงด้วย

ดังนั้น ชายหนุ่มก็ต้องคิดถึงแง่ที่ไวลด์จะชนะเช่นกัน

เกร็กรู้สึกกระวนกระวายราวกับกำลังเดินไปยังลานประหาร เขาถูมือไปมาแล้วถามด้วยใจเต้นแรง “นี่คือความคิดของผมครับ…แล้วคุณล่ะคิดอย่างไร?”

แน่นอน หลินเจี๋ยย่อมคล้อยตาม “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ”

“?!!!!”

เกร็กอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วลิงโลด แทบจะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นอย่างยินดี สมองของเขาหมุนคว้าง รู้สึกราวใกล้จะเป็นลม

เขาใช้มือยันโต๊ะเอาไว้ “จริงเหรอครับ? คุณก็คิดว่า…คุณโจเซฟจะชนะด้วยเหรอ?”

“แน่สิครับ” หลินเจี๋ยตามใจลูกค้าเสมอ เขาพูดอย่างไม่รีบร้อน “ถึงแม้ว่าไวลด์จะเก่งการวางแผน แต่อำนาจการตัดสินใจลงมือของโจเซฟเฉียบขาดกว่า แถมที่สำคัญกว่านั้นคือเขามีผู้สนับสนุนอย่างคุณนับไม่ถ้วนไม่ใช่เหรอครับ? แม้ว่ากระบวนการจะพลิกผันไปมา แต่ผลลัพธ์จะออกมาดีครับ”