ตอนที่ 261

Great Doctor Ling Ran

“กษัตริย์ขอให้ฉันออกลาดตระเวนภูเขา … “ เสียงริงโทนโทรศัพท์ของหลิงรัน

ทันทีที่หลิงรันออกจากห้องผ่าตัดเขาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของเขา เมื่อเขาหยิบมันขึ้นมาเขาก็ได้ยินเสียงที่น่าตื่นเต้นของพยาบาลหวัง “หมอหลิงรีบมาถ่ายรูปกันตอนนี้ผู้ว่าเมืองเดินทางมา และ ผู้อำนวยการฮวงกำลังพูดถึงคุณอยู่” น้ำเสียงของพยาบาลหวังนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับกำลังเตรียมเฉลิมฉลองบางอย่างอยู่

หลิงรันตอบกลับว่า “งั้นผมขอเวลาสัก 5 นาที “

“ ตอนนี้ยังพอมีเวลา พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องนักเรียนกันอยู่เลย” พยาบาลหวังยิ้มและพูดอีกสองสามคำก่อนที่เธอจะวางสายไป

หลิงรันใช้ลิฟต์ที่เตรียมไว้เฉพาะบุคคลากรทางการแพทย์เมื่อมาถึงชั้นสอง เขาตรงไปที่แผนกฉุกเฉินในอาคารเวชศาสตร์ฉุกเฉิน

หมอจำนวนมากในชุดทำการและผู้ชายในชุดสูทยืนอยู่เต็มแผนกฉุกเฉิน ในวันนั้นมีผู้ป่วยเพียงไม่กี่คนและพื้นที่ห้องโถงนั้นเต็มไปด้วยคนมากมาย ช่างภาพหลายคนถือโทรศัพท์มือถือและถ่ายรูป เหล่าแพทย์และชายในชุดสูทก็ถ่ายรูปหมู่ราวกับว่าพวกเขากำลังจะจัดประชุมใหญ่

หลิงรันเข้าไปในห้องรอและยืนอยู่ตรงกลางของกลุ่มพวกผู้บริหารตัวอ้วนเฟะกลิ่นตัวแรง และพูดคุยกันเหมือนเสียงคำรามของสิงโต ในตอนนี้หลิงรันเหมือนกับนกยูงที่สง่างามที่มีหางที่สวยงามซึ่งยืนอยู่ตรงกลางของแก๊งไก่งวงที่น่าเกลียดและสกปรกด้วยขนที่ไม่สมบูรณ์และสิ่งที่เหลืออยู่ของพวกมันยุ่งเหยิง ตอนนี้หลิงรันดึงดูดความสนใจของทุกคน

ผู้อำนวยการฮวงยิ้มและโบกมือให้เขา เขาเรียกหลิงรันให้มาหาเขาแล้วพูดว่า “นี้คือผู้รับผิดชอบในการหยุดการตกเลือดของผู้ป้วยหลิงรันจากแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลหยุนหัวแม้ว่าเขาจะดูเด็ก แต่เขาสามารถจุดที่ตกเลือดได้อย่างรวดเร็วมาก”

จริงแล้วผู้อำนวยการฮวงไม่จำเป็นจะต้องพูดเกินจริงเพราะ ฝีมือของหลิงรันนั้นเป็นที่ประจักษ์ของสายตาคนทั่วไปอยู่แล้วเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นคนมีฝีมือในโรงพยาบาลเพราะเขาสามารถหาจุดตกเลือดได้เร็วกว่าคนอื่น ผู้อำนวยการฮวงจะไม่เอาหลิงรันไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเพราะมันจะส่งผลเสียต่อตัวหลิงรันเอง

ในฐานะที่เป็นนักวิจารณ์ที่ยอดเยี่ยมที่วิจารณ์และดุดันที่สุดในเมืองและอาจจะเป็นแพทย์ที่ดุดันที่สุดในประเทศ ผู้อำนวยการฮวงนั้นยอดเยี่ยมมากในการวิจารณ์การทำงานได้อย่างตรงประเด็น เขาเป็นคนพูดที่ทำให้ทุกคนเข้าใจเรื่องที่เขาพูดได้ง่าย

โดยที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกือบครึ่งหนึ่งที่พบไม่ได้อยู่ในระบบการแพทย์หรือระบบสุขภาพ แต่นั่นไม่ได้หยุดพวกเขาจากการที่จะไม่ชมเชยแพทย์ที่โดดเด่น ท้ายที่สุดไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงอาการการป่วยได้และต้องการแพทย์อยู่ดี เพราะอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ อาจจะไม่ได้เกิดกับตัวเขาเองแต่อาจเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาก็ได้ดังนั้นการหาแพทย์ดีๆสักคนเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้บริหารเหล่านี้

ถึงแม้แพทย์ส่วนใหญ่จะดุด่าว่ากล่าวเสมอ แต่ อย่างไรก็ดีในวงสังคมส่วนใหญ่แพทย์ก็จะกลายเป็นที่ยอมรับในวงสังคมเสมอ

ในขณะที่ผู้อำนวยการฮวงแนะนำหลิงรันเขาผลักหลิงรันไปที่แถวแรกในฐานะตัวแทนของแพทย์ที่มีส่วนร่วมในการรักษาฉุกเฉินของเจียงหลี่เขาถ่ายรูปหมู่กับตัวแทนของครอบครัวของผู้ป่วยตัวแทนของกรมตำรวจรองผู้อำนวยการสำนักและตำรวจยศสูงๆของกรมตำรวจ

หลิงรันเผชิญหน้ากับกล้องแต่เขาก็ดูสงบ

จากนั้นเขาเห็นเทียนฉี เธอมีกล้องที่ห้อยอยู่คอของเธอ เธอยืนอยู่หน้าสุดของเหล่าช่างภาพที่กำลังมุ่งความสนใจมาที่หลิงรัน

ช่างภาพหลักยกกล้องขึ้น เทียนฉีก็ยกกล้องของเธอขึ้นมาแล้วกดชัตเตอร์เพื่อถ่ายรูปกลุ่ม

มีความประหลาดใจเล็กน้อยบนใบหน้าของหลิงรันก็ถูกถ่ายภาพในทันทีเช่นกัน

เทียนฉีรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากและถ่ายเซลฟี่กับกลุ่ม

เมื่อถ่ายภาพหมู่ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกราวกับว่าพวกเขาทำภารกิจสำคัญเสร็จแล้วซึ่งไม่ได้ด้อยกว่าการรักษาในสถาณการณ์ฉุกเฉินเลย

ผู้อำนวยการฮวงถามหลิงรันอย่างมีเหตุผลว่า “การเตรียมการสำหรับการผ่าตัดเสร็จแล้วทำไมนายดูรีบร้อนจัง”

“ผมทำเสร็จแล้ว” หลิงรันก็ตอบอย่างตั้งใจ

ผู้อำนวยการฮวงจับมือกับคนอื่นเมื่อได้ยินสิ่งที่หลิงรันพูด เขารู้สึกถึงความประหลาดใจอย่างมากจนต้องถือโทรศัพท์มือถือเพื่อนำมาขึ้นดูเวลา”นายใช้เวลานานแค่ในไหนการรักษาจนเสร็จเนี่ย”

“การผ่าตัดใช้เวลายี่สิบนาทีเมื่อเราปิดแผลผมก็ออกมานั่นคือตอนที่มีสายโทรเข้ามาพอดี” หลิงรันตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา

เนื่องจากผู้อำนวยการฮวงเคยทำการผ่าตัดมานานหลายสิบปีแล้ว หลังจากที่เขาได้ยินมันใช้เวลายี่สิบนาทีดวงตาของเขาเบิกกว้าง จากนั้นเขาก็มองไปที่หลิงรันแล้วถามว่า

“มันเป็นไปด้วยดี”

“มันเสร็จแล้วเหรอ?”

“ใช่.”

“ มันเป็นการผ่าตัดรักษาเอ็นร้อยหวายหรือไม่?”

“ใช่.”

“ฮ่าๆๆ.”

หลิงรันมองดูที่ผู้อำนวยการฮวงและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงเริ่มหัวเราะ

… ..

ในอีกด้านหนึ่งคือเทียนฉีซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางวงกลมของนางพยาบาลสาวในขณะที่เธอฟังพวกเขาอย่างตื่นเต้นและยกย่องหลิงรันในตอนนี้

“หมอหลิงหล่อมาก”

“หล่อจริงๆ”

“หมอหลิงเป็นคนหล่อมากๆ”

หลังจากทำงานในโรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งหรือสองปีพยาบาลปกติมักจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับอาการของโรคที่เกี่ยวข้องกับแผนกของตนและทักษะการแพทย์ที่แพทย์ใช้มากกว่าตัวแพทย์เอง

ในระดับหนึ่งพยาบาลที่ไม่ทราบวิธีการผ่าตัด แต่อยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานานจะมีความสามารถในการตัดสินเกี่ยวกับวิธีการผ่าตัดได้ มันเหมือนกับวิธีที่ผู้ประกอบการธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในการปรับปรุงบ้านจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการปรับปรุงบ้านเมื่อเทียบกับคนงานปรับปรุงวิธีที่นักดูหนังที่ดูภาพยนตร์หลายเรื่องจะมีความเข้าใจที่แตกต่างกัน เขาจะเห็นถึงความไม่มเหตุสมผลของหนังและจะไม่เพิกเฉยกับสิ่งเหล่านี้เมื่อเห็นขอผิดพลาด

แน่นอนว่านางพยาบาลหวัยเองก็อยู่โรงพยาบาลหยุนหัวมานานเธอก็รู้สึกประทับใจในตัวหลิงรันเป็นอย่างมากจนถึงขั้นลำเอียงเลยก็ว่าได้

ทีมช่วยชีวิตในวันนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มากกว่า12 คนและฝ่ายสนับสนุนที่มากไปอีกเท่าตัวหนึ่ง แต่ในสายตาของพยาบาลสาวคนที่โดดเด่นที่สุดในที่นั้นก็คือหลิงรันนั้นเอง

พยาบาลคนแรกเป็นคนแรกที่นำโทรศัพท์มือถือของเธอออกและแบ่งปันรูปภาพของหลิงรันที่กำลังควบคุมการตกเลือดของผู้ป่วยอยู่ให้กับเพื่อนๆของเธอ หลังจากที่เธอทำอย่างนั้นสถานการณ์ก็เริ่มบานปลายไปเรื่อยๆ

“รูปภาพบนแท่นดูดีมาก”

“ ภาพนั้นตอนที่เขามองหาช่องตับมันดูดีมาก ทุกคนต่างก็งงงวยโดยเฉพาะผู้อำนวยการฝ่ายฮวง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”

“รูปหล่อที่สุดคือรูปที่ฉันถ่ายแน่นอนหมอหลิง เจ๋งมากตอนที่เขาเย็บไหม”

“ไม่มีสิ่งใดที่หล่อที่สุดหล่อที่สุดเท่ากับรูปที่ฉันถ่าย … “

เทียนฉีฟังถึงจุดที่เธอเริ่มกระสับกระส่าย เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า “พวกคุณทุกคนมีกลุ่มแชทที่เอาไว้แลกภาพของหมอหลิงใช่ไหม”

“ ไม่” นางพยาบาลสาวรู้จักเทียนฉีและเนื่องจากพวกเขาเป็นแฟนคลับของเจ้าชายชาร์มมิ่งเธอจึงพูดว่า“ มันเป็นกลุ่มภายในของเรา”

“กลุ่มภายในของพยาบาล?”

“คุณอยากรู้อะไร?” พยาบาลสาวขี้เกียจจะอธิบายไปมากกว่านี้

แต่เทียนฉีให้ความสำคัญกับความคิดของเธอมากและเธอก็พูดว่า “ฉันอิจฉาคุณมากคุณทุกคนดูสนุกมาก”

“ใช่หลังจากที่หมอหลิงมาบรรยากาศของโรงพยาบาลก็ดีขึ้นมาก”

“ใช่แล้วทุกคนดูมีพลังมากขึ้นตอนที่เห็นหมอหลิงมาทำงาน”

“หมอหลิงทำให้งานนั้นดูน่าสนใจมากขึ้นและเขาก็สุภาพมาก”

“โยเกิร์ตที่ฉันกินทุกเช้าก็รสชาติดีขึ้นนะ”

“โอ้ใช่ผลไม้พร้อมหรือยัง?”

หัวข้อที่พยาบาลพูดถึงทำให้จินตนาการของเทียนฉีดำเนินไปอย่างดุเดือดและเธอก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขา

เทียนฉีเริ่มตั้งคำถามมากขึ้นและถามว่า “พวกคุณทุกคนอยู่ในกลุ่มหรอ และ เป็นพยาบาลหมดทุกคนไหม?

“ ยังมีตัวแทนขายยาอีกด้วยหลังจากตัวแทนขายยาหลายคนมาที่โรงพยาบาล เขาก็มักจะนัดพวกเราออกไปทานข้าวและไปเที่ยวบางเป็นบางครั้ง” นางพยาบาลสาวเปิดเผยข้อมูลบางอย่างโดยบังเอิญ

ส่วนใหญ่แล้วตัวแทนขายยาเขามักจะได้แรงสนับสนุนจากพยาบาลและตอนที่เขาสามารถปิดยอดการขายได้เขาก็มักจะนำของขวัญมามอบให้กับเหล่าพยาบาลเหล่านี้

เทียนฉียิ้มเมื่อเธอจำคำพูดเหล่านั้นไว้

เทียนฉีหันหลังกลับและหามุมเงียบ ๆ ก่อนที่เธอจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เธอกด ‘ห้า‘ เป็นเวลานานก่อนที่เธอจะพูดว่า “ฉันแนะนำให้มีการจัดตั้งบริษัทขายยาเพราะมันน่าจะเป็นธุรกิจที่ดีที่สุดในตอนนี้สำหรับเมืองหยุนหัว”

“เราเก็บเป็นข้อสังเกต.”