ตอนที่ 312 ที่แท้ก็เป็นคนดัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 312 ที่แท้ก็เป็นคนดัง

เด็กสาวร่าเริงสดใส ไม่ทำตัวหยิ่งทะนงเพราะชาติตระกูล หลินเว่ยเว่ยก็ชอบมากเช่นกัน นางจึงกล่าวว่า “บ้านข้าไม่ได้อยู่ในเขตเริ่นอัน แต่อยู่ในหมู่บ้านนามว่าฉือหลี่โกว เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในหุบเขาที่งดงามแห่งหนึ่ง วิถีชีวิตแสนเรียบง่าย ภูเขาสวย ธารน้ำใส…เปรียบเสมือนภาพวาดนี้ไม่มีผิด หากวันหน้าน้องสาวมีเวลาว่างก็ไปเป็นแขกที่หมู่บ้านเราได้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้ารู้สึกเบื่อหรือผิดหวังแน่นอน ! ”

“ดี ดีมากเลย!” เด็กสาวรับปากโดยไม่ลังเล สาวใช้สองคนจึงได้แต่มองเจ้านายด้วยสายตากังวล นี่เพิ่งเจอกันก็รับคำเชิญของคนแปลกหน้าแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดคุณชายจึงกำชับให้จับตามองคุณหนูให้ดี ไม่อย่างนั้นคุณหนูผู้ไร้เดียงสาคงจะถูกคนชั่วหลอกลวงเป็นแน่

ต่อจากนั้นเด็กสาวทั้งสองก็เริ่มสนทนากันอย่างสนุกสนาน เด็กสาวผู้นี้มีนามว่าติงหลิงเอ๋อร์ อายุน้อยกว่าหลินเว่ยเว่ย 1 ปี แม้จะบอกว่าน้อยกว่า 1 ปี ทว่าความจริงแค่อ่อนเดือนเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ! เด็กสาวทั้งสองล้วนมีจิตใจบริสุทธิ์จึงเข้ากันได้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ หากยังสนทนาต่อไป เกรงว่าพวกนางจะทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินสาบานตนเป็นพี่น้องกันเลย !

ในระหว่างนั้นก็ปรากฏบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาเดินผ่านเข้ามาจากโถงของห้องหนังสือ เมื่อได้ยินเสียงของเด็กสาวแล้วเขาก็เดินเข้ามาหานางทันที “น้องเล็ก เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ ? ”

“พี่ใหญ่ ! ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ ! ข้าเลือกลายปักที่ถูกใจได้แล้ว ท่านดูสิ…” เด็กสาวนำใบพัดที่เลือกมาแสดงให้พี่ชายคนโตดู ราวกับแสดงสมบัติล้ำค่า !

ติงหยูเจินดึงผ้าคลุมหน้าที่เปิดออกของนางให้ปิดลงดังเดิม ก่อนจะเคาะศีรษะนางเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู “ถ้าปราชญ์ชนบทรู้ว่าเจ้าเอาลายใบพัดของเขาไปทำเป็นลายปัก ไม่รู้จะโมโหจนเคราปลิวมากเพียงใด ! ”

หลินเว่ยเว่ยมองใต้คางของบัณฑิตน้อยพลางจินตนาการภาพที่เขาไว้เคราเหมือนแพะภูเขา แต่ทันใดนั้นเจียงโม่หานก็ถลึงตาใส่นาง…เด็กน้อยคิดสิ่งไม่ดีอีกแล้วใช่หรือไม่ ?

ติงหลิงเอ๋อร์กล่าวอย่างไร้เดียงสา “การที่ข้าเลือกภาพของเขาย่อมแสดงว่าข้ามีสายตาแหลมคม ! ท่านไม่ได้บอกว่าปราชญ์ชนบทผู้นี้มีจิตใจกว้างขวางหรอกหรือ ? เขาจะถือสาข้าได้อย่างไร ? ”

“พี่ใหญ่ ข้าเพิ่งได้รู้จักกู่เหนียงน้อยท่านหนึ่ง นางอาศัยอยู่ในหุบเขา แค่เปิดประตูบ้านออกมาก็เห็นทิวเขาอันตระการตาแล้ว บนเขามีป่าสนแดงผืนหนึ่งและยังมีหุบเขาของหมูป่าแล้วก็แอ่งน้ำใสกระจ่างที่ไม่มีวันแห้งเหือดตลอดปี…พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้อยากไปค้นหาจิตวิญญาณแห่งขุนเขาหรอกหรือ ? ข้ากับกู่เหนียงน้อยนัดกันไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวหมู่บ้านของนาง ! ท่านก็ไปด้วยกันเถิด ! ” เด็กสาวมีดวงตาเป็นประกายและเผยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ออกมา

นางเป็นเด็กผู้หญิง คนในบ้านไม่ยอมให้นางไปเยือนหมู่บ้านห่างไกลเยี่ยงฉือหลี่โกวเพียงลำพังแน่นอน แต่ถ้าพี่ชายไปด้วยก็จะไม่เหมือนกันแล้ว !

ติงหยูเจินทำมือคารวะแล้วพูดกับหลินเว่ยเว่ย “น้องสาวของข้าทำให้กู่เหนียงต้องลำบากแล้ว…”

ในที่สุดเจียงโม่หานก็เดินออกมาจากชั้นหนังสือด้านข้าง เขาเองก็ทำมือคารวะพี่น้องคู่นี้ ก่อนจะหันไปยิ้มให้หลินเว่ยเว่ย “เราไปกันได้หรือยัง ? ”

ทันใดนั้นดวงตาอันเป็นประกายของเด็กสาวก็มีคำว่า ‘ตกตะลึง’ เขียนไว้ นางรีบเข้าไปเบียดข้างตัวหลินเว่ยเว่ย จากนั้นก็เขย่งเท้าแล้วกระซิบถามสหายใหม่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พี่หลิน นี่คือพี่ชายของท่านหรือ ? ”

หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้าแล้วหันไปกระซิบกับเด็กสาวว่า “ไม่ใช่ ! เขาเป็นคู่หมั้นของข้า ! ”

“หา! พี่หลินหมั้นหมายเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ! ” ดวงตาของติงหลิงเอ๋อร์เบิกกว้างเหมือนผลชิง คนที่หมั้นหมายแล้ว คู่หมั้นจะยังอนุญาตให้มาช่วยงานในห้องหนังสือได้หรือ ?

“ใช่! เวลาเลือกสามี ตาต้องแม่น มือต้องหนัก ไม่อย่างนั้นผู้ชายที่ดีแบบนี้จะถูกคนอื่นแย่งไป ! ” หลินเว่ยเว่ยกลัวคุณชายติงจะคิดว่านางสอนน้องสาวให้เสียคน นางจึงกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา แต่ไม่เล็ดลอดไปจากหูของเจียงโม่หานได้หรอก

เด็กสาวหันไปมองเจียงโม่หานอีกครั้ง ทันใดนั้นนางก็ย่นจมูกแล้วหันกลับมาพูดเบา ๆ ว่า “แต่การหมั้นหมายไม่สนุกเลยสักนิด ! พี่สาวหลายคนที่ข้าสนิทด้วย พอหมั้นแล้วที่บ้านก็ไม่ยอมให้ออกไปข้างนอกอีก ได้แต่นั่งปักชุดแต่งงานอยู่ในบ้าน ข้าเป็นคนหนึ่งที่จะไม่หมั้นเร็วเช่นนั้น ! ”

คำพูดเมื่อครู่ของหลินเว่ยเว่ยนั้น ติงหยูเจินไม่ได้ยิน แต่คำพูดเหลวไหลของน้องสาว เขากลับได้ยินเต็มสองหู ติงหยูเจินจึงรีบดึงเปียผมของน้องสาวแล้วขอโทษที่ทำให้หลินเว่ยเว่ยและเจียงโม่หานที่ต้องเห็นเรื่องน่าอับอาย จากนั้นก็ดึงตัวคนออกจากห้องหนังสือทันที

เมื่อขึ้นมาบนรถม้าแล้ว ติงหยูเจินก็เค้นเสียงดุ “เมื่อครู่เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด ? หากเจ้ายังพูดสิ่งใดตามใจคิดอีก ต่อไปก็อย่าหวังจะได้ออกจากบ้านเลย ! ”

ติงหลิงเอ๋อร์มุ่ยปากเหมือนเป็ด “แต่ข้ารับปากพี่หลินไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวบ้านของนาง พี่ใหญ่เป็นคนรักษาสัจจะที่สุด ดังนั้นจะให้น้องเสียสัจจะไม่ได้ จริงหรือไม่ ! ข้าจะบอกท่านว่าพี่หลินเข้าใจศิลปะถึงแก่นวิญญาณเชียวล่ะ…น่าเสียดายที่นางหมั้นหมายแล้ว ไอหยา ! พี่ใหญ่ ท่านตีข้าด้วยเหตุใด ! ”

“ระวังคำพูดของเจ้าให้ดี อย่าพูดจาเหลวไหลอีกเพราะมันทำให้ผู้อื่นเสียหาย ! ” ติงหยูเจินมองใบพัดในมือนาง แม้ปากจะดุแต่ใจกลับห่วงใยน้องสาว “เงินรายเดือนของเจ้าคงเหลือไม่เท่าไหร่แล้วสิ ? ของข้ายังมีอยู่ 20 ตำลึง เจ้าเอาไปใช้เถิด ! ”

“พี่ใหญ่ดีที่สุด ! พี่ใหญ่เป็นพี่ชายแสนดีที่สุดในโลก ! ” ปากของติงหลิงเอ๋อร์เหมือนฉาบไปด้วยน้ำผึ้งทันใด นางรับกระเป๋าเงินของพี่ชายมาถือไว้แล้วมองอย่างมีความสุข จากนั้นก็ยังประจบต่อ “พี่ใหญ่ ถุงเงินของท่านเก่าแล้ว รอให้ข้าปักของขวัญวันเกิดท่านแม่เสร็จเมื่อใด ข้าจะเย็บกระเป๋าเงินให้ท่านใหม่”

ติงหยูเจินลูบผมน้องสาว “ปากเจ้านี่นะ ! พูดเอาใจคนเก่งจริง ๆ เจ้ากล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าพี่รองหรือไม่ ? ”

ติงหลิงเอ๋อร์ฉีกยิ้มอย่างขี้เล่น “ไม่ว่าอยู่ต่อหน้าผู้ใด พวกท่านก็เป็นพี่ชายที่ข้ารักมากที่สุด! พี่ใหญ่ เราจะไปฉือหลี่โกวเมื่อใดหรือ ? ”

“ฉือหลี่โกว ? ” ติงหยูเจินทวนชื่อนี้อีกครั้ง

ติงหลิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ใช่ ! บ้านของพี่หลินอยู่ที่ฉือหลี่โกว ที่นั่นมีภูเขางาม ธารน้ำใส นกประสานเสียง บุปผาผลิบาน อัจฉริยะถือกำเนิด…”

“พูดราวกับเจ้าเห็นเองกับตา ! ” ติงหยูเจินรู้เรื่องราวมากกว่าน้องสาวซึ่งอยู่แต่ในบ้าน ตอนอยู่ที่เมืองหลวง เขาก็เคยได้ยินเรื่องราวของบัณฑิตถงเซิงในเขตเริ่นอันคนหนึ่ง บัณฑิตผู้นั้นสร้างกังหันน้ำกระดูกมังกรจนเข้าพระเนตรฮ่องเต้ เขายังตั้งใจหาข้อมูลจนพบว่าบัณฑิตถงเซิงผู้นั้นเป็นคนในหมู่บ้านฉือหลี่โกวของเขตเริ่นอันซึ่งก็ถือว่าเป็นบ้านเกิดของบรรพบุรุษตระกูลติงเช่นกัน

พอกลับมาเยือนเขตเริ่นอันได้ไม่นานก็ได้ยินว่าหมู่บ้านฉือหลี่โกวโดนโจรบุกปล้นจนเกือบโดนกวาดล้างทั้งหมู่บ้าน หากไม่ได้บัณฑิตเจียงและบุตรสาวคนรองตระกูลหลินนำทหารรักษาการณ์มาช่วยทันเวลา แล้วพาชาวฉือหลี่โกวไปซ่อนตัวในหุบเขาก็คงไม่พ้นภัย…ช้าก่อน !

“น้องเล็ก เจ้าบอกว่าพี่สาวที่รู้จักกันใหม่มีแซ่อะไรหรือ ? ” ติงหยูเจินมีลางสังหรณ์บางอย่าง…

“แซ่หลิน ! เป็นลูกคนที่สองของบ้าน ! ” ติงหลิงเอ๋อร์บีบเงินในกระเป๋าแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “พี่หลินอายุมากกว่าข้าแค่ไม่กี่เดือนแต่หมั้นหมายแล้ว บัณฑิตที่ดูสะดุดตามากผู้นั้นคือคู่หมั้นของนาง ! ”

ติงหยูเจินคาคไม่ถึงว่าน้องสาวจะโชคดีเช่นนี้ พี่สาวที่เลือกคบหาด้วยอย่างบังเอิญกลับกลายเป็นคนดังของเขตเริ่นอัน ในเขตเริ่นอันมีเรื่องเล่าของกู่เหนียงน้อยคนนี้มากมาย! มีบางเรื่องบอกว่านางสูง 7 ฉื่อ ( ประมาณ 233 เซนติเมตร ) เป็นสตรีแต่เหมือนบุรุษ มีพละกำลังมหาศาลเหมือนวัว บางเรื่องบอกว่านางมีวรยุทธ์ล้ำเลิศจนไร้เทียมทาน บอกว่าตระกูลหลินมีเคล็ดวิชาที่สืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่น บางเรื่องบอกว่านางไม่สนใจชื่อเสียงลาภยศจึงปฏิเสธข้อเสนอที่หมินอ๋องซื่อจื่อประสงค์มอบเรือนร่างตอบแทน…หลังได้มาพบในวันนี้กลับกลายเป็นเพียงเด็กสาวที่ยิ้มและหัวเราะเก่งคนหนึ่งเท่านั้น !