ตอนที่ 346 นรกอเวจี

“วาดใหม่ทั้งหมด?”

หลังจากยืนงงอยู่ชั่วครู่หนึ่ง หลัวเวยก็เอ่ยเสียงดังและสูงขึ้นมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ

“คุณภาพแบบนี้ คุณยังไม่พอใจอีกเหรอ!”

ต้องเข้าใจว่าต้นฉบับหลายแผ่นของเรื่องสมุดมรณะนั้นวาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ตั้งแต่การอัปโหลดช่วงหลังของเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ ในออฟฟิศก็เริ่มเตรียมการสำหรับผลงานเรื่องใหม่แล้ว

ฉะนั้นเรื่องสมุดมรณะจึงใช้เวลาเตรียมการรวมๆ แล้วเกือบสองเดือน!

ทว่าในตอนนี้ หลังจากคำพูดว่า ‘วาดใหม่ทั้งหมดครับ’ ของหลินเยวียน เท่ากับว่าการเตรียมงานทั้งหมดตลอดสองเดือนที่ผ่านมาของทุกคนนั้นเสียเปล่า!

เมื่อพบว่าความพยายามตลอดเวลาสองเดือนที่ผ่านมาของตนสูญเปล่า ไม่ว่าใครก็คงสงบสติอารมณ์ไว้ไม่อยู่

“แต่ต้นฉบับนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ ครับ”

หลินเยวียนพูดไปตามตรง

เมื่อมองผ่านสายตาของเขาในตอนนี้ ภาพต้นฉบับเหล่านี้เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง

“คุณลองดู”

หลัวเวยคลึงขมับ “เนื้อหาตอนที่หนึ่งถึงสี่ นอกจากภาพพื้นหลังแล้ว ทั้งหมดคุณก็เป็นคนวาดเอง ด้านหลังส่วนที่เราทำเสร็จแล้ว คุณเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ทำไมจู่ๆ ถึงได้บอกว่าต้นฉบับที่วาดใช้ไม่ได้แบบกะทันหันอย่างนี้ล่ะ”

กะทันหันจริงๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะร่วมงานกันมาหนึ่งปี นับว่ารู้จักนิสัยและเข้าใจหลินเยวียนพอสมควร หลัวเวยคงสงสัยว่าหลินเยวียนคงจงใจถ่วงเวลาเพราะเขาไม่อยากสอนเธอวาดภาพพู่กันโบราณ

“ระดับนี้…”

หลินเยวียนพยายามหาคำอธิบายที่ชัดเจน “เป็นแค่ระดับมืออาชีพครับ”

หลัวเวย “…”

หลัวเวยเข้าใจทุกคำที่หลินเยวียนพูด แต่เมื่อนำมารวมกันแล้ว หลัวเวยกลับฟังไม่เข้าใจ

เป็นแค่ระดับมืออาชีพ?

แค่?

หลัวเวยเอ่ยอย่างจนใจ “นี่เป็นขีดจำกัดที่พวกเราสามารถแตะถึงแล้วนะคะ”

หลัวเวยพูดว่า ‘พวกเรา’ หลินเยวียนเองก็ถูกนับรวมไปแล้ว

ฝีมือของหลินเยวียนไม่ได้เหนือไปกว่าหลัวเวยสักเท่าไหร่ ทั้งสองร่วมงานกันมาเกือบหนึ่งปี หลัวเวยรู้ระดับของหลินเยวียนดี

“อย่างนี้แล้วกันครับ”

หลินเยวียนบอก “ผมวาดภาพใหม่ คุณมาช่วยผม เย็นนี้เราทำงานล่วงเวลา แล้วให้อาจินคำนวณค่าล่วงเวลาให้คุณทีหลัง”

“งั้นคุณวาดเลย”

หลัวเวยสองมือกอดอก

เธอเองก็อยากเห็นเหมือนกัน ว่าหลินเยวียนจะวาดได้ดีกว่าเดิมอย่างไร

เห็นได้ชัดว่าฝีมือในการร่างต้นฉบับนั้นแตะถึงขีดจำกัดของทั้งสองแล้ว วาดใหม่แล้วจะทำได้ดีขึ้นหรือ?

หลินเยวียนก็ไม่ได้อธิบาย ตรงเข้าไปยังพื้นที่ทำงาน และเริ่มลงมือวาดตอนที่หนึ่งใหม่

พื้นที่ทำงานของนักวาดการ์ตูนมักจะรกเป็นปกติ

บนโต๊ะมีอุปกรณ์วาดภาพระดับมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นดินสอ ปากกาคอแร้ง ปากกาลูกลื่น ไม้บรรทัด หรือน้ำยาลบคำผิด

หลินเยวียนหยิบดินสอขึ้นมาอย่างชำนิชำนาญ

เริ่มลงมือวาดเนื้อหาช่วงแรกของสมุดมรณะตอนที่หนึ่ง

ฉากเปิดของเวอร์ชันต้นฉบับ เริ่มต้นที่ยมโลก

ยมทูตนามว่าลุคทำสมุดบันทึกหาย และตัดสินใจมาตามหาที่โลกมนุษย์

ภาพวาดเวอร์ชันแรกของหลินเยวียนนั้น อ้างอิงมาจากรูปลักษณ์ของยมโลกจากสมุดมรณะเวอร์ชันต้นฉบับ แต่เมื่อมีทักษะด้านจิตรกรรมระดับปรมาจารย์ หลินเยวียนกลับเกิดปณิธานที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น!

ทำไมต้องเป็นยมโลกด้วยล่ะ

วาดภาพนรกไปซะเลยสิ

ฉากของยมโลกในต้นฉบับนั้นยังไม่ตื่นเต้นมากพอ

หลินเยวียนจะท้าทายนรกที่แท้จริง นรกอเวจี!

ทุกคนคงเคยจินตนาการว่านรกที่แท้จริงควรเป็นอย่างไร

ในเกมและภาพยนตร์หลายเรื่องก็มีฉากของนรกมาเกี่ยวข้องด้วย

และในงานเขียนของหลินเยวียน นรกนั้นแปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัว ซึ่งสอดคล้องกับภาพที่คนส่วนใหญ่สร้างขึ้น

ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยม่านหมอก ภูตผีวิญญาณหลากหลายรูปแบบล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย มีกลุ่มผมไร้ชื่อแซ่กระจุกอยู่ที่มุม วัตถุลักษณะนุ่มเหมือนก้อนเนื้อสับที่ไม่รู้นาม บิดตัวไปมาในมุมมืด เปลวไฟแปลกประหลาด…

ฉากนี้ยิ่งใหญ่มาก!

หลินเยวียนวาดภาพวิญญาณชั่วร้ายติดต่อกันหลายภาพ ถึงขั้นที่สร้างสรรค์ภาพของพืชในนรก แต่กลับไม่นับว่าช้า คล้ายกับว่าทักษะด้านจิตรกรรมระดับปรมาจารย์จะเพิ่มความเร็วในการวาดภาพให้เขาด้วย

ภูตผีบางชนิด มีศีรษะใหญ่กว่าลำตัว

ภูตผีบางชนิด ลำตัวปกคลุมไปด้วยหนาม

ภูตผีบางชนิด ทั้งตัวเน่าเฟะและเต็มไปด้วยน้ำหนอง

ภูตผีบางชนิด มีเพียงดวงตาและปาก

รูปลักษณ์เช่นนี้ของภูตผี หลินเยวียนวาดออกมาจากตำนานในความทรงจำเกี่ยวกับภูติผีปีศาจที่ตนมี ขณะเดียวกันก็ยังใส่ความคิดและการดัดแปลงทางศิลปะเข้าไป เพื่อทำให้ความรุนแรงของภาพความอเนจอนาจทะลุจินตนาการราวกับกระโจนออกมาจากกระดาษ ตัวอย่างเช่นผีที่หลินเยวียนวาดอยู่ในตอนนี้ กำลังอ้าปากเปื้อนเลือดกินแขนข้างหนึ่งซึ่งขาดมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เพราะภาพนั้นสมจริงเกินไปจนทำให้ภูตผีปีศาจเหล่านี้แลดูราวกับมีตัวตนอยู่จริง!

สายตาของหลัวเวยค่อยๆ เปลี่ยนไป…

ความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวอักษรนั้นมีขีดจำกัด รูปภาพจึงเป็นการนำเสนอที่เข้าใจง่ายกว่า

นี่คือสาเหตุที่บางคนไม่ชอบอ่านนิยาย แต่ชอบดูภาพยนตร์และอนิเมชันมากกว่า

และนรกที่หลินเยวียนวาดในขณะนี้ ก็ให้ความรู้สึกราวกับนรกนั้นมีอยู่จริง!

ภูตผีทุกตนในนั้น แม้แต่เสียงอันแผ่วเบาที่มุมห้อง ยังได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง

ด้วยสไตล์การวาดภาพอันวิจิตรงดงาม ส่งผ่านความรู้สึกอันรุนแรง จนไม่อาจละสายตาได้!

และยามที่ยมทูตลุคปรากฏตัวบนหน้ากระดาษ หลัวเวยซึ่งสองมือกำลังกอดอกอยู่นั้น ก็พลันรู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างพันกันเป็นปม

หลัวเวยสับสน

ดวงตาของเธอจ้องเขม็ง ดวงตาเบิกกว้างจนแม้แต่เปลือกตาสองชั้นก็ยังหายไป เหลือเพียงรูม่านตาที่หดเล็กลง

ทั้งที่ยังไม่ได้ลงสี แม้แต่ภาพร่างก็ยังทำไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ภาพของนรกตรงหน้ากลับทำให้หลัวเวยรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงจากก้นบึ้งของจิตใจ!

“ฟืด…”

เธอขยับเข้าไปอย่างอดไม่ได้ ลมหายใจของเธอเย็นเฉียบ ร่างกายของเธอสั่นเทิ้ม ไม่รู้ว่าภาพของนรกนั้นสยองขวัญเกินไป หรือฝีมือการวาดภาพของหลินเยวียนน่ากลัวเกินไป

จู่ๆ ความคิดที่เหลือเชื่อ ก็ปรากฏขึ้นในห้วงสำนึกของหลัวเวย

สิ่งที่หลินเยวียนวาดก่อนหน้านี้ อาจเป็นการวาดเล่นทั้งหมด!

ถ้าหากเปรียบเทียบภาพนรกตรงหน้า กับภาพต้นฉบับซึ่งหลินเยวียนวาดเมื่อสองเดือนก่อน ภาพซึ่งวาดก่อนหน้านั้นถูกฆ่าตายโดยไม่เหลือซาก!

แต่ปัญหาคือ เห็นชัดๆ ว่าหลินเยวียนเป็นคนวาดภาพทั้งสองนี้เอง!

ถ้าหากก่อนหน้านี้หลินเยวียนไม่ได้แกล้ง ก็ไม่มีคำอธิบายอื่นที่สมเหตุสมผลแล้ว!

หลัวเวยไม่เชื่อว่าทักษะของหลินเยวียนจะรุดหน้าในช่วงเวลาเท่านี้ และไม่มีทางที่มนุษย์จะสามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาอันสั้น!

เพราะฉะนั้นมีคำอธิบายที่เหมาะสมเพียงอย่างเดียว

ก่อนหน้านี้หลินเยวียนวาดการ์ตูน จะต้องซ่อนเขี้ยวเล็บไว้อย่างแน่นอน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เขาแกล้งวาดเพื่อความสนุกก็เท่านั้น!

สิ่งที่น่ากลัวอยู่ตรงนี้…

เวอร์ชันก่อนหน้านี้ของหลินเยวียน เมื่อเทียบกับเวอร์ชันนี้แล้ว นับว่าเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพ

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเวอร์ชันก่อนหน้านี้ของหลินเยวียนจะแย่

ต่อให้นำเวอร์ชันก่อนหน้านี้ของหลินเยวียนมาให้นักวาดการ์ตูนแนวหน้าดู นักวาดการ์ตูนแนวหน้าเหล่านั้นก็ต้องยกนิ้วโป้งให้!

ทว่าเวอร์ชันในปัจจุบัน น่ากลัวว่าจะทำให้นักวาดการ์ตูนแนวหน้าถึงกับคุกเข่าให้ด้วยซ้ำไป!

ตอนนี้หลัวเวยเองก็รู้สึกว่า เข่าของเธอเริ่มควบคุมไม่ได้แล้ว

จิตรกรระดับมืออาชีพ เมื่อมาอยู่ต่อหน้าปรมาจารย์อย่างหลินเยวียน คงต้องยอมศิโรราบโดยสัญชาตญาณ

ในแง่ของระดับ ระยะห่างของเธอกับหลินเยวียนนั้นยังห่างไกลกันคนละซีกโลก!

“รบกวนช่วนเทน้ำให้ผมแก้วหนึ่งครับ”

หลินเยวียนวาดภาพต่อไป ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง

“ดะ…ได้ค่ะ…”

น้ำเสียงของหลัวเวยเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม เธอรินน้ำอุ่นอุณหภูมิกำลังพอดีให้หลินเยวียนด้วยท่าทีเลื่อมใส

“อึกๆๆๆๆ”

หลินเยวียนดื่มน้ำรวดเดียวหลายอึก ก่อนจะลงมือวาดต่อโดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีของหลัวเวยที่แปลกไป

นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเยวียนได้ทดสอบประสิทธิภาพเป็นครั้งแรกหลังจากได้รับทักษะด้านจิตรกรรมระดับปรมาจารย์

และผลลัพธ์ของการทดสอบเป็นที่น่ายินดี ภาพนรกนี้เป็นระดับที่ก่อนหน้านี้หลินเยวียนไม่มีทางแตะถึง!

พูดแบบนี้ก็แล้วกัน

ถ้าตอนนี้ให้หลินเยวียนวาดการ์ตูนเรื่องใดก็ตามจากโลกเดิม หลินเยวียนสามารถวาดออกมาได้เหนือชั้นกว่าต้นฉบับ!

ต้องบอกก่อนว่า ภาพในเรื่องสมุดมรณะนั้นวาดโดยโอบาตะ ทาเคชิ นักวาดบริสุทธิ์ระดับแนวหน้าจากแดนปลาดิบ ฝีมือนับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว

ทว่าหลินเยวียนซึ่งมีทักษะด้านจิตรกรรมระดับปรมาจารย์กลับสามารถวาดได้ดีกว่านั้น!

และด้วยพัฒนาการอย่างต่อเนื่องของหลินเยวียน ผลลัพธ์ของภาพวาดนั้นจึงดีขึ้นเรื่อยๆ!

หลินเยวียนแทบไม่ได้หยุดพัก

เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่ข้อมือของหลินเยวียนเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว และเส้นที่คมชัดหรือนุ่มนวลยังคงปรากฏบนกระดาษ

ข้างกายหลินเยวียน

หลัวเวยกลั้นหายใจ สายตาพลางจับจ้องไปที่ภาพวาดโดยไม่รู้ตัว

ครั้นเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก หลัวเวยจึงฉุกคิดได้ว่าต้องโกยอากาศหายใจเฮือกใหญ่

ชั่วขณะนั้น ในที่สุดหลัวเวยก็ตระหนักได้ว่าทำไมหลินเยวียนถึงบอกว่าเวอร์ชันต้นฉบับก่อนหน้านี้เป็นแค่ระดับ ‘นักวาดมืออาชีพ‘

หลินเยวียนมีคุณสมบัติมากพอที่จะพูดแบบนี้!

เมื่อเทียบกับหลินเยวียนแล้ว เธอดูเหมือน ‘นักวาดมืออาชีพ‘ จริงๆ

จู่ๆ หลัวเวยก็นึกถึงคำสัพยอกที่ชิวเตาอวี๋และเซวี่ยไห่กล่าวถึง ‘อิ่งจือ’

ก่อนหน้านี้ หลัวเวยโมโหสุดขีด รู้สึกว่าทั้งสองรังแกคนเขามากเกินไป

ทว่าในขณะนี้ หลัวเวยไม่เพียงไม่รู้สึกโกรธเคือง เธอถึงขั้นเห็นใจทั้งสองคนเสียด้วยซ้ำ

หาเรื่องใครไม่หา มาหาเรื่องอิ่งจือ?

ตอนนี้อิ่งจือซึ่งโกรธจัดยอมทิ้งงานซึ่งทำมาเกือบสองเดือน และปลดปล่อยพลังที่แท้จริงทั้งหมดออกมา…

นั่นไม่ใช่ความเสียหายที่คุณพี่ทั้งสองคนนั้นจะรับไหว!

ครั้งนี้ทั้งสองคนจะถูกส่งตรงไปยังนรกอเวจีในทันที

หากไม่พูดถึงพล็อตเรื่อง ลำพังฝีมือการวาดภาพ ทั่วแคว้นแดนฉู่มีใครที่สามารถเลือกออกมาประลองกับอิ่งจือได้บ้างล่ะ?

อย่างน้อยหลัวเวยก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครมาเทียบกับหลินเยวียนในตอนนี้ได้!

ใช่แล้ว

ถึงแม้หลัวเวยจะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดก่อนหน้านี้หลินเยวียนถึงไม่วาดแบบนี้ แต่เธอก็เชื่อมั่นเหลือเกินว่า ที่อิ่งจือเลือกเปิดเผยฝีมือออกมาตอนนี้ ต้องเป็นเพราะชิวเตาอวี๋และเซวี่ยไห่ไปยั่วโทสะเขาเข้าแล้ว!

เกรงว่าหลังจากนี้ ทั้งสองคนคงมีแต่บาดแผลทางใจ

ใครจะไปคิดล่ะว่าเมื่ออิ่งจือวาดภาพจริงจังขึ้นมาแล้วจะผิดมนุษย์มนาได้ขนาดนี้!?

ต่อให้ไม่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าหลินเยวียน หลัวเวยก็ยังสัมผัสได้ว่าตนกำลังตัวสั่น

“เสร็จแล้ว”

หลังจากง่วนอยู่เกือบสองชั่วโมง ในที่สุดหลินเยวียนก็หยุดมือ

ตอนนั้นท้องฟ้าเป็นสีดำสนิท ในออฟฟิศเหลือเพียงหลินเยวียนกับหลัวเวยสองคน

แต่ถึงอย่างนั้น หลัวเวยก็ไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองที่ถูกรั้งให้ทำงานล่วงเวลา หนำซ้ำยังรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ชื่นชมผลงานระดับปรมาจารย์!

“เรื่องลงสีคุณจัดการนะครับ”

หลินเยวียนลูบมืออันเมื่อยขบของตน

ภาพวาดทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนี้

เพียงแต่หลินเยวียนต้องการให้ผลลัพธ์ของสามสี่ตอนแรกของเรื่องสมุดมรณะเขย่าขวัญผู้อ่าน ดังนั้นจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจถ่ายทอดภาพของนรกออกมา

ภาพวาดนี้ หากจะบอกว่าเปี่ยมไปด้วยสุนทรีย์ทางศิลปะ คงจะพูดได้ไม่เต็มปาก

มีเพียงสองคำสำหรับภาพวาดนี้

อวดฝีมือ!

ตะบี้ตะบันอวดฝีมือ!

เป็นการอวดฝีมือที่งดงามอลังการจนไม่อาจละสายตาได้!

“ลงสี? ฉัน?”

สายตามองภาพวาดของหลินเยวียน ชั่วขณะนั้นหลัวเวยรู้สึกตกประหม่าขึ้นมา

เธอถึงขั้นอยากบอกว่า ‘ฉันไม่คู่ควร’

แต่ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งใหญ่กลับทำให้เธอพยักหน้ารัว

“ได้ค่ะ!”

หลัวเวยรู้สึกปลาบปลื้มจริง ๆ ที่ได้รับเลือกโดยปรมาจารย์

…………………………………………….