ภาค 3 บทที่ 39

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก – ภาค 3 บทที่ 39 พวกเขามาแล้ว
บทที่ 39 พวกเขามาแล้ว
โดย
Ink Stone_Romance
ถูก ไม่ผิด

บรรดาท่านหมอหลวงที่นั่นสีหน้าตื่นเต้น

อาศัยจังหวะที่ชาวบ้านทั้งหลายเพิ่งรู้ข่าว มองดูด้วยความไม่เชื่อ พวกเขารับช่วงต่อเผยแพร่การปลูกฝีให้แพร่หลาย เช่นนั้นวิชาการปลูกฝีนี้ก็อยู่ในกำมือของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“ใต้เท้า พวกเราตอนนี้เข้าวัง…” บรรดาหมอหลวงพากันเอ่ยลุกขึ้นยืน ในเวลานี้เองด้านนอกประตูเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น

ท่านหมอเกิ่งหอบฮักฮักวิ่งเข้ามา

“อาจารย์ แย่แล้ว คนมากมายไปวัดกวงหวาปลูกฝีแล้ว” เขาเอ่ย

เป็นไปได้อย่างไร?

บรรดาหมอหลวงสีหน้าตกตะลึง เจียงโหย่วซู่ก็ลุกขึ้นยืนด้วย

“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอาหลานไปปลูกฝีคนเดียว คนทั้งเมืองก็เชื่อแล้วรึ?” เขาเอ่ย

คนเมืองหลวงโง่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

ท่านหมอเกิ่งส่ายหน้าโบกมือ

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ เป็นนอกเมือง คนมากมายมาจากนอกเมืองหลวงมุ่งไปทางวัดกวงหวาแล้ว” เขาเอ่ย

นอกเมือง?

“ล้วนมาจากนอกเมืองหรือ?” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วประหลาดใจอยู่บ้าง

หลานชายของเขาเมื่อคืนวานก็เริ่มตัวร้อนแล้ว คนแก่คนอายุน้อยในบ้านหวิดร้องไห้ขาดใจ ดีที่เขากัดฟันไล่พวกผู้หญิงไปเรือนด้านหลัง กลัวว่าวันนี้มีคนมาเห็นจะไม่ส่งผลดี

แต่ไม่คิดว่าใกล้จะเที่ยงอยู่แล้ว ไข้ของหลานชายก็ลดไปหมดแล้วก็ไม่เห็นมาสักคน

กลัวใช่หรือไม่? ไม่เชื่อใช่หรือไม่? ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วคาดเดา ให้บรรดาพนักงานไปบอกทุกคนว่าหลายชายของเขาเริ่มมีฝีแล้ว ไม่คิดว่าพนักงานดันวิ่งกลับมาบอกว่าคนในเมืองล้วนไปดูนอกเมืองแล้ว

“คนมากมายเดินทางไปวัดกวงหวาต้องการปลูกฝี”

“ล้วนเป็นสำเนียงต่างถิ่น”

สำเนียงต่างถิ่น?

ไม่รอเหล่าพนักงานเล่ารายละเอียด ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็ตบขาลุกขึ้นยืน

“พวกเขามาแล้ว!” เขาร้องตะโกน

ตอนที่ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วอุ้มหลายชายตัวน้อยไปถึงวัดกวงหวาก็มองเห็นด้านหน้าวัดกวงหวาอันเงียบเหงาที่ไม่เห็นมาหนึ่งวันสองคืน ต่อแถวเป็นมังกรยาวแล้ว

“นี่ล้วนเป็นใครกัน?” เขาเอ่ยถามตกตะลึง

เขาตกตะลึงจริงๆ ดูไปแล้วเหมือนคนทั้งหยางเฉิงมากันหมด

คุณชายถึงกับทำถึงเช่นนี้เชียวรึ? นั่นต้องลงทุนลงแรงมากเท่าใดกัน

นอกจากนี้คนเหล่านี้จำนวนมากยังพาเด็กมาด้วย เห็นชัดว่ามาเพื่อปลูกฝี ไม่ใช่มาเชิญคุณหนูจวินกลับหยางเฉิงช่วยโลกช่วยผู้คน

พาเด็กมาเชียว นั่นย่อมเป็นซื้อชีวิตแล้ว

ที่จริงชีวิตของเด็กก็ขายง่ายอยู่ มีข่าวลือมาอยู่เลือนรางว่าเพราะไม่มีชาวบ้านเป็นฝ่ายมาปลูกฝี ในราชสำนักจึงตัดสินใจให้เด็กกำพร้าในสถานสงเคราะห์เด็กมาปลูกฝีแล้ว

นี่พูดไปก็คือเอาพวกเด็กกำพร้ามาลองยา

ราชสำนักมีอำนาจเด็ดขาด ส่วนคุณชายมีเงิน

“ฟังสำเนียงแล้วเป็นของซานซี”

“ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีของเหอหนานด้วย”

พวกชาวบ้านได้ยินการสอบถามพากันเอ่ยตอบ

คุณหนูจวินเป็นชาวหรู่หนาน ให้คนบ้านเกิดนางมามีเหตุมีผล ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วพยักหน้า คุณชายจัดการได้รอบคอบยิ่งนัก

“ยังมีของเฉินหลิวด้วย”

“ยังมีของเมืองอิ่งชาง”

“ไช่โจว โซ่วโจว หลูโจว…”

สถานที่แต่ละแห่งๆ แจ้งออกมา ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วฟังจนตะลึงไปอยู่บ้าง นี่เหมือนจะเป็นสถานที่ผ่านตามรายทางสินะ

คนในสถานที่เหล่านี้ก็มาด้วยแล้ว? คนของหยางเฉิงกับหรู่หนานแห่มาทางเมืองหลวง ย่อมต้องพักระหว่างทางแน่นอน เหลาสุราโรงน้ำชาศาลาพักม้าร้านแวะพัก ทานอาหารดื่มน้ำชาคุยเล่น ต้องพูดถึงว่ามาจากไหนไปที่ไหนไปทำอไรแน่นอน เรื่องปลูกฝีป้องกันฝีดาษนั่นเป็นถึงเรื่องใหญ่หลวง ต่อให้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก็ไม่มีทางปล่อยความหวังน้อยนิดนี้ไป

ดังนั้นหนึ่งเรียกร้อยขานรับ คนที่ตามมายิ่งมากขึ้นทุกที

นี่ก็สมเหตุสมผล

ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วอุ้มเด็กสีหน้าเต็มไปด้วยความนับถือและประหลาดใจ หรือเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่คุณชายจัดการไว้?

“คนเหล่านี้เชื่อขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?”

“พวกเขาไม่กลัวกันรึ?”

“พวกเขาเป็นใครกัน?”

บรรดาชาวบ้านเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

ผู้ชายอ้วนคนหนึ่งจูงเด็กสี่คนกำลังเบียดไปข้างหน้าได้ยินเข้า อดไม่ได้แค่นเสียงหัวเราะ

“พวกเจ้าช่างไม่มีความรู้จริงๆ” เขาเอ่ย

แม้เขามาเมืองหลวงครั้งแรก แต่เวลานี้นาทีนี้มองเห็นชาวบ้านเมืองหลวงตระหนกตกใจกับเรื่องเล็กน้อยประหนึ่งไก่ไม้เหล่านี้ก็อดสนุกไม่ได้ ความขลาดกลัวสักนิดก็ไม่มีกลับรู้สึกเหนือกว่าอย่างยิ่ง

“คุณหนูจวินร้ายกาจมากเพียงไรพวกเจ้าไม่รู้รึ?” เขาเอ่ยต่อ เหยียดมองจากเบื้องบนมองด้วงดินเมืองหลวงฝูงนี้

เจ้าหมอนี่

ชาวบ้านเมืองหลวงถลึงตา

คุณหนูจวินร้ายกาจมากเท่าใดพวกเขาเดิมทีก็รู้

“แต่นางรักษาฝีดาษไม่หาย” ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ย “นางพูดว่ารักษาได้ต่อมาก็พูดว่ารักษาไม่ได้”

คนที่กลับกลอกไปมาคุยโวใหญ่โตเช่นนี้จะเชื่อได้อย่างไร

เจ้าคนบ้านนอกคนนี้อะไรก็ไม่รู้ล่ะสิ ได้ยินคนอื่นยุยงปุบก็ไม่กลัวตายวิ่งมา โง่ไม่โง่ มาลองยาให้คนอื่น

ผู้ชายอ้วนตบพุงหัวเราะแล้ว

“คุณหนูจวินบอกว่ารักษาไม่หาย ถ้าอย่างนั้นก็รักษาไม่หายสิ” เขาเอ่ย

นี่เรียกคำพูดอะไร? ชาวบ้านเมืองหลวงดวงตาเล็กๆ ถลึงโต สมองคนผู้นี้มีปัญหาใช่ไหม

“พวกเจ้าน่ะ ตัวมีบุญยังไม่รู้ตัว คุณหนูจวินร้ายกาจมากเท่าใด พวกเจ้ายังไม่รู้” ผู้ชายอ้วนเอ่ย มองพวกเขาจิ๊ปากส่ายศีรษะ ยื่นมือจูงเด็กๆ ข้างตัวอีกครั้ง

คุณหนูจวินร้ายกาจมากเท่าใด….

ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วมองผู้ชายคนนี้ เขาผ่านประสบการณ์มามากดูออกว่าผู้ชายคนนี้เอ่ยคำนี้ด้วยความจริงจากใจ หากไม่ใช่นับถือคุณหนูจวินจริงๆ ถ้าอย่างนั้นทักษะการแสดงของคนผู้นี้ก็ใต้หล้าไร้คู่ต่อกรจริงๆแล้ว

นี่เป็นชาวหรู่หนาน

ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วคิดถึงเรื่องของคุณหนูจวินที่หรู่หนานในคำเล่าลือ สู้ผู้ดีชนบทเปิดโรงหมอจิ่วหลิงบนซากปรักหักพัง งดเว้นค่าตรวจแจกยาให้เปล่าฝีมือเยี่ยมโรคร้ายหายดี

เดิมทีคิดว่าว่าเรื่องเหล่านี้เล่าเกินจริง แต่ตอนนี้ดูแล้วชื่อเสียงของคุณหนูจวินที่หรู่หนานคงไม่ธรรมดา

บางทีคนเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ถูกนายน้อยยุยงมา

พวกเขาที่แท้เป็นใครกัน?

ได้ยินเสียงเอะอะข้างนอก พวกคุณหนูจวินกับท่านหมอเฒ่าเฝิงก็เดินออกมาด้วย มองเห็นข้างล่างบันไดคดๆเคี้ยวๆ ด้านนอกวัดคนอออยู่เต็ม ทหารของกรมทหารม้าห้าเมืองกำลังรักษาระเบียบอยู่

กวาดตาคร่าวๆ ทีหนึ่ง ไม่ต่ำกว่าหลายร้อยคน

พวกท่านหมอเฒ่าเฝิงก็ตกใจสะดุ้งโหยง

“ทำไมคนมากมายขนาดนี้?” พวกเขาเอ่ย อดไม่ได้มองคุณหนูจวิน

ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วของเต๋อเซิ่งชางพาหลานชายมาทำเป็นตัวอย่าง ถึงกับมีพลังเรียกคนมากขนาดนี้เชียวหรือ?

เวลานี้มีคนตาแหลมมองมาด้านนี้

“คุณหนูจวิน!” หูกุ้ยร้องเสียงดัง ยกมือตื่นเต้น “คุณหนูจวิน!”

คำพูดนี้ทำให้คนอื่นล้วนมองมาด้วย โบกมือร้องตะโกนเสียงดังตื่นเต้นขึ้นทันที

“คุณหนูจวินเชิญกลับไปกับพวกเราเถอะ!”

“คุณหนูจวินสหายร่วมบ้านเกิดทั้งหลายรอท่านมาปลูกฝีช่วยชีวิตอยู่นะ!”

“คุณหนูจวิน!”

“คุณหนูจวิน!”

เสียงแล้วเสียงเล่ากระจายออกไปดั่งคลื่นน้ำ เสียงเชื่อมกลืนด้านนอกวัดทั้งหมดไป

พวกท่านหมอเฒ่าเฝิงตะลึงตาโตอ้าปากค้าง

คุณหนูจวินมุมปากปรากฏรอยยิ้ม

“พวกเขามาแล้วนี่เอง” นางเอ่ย

พวกเขา?

พวกเขาเป็นใคร? พวกเขาคือเขากับพวกเขา

เขารวมถึงพวกเขาเป็นคนที่ได้นางช่วยชีวิตไว้ เคยได้ความเมตตาจากนางไป เขารวมถึงพวกเขาคือคนที่เชื่อในตัวนาง ฟังหนึ่งคำเรียกของนางร้อยคนขานรับ

……………………………………….