ตอนที่ 388 ขอเพียงนางยังมีชีวิตอยู่ (4)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 388 ขอเพียงนางยังมีชีวิตอยู่ (4)

“ท่านแม่ ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้างนอกนั่นลือเกี่ยวกับตระกูลหนิงของพวกเราว่าอย่างไร พวกเขาล้วนพูดกันว่าสาเหตุที่ตระกูลหนิงของพวกเราเป็นตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยอันดับหนึ่งในใต้หล้า กุมอำนาจดูแลการเงินในใต้หล้า ก็เพราะว่าพวกเราปล้นชิงทรัพย์สินทำทุกสิ่งทุกอย่าง เงินเหล่านั้นทั้งหมดล้วนเป็นเงินที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย! และท่านรู้ไหมว่าข่าวลือพวกนี้ล้วนมาจากที่ใด ล้วนเป็นตระกูลอวี่เหวิน! หลายปีมานี้ตระกูลอวี่เหวินกระทำเรื่องราวเลวร้ายต่างๆ นาๆ ในเมืองหลวงและรอบๆ เมือง เมื่อพบกับผู้ที่ความสามารถและแข็งแกร่งก็เอ่ยถึงตระกูลหนิงของพวกเราออกมา! ในภายหลังรู้สึกว่าหนทางนี้ใช้ได้ จึงใช้ชื่อตระกูลหนิงของพวกเราทำเรื่องเลวทราม รีดไถเงินไปทั่ว…ถ้าตระกูลหนิงไม่ได้ควบคุมหอลับอยู่ หากตระกูลหนิงไม่ได้มีอำนาจลึกลับที่ผู้คนไม่รู้ ถ้าบรรพบุรุษไม่ได้ทิ้งวิธีการฝึกกำลังภายในเอาไว้…เหล่าคนที่จ้องตาเป็นมัน ลอบสอดแนมไปทั่วพวกนั้นคงจะมุ่งมั่นแบ่งกันกินไปแล้ว ราชวงศ์ตระกูลกูคงจะใช้แต่ละเรื่องมากำหนดโทษทัณฑ์ตระกูลหนิงไปนานแล้ว…”

เอ่ยถึงตรงนี้ ในใจหนิงเหล่าเหยียก็รู้สึกแย่เช่นกัน ไม่ได้ดีไปกว่ามารดาของเขาเท่าใดนัก! แต่บางคำพูด เขาต้องพูดให้กระจ่างใจ!

“ปีนั้นท่านมอบอวี่เหวินลู่เอ๋อร์อนุภรรยานางนั้นให้ลูก ท่านยังจำได้หรือไม่ นางแพศยาลู่ผู้นั้น ตอนนั้นมารดาของเซ่าชิง ภรรยาเอกของลูกตั้งครรภ์ชิงเอ๋อร์ สุขภาพไม่ดี นางไม่เพียงแต่ไม่ปรนนิบัติตามมารยาทที่อนุภรรยาพึงกระทำ ยังจะวางมาดอวดเบ่งต่อหน้าเทียนเอ๋อร์ที่เป็นมารดาของเซ่าชิงอีก ทั้งกล่าววาจาที่ทำให้เกิดโทสะ พูดว่ารอฮูหยินคลอดเซ่าชิงแล้ว ท่านจะเป็นฝ่ายตัดสินใจอุ้มมาให้นางเลี้ยง จากนั้นก็จะให้ข้ามอบหนังสือหย่าให้นาง ส่งนางกลับตระกูลมารดา! พูดว่าลูกจะเลื่อนนางเป็นฮูหยินรองอะไรนั่น จึงไม่ต้องทำความเคารพนาง! ยังมี…มารดาของเซ่าชิงถูกยั่วให้โมโหตายด้วยเหตุนี้! ถ้าหากเบื้องหลังไม่ได้มีท่านหนุนหลังอยู่ อาศัยแค่นางที่เป็นอนุภรรยาคนหนึ่งจะกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้หรือ!”

การตายของมารดาหนิงเซ่าชิงเป็นหนามแหลมทิ่มแทงใจของหนิงเหล่าเหยียไปชั่วชีวิต!

ตอนนั้นเขาอายุยังน้อยจึงประมาทเลินเล่อ บวกกับเพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าตระกูล มีกิจธุระเยอะมาก จึงไม่มีเวลาจะมาสนใจมากไปกว่านี้ มารดาของเซ่าชิงก็มีนิสัยอดทน มีเรื่องอันใดก็ไม่พูดกับเขา เพียงแค่ทำสีหน้าไม่ดีใส่เขาเท่านั้น

ดังนั้น ระหว่างคนทั้งคู่จึงเกิดความอึดอัดใจเล็กน้อย

ดังนั้นถึงได้ให้นางแพศยานั่นฉวยโอกาสเอาได้!

รอจนเขารู้ความจริง มารดาของเซ่าชิงก็ไม่ไหวแล้ว! พูดอันใดล้วนสายไปแล้ว…ดังนั้น นี่คือความเกลียงชังที่ลึกล้ำที่สุดในชั่วชีวิตนี้ของเขา!

เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า หนิงเหล่าเหยียนั้นเชื่อฟังมาโดยตลอด แต่วาจาที่กล่าวมาในวันนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามึนงงเล็กน้อย

ฮูหยินผู้เฒ่ากระวนกระวายใจ คิดจะเอ่ยปากโต้กลับ ทว่า วันนี้หนิงเหล่าเหยียเปิดประเด็นขึ้นมาแล้ว เขาจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัว

เขาเอ่ยต่อว่า “ลูกทนรับความเจ็บปวดจากการสูญเสียภรรยาแล้ว ท่านแม่ยังคิดจะมอบสตรีตระกูลอวี่เหวินพวกนั้นให้กับเซ่าชิง เพื่อสร้างหายนะให้กับเรือนหลังของเขาอีกหรือขอรับ”

ฟังหนิงเหล่าเหยียที่เอ่ยเรื่องแล้วเรื่องเล่าด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ฮูหยินผู้เฒ่าก็อับอายจนกลายเป็นมีโทสะแทน “พอได้แล้ว สตรีตระกูลอวี่เหวินจะกลายเป็นตัวหายนะได้เช่นไร…”

เพียงแต่ ในเมื่อหนิงเหล่าเหยียทุ่มหมดหน้าตักแล้ว ก็ไม่คิดจะให้โอกาสฮูหยินผู้เฒ่าได้เอ่ยวาจา หวนนึกถึงหลายปีมานี้ ความทุกข์ทรมานที่ได้รับทั้งหมด หนิงเหล่าเหยียก็สะเทือนใจจนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น “ท่านแม่ ลูกลำบากเพียงคนเดียวก็พอแล้ว ท่านอย่าทำให้เซ่าชิงลำบากใจเลยขอรับ…แค่กๆ…”

ความสะเทือนใจทำให้โรคที่ไม่ได้บอกใครกำเริบ หนิงเหล่าเหยียยังเอ่ยไม่ทันจบ ก็ไอขึ้นมาอย่างรุนแรงอย่างกลั้นไม่อยู่

แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะมีโทสะ แต่ส่วนลึกในจิตใจก็สงสารบุตรชาย ภายในใจยังมีความละอายใจ จึงกดเสียงลงต่ำเล็กน้อย “เทาเอ๋อร์ สุขภาพของเจ้าดีขึ้นบ้างไหม…เรื่องตระกูลอวี่เหวินมีเซ่าชิงอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวลใจมาก…”

ประโยคห่วงใยก่อนหน้านี้ทำให้ในใจหนิงเหล่าเหยียรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ทว่าประโยคหลังกลับวนมาหาตระกูลอวี่เหวินอีก หนิงเหล่าเหยียท้อแท้ในทันที หลังจากไอเสร็จแล้ว หนิงเหล่าเหยียก็ก้าวเดินออกไปโดยไม่สนใจฮูหยินผู้เฒ่าอีก แต่ที่หน้าประตูกลับ…

“เซ่าชิง!”

หนิงเซ่าชิงที่เพิ่งกลับมาจากการเหน็ดเหนื่อยจากการตะลอนยืนอยู่นอกประตู เขาในตอนนี้ สีหน้าเขียวคล้ำ! ทนเก็บความโมโหเอาไว้!

เมื่อเขากลับมาก็ได้ยินเหล่าทาสรับใช้พูดว่าสุขภาพของฮูหยินผู้เฒ่าไม่ค่อยดี จึงเรียกให้หนิงเหล่าเหยียไปปรนนิบัติ ในใจก็เป็นห่วง ถึงได้รีบร้อนมาที่นี่

ฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ในห้องย่อมได้ยินชื่อที่หนิงเหล่าเหยียตะโกนเรียกเช่นกัน จึงเกิดความรู้สึกกระสับกระส่าย ลนลานเป็นอย่างมาก!

“เซ่าชิงกลับมาแล้วหรือ เข้ามาสิ ให้ย่า…ให้ย่าดูหน่อย…” เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าถูกหนิงเซ่าชิงที่ยืนอยู่หน้าประตูทำให้ตะลึงไปแล้ว!

กระทั่งน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็สั่นเทา!

ไม่ใช่กลัวว่าหนิงเซ่าชิงโมโหขึ้นมาแล้วจะจัดการยายเฒ่าอย่างนาง แม้ว่าหนิงเซ่าชิงจะมีความกล้ากว่านี้อีกสิบเท่า เขาก็ไม่กล้าลงมือกับย่าของตนเอง!

ที่นางกลัวก็คือ หนิงเซ่าชิงจะได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกนางแม่ลูกทั้งหมดแล้ว จากนั้น…จากนั้นก็จะจ้องหาโอกาสแก้แค้นตระกูลอวี่เหวิน!

จนกระทั่งตอนนี้ หนิงเหล่าฮูหยินก็ยังคงไม่ลืมปกป้องตระกูลอวี่เหวิน!

หนิงเซ่าชิงไม่สนใจเสียงตะโกนเรียกของหนิงเหล่าฮูหยิน เพียงแต่จ้องมองบิดาตนเองนิ่งๆ ก็เห็นจอนผมทั้งสองข้างของบิดาเขาขาวไปครึ่งหนึ่ง รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า กับสุขภาพที่ไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน…

แค่กๆ… ท่ามกลางความเงียบปรากฏเสียงไอที่กลั้นเอาไว้ดังขึ้น ดึงสติหนิงเซ่าชิงกลับคืนมา

หนิงเหล่าเหยียไม่อยากแสดงความอ่อนแอต่อหน้าบุตรชายมากเกินไป จึงฝืนข่มและเคลื่อนย้ายลมปราณกดทับสิ่งที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกายเอาไว้จนใบหน้าแดงก่ำ ถึงได้จัดการลมปราณกลุ่มนั้นเรียบร้อย

หนิงเซ่าชิงมองบิดาที่มีท่าทางเช่นนี้แล้วก็ปวดใจเป็นที่สุด

เขาไม่รู้เลยว่าสภาพเช่นนี้ของบิดาเขาเกิดจากการถูกเซี่ยซื่อ สตรีแพศยานางนั้นวางยาพิษ หรือว่าถูกท่านย่าที่ไร้หัวใจ แม้ว่าจะมีแต่ก็ลำเอียงนั้นทรมานกันแน่!

ตุบ!

หนิงเซ่าชิงคุกเข่าลงข้างเท้าหนิงเหล่าเหยียด้วยสีหน้าทรมานใจ และหดหู่!

“ท่านพ่อ! หลายปีมานี้ ท่านได้รับความลำบากแล้ว…”

…….

การชมบุปฝาท่ามกลางสวนร้อยบุปผาในเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างวันนั้น มั่วเชียนเสวี่ยได้ออกเดินทางล่วงหน้า แต่เฟิงอวี้เฉินกลับไม่ได้ไปด้วย

มั่วเชียนเสวี่ยถูกชะตากับหลันรั่วเมิ่งผู้เป็นบุตรีภรรยาเอกตระกูลหลัน และคิดจะจับคู่ให้ตนเอง เฟิงอวี้เฉินเห็นอยู่ในสายตา แม้ในใจจะเสียใจจนแทบทนไม่ไหว แต่สุดท้ายก็ไม่อยากจะต่อต้านความหวังดีของมั่วเชียนเสวี่ย

ตอนนี้ญาติผู้น้องมีหนิงเซ่าชิงคอยปกป้อง มีซูชีคุ้มกันอย่างลับๆ วันนี้เรื่องที่ตนเองสามารถทำเพื่อนางได้นั้นน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย นางอยากให้หลันรั่วเมิ่งเป็นฮูหยินดูแลตระกูลเฟิง เป็นพี่สะใภ้ของนาง ตนเองจะไม่ทำให้นางสมปรารถนาได้เช่นไร

แต่ แม้ว่าเฟิงอวี้เฉินอยากจะทำให้มั่วเชียนเสวี่ยสมปรารถนา แต่เขากลับไม่ใช่คนที่อะไรก็ได้

สิ่งที่เฟิงอวี้เฉินพิจารณาก็คือต้องการหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะเป็นนายหญิงตระกูลเฟิง หาคนที่เป็นสหายคอยปกป้องญาติผู้น้องด้วยกันกับเขาคนหนึ่ง หาคนที่ทำให้บิดามารดาพอใจ ในการแต่งงานครั้งนี้ สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยพิจารณาเลยก็คือหัวใจของตนเอง

หัวใจของเขาสูญหายไปนานแล้ว

เขาต้องสังเกตดูหลันรั่วเมิ่งผู้นี้ให้ละเอียด ถ้าหากว่านางไม่ได้คิดจะเป็นมิตรกับเสวี่ยเอ๋อร์ด้วยความจริงใจจริงๆ แต่เป็นคนต่ำช้าที่เต็มไปด้วยอุบาย เพื่อที่จะดึงความสนใจจากตนเองถึงได้ทำดีและใช้ประโยชน์จากเสวี่ยเอ๋อร์

ในเวลาเดียวกันกับที่เขาเมินเฉยใส่ ก็จะคิดหาวิธีให้เสวี่ยเอ๋อร์ได้รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของนาง ล้มเลิกความหวังดีของนาง เขาเชื่อว่าถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ มั่วเชียนเสวี่ยไม่มีทางบังคับตนเอง และไม่มีโทษตนเองเด็ดขาด

—————————–