บทที่ 349 : เดินระวังหน่อยนะครับ
บทที่ 349 : เดินระวังหน่อยนะครับ
เกร็กกระสับกระส่ายโอดครวญมาตลอดคืน ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับข่าวสถานการณ์ที่น่าจะร้ายแรงสำหรับโจเซฟ
ความกดดันมหาศาลในการช่วยเหลือทั้งโจเซฟและคนอื่น ๆ ในซอยเจ็ดสิบหกต่างตกอยู่บนตัวของเขา ทำให้เขาอึดอัดทั้งร่างกายและวิญญาณถึงขีดสุด
แล้วตอนนี้ เขาก็ถูกความสามารถของเฟจกระตุ้นให้ตื่นตัวอีกครั้ง แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกโป่งน้ำที่ใกล้จะแตกอยู่รอมร่อ ตราบใดที่ออกแรงอีกสักนิด
แต่สำหรับอดีตคนเร่ร่อนที่เปลี่ยนเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติป้ายแดงอย่างเฟจ เขาไม่เคยบาดเจ็บขนาดนี้มาก่อน
ความเจ็บปวดกะทันหันนี้แทบจะทำให้เขาร้องไห้
โชคยังดีที่เขาไม่ใช่เฟจคนก่อนแล้ว เขาใช้ความสามารถของตัวเองปกป้องจิตใจไม่ให้รู้สึกเจ็บทันที เหลือเพียงเศษเสี้ยวของความเจ็บปวดที่ทำให้ร่างสั่นเทาและเหงื่อแตกซิก
ผลของการเผชิญหน้าในครั้งนี้คือแพ้ทั้งคู่
เกร็กคิดในใจ เจ้าปีศาจนี่ชอบบงการเจตจำนงของคนอื่น แถมยังชอบโผล่มาตอนชาวบ้านกำลังจะตีกันด้วย ใครมันจะไปเชื่อฟะว่านี่เรื่องบังเอิญ?!
เขาลอบกัดฟันอย่างแค้นเคือง มันเหมือนกับว่าในตอนแรก เจ้าของร้านหนังสือจะจงใจทำให้เขาเห็นโจเซฟทรุดลงไปกองกับพื้น สร้างเป็นเงาทางจิตวิทยาที่ไม่สามารถลบเลือนได้
แล้วตอนนี้ ยังจงใจทำให้เขาต้องมารับภารกิจที่หนักหนานี่อีก
ถ้าตัวเองไม่สามารถก้าวข้ามเงาในใจนี้ไปได้ เขาจะไม่สามารถทะลวงทางตันนี้ได้เลย
เรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ เขาไม่รู้ว่าจะไปหาผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมาจากไหนอีก เห็นได้ชัดว่าคน ๆ นี้เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติหน้าใหม่ที่ไม่เคยเปิดเผยตัวที่ไหนมาก่อน แต่เขากลับถูกเปลี่ยนเป็นสาวกผู้ภักดีในพริบตา
จากข้อมูลของเฟจที่เขาไปสอบถามวินสตันเมื่อวานนี้ เจ้าหมอนี่ดูเหมือนจะได้เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจากความเกี่ยวข้องที่ไม่คาดฝันกับวิถีแห่งดาบอัคคีในแผน ‘เจียรบริสุทธิ์’ ที่หอพิธีกรรมต้องห้ามตามรอยอยู่ ซึ่งเป็นแผนที่เกี่ยวข้องกับมือสังหารเงาด้วย
ผู้ที่ถูกแผนนี้แทรกแซงต่างมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือเป็นคนธรรมดาที่ถูกเปลี่ยนเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในทันทีทันใด
ทว่าก่อนหน้านี้ เฟจและร้านหนังสือไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันสักนิด ดังนั้นเขาจึงถูกบันทึกไว้แค่ชื่อกับข้อมูลที่ไม่สลักสำคัญนิดหน่อยเท่านั้น
ทว่าในเมื่อเจ้าของร้านหนังสือได้เลือกติดต่อกับเขา ดังนั้นคงเป็นการวางแผนอย่างจงใจมาก่อนแล้ว
มีเพียงเบาะแสพวกนี้ที่พันกันยุ่งเหยิงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับเส้นด้าย การทำความเข้าใจจุดประสงค์ที่เขามางานเลี้ยงในครั้งนี้ก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆ…
เกร็กหันไปมองเฟจ ในเมื่อเขาไม่สามารถหาคำตอบจากตัวเจ้าของร้านหนังสือได้โดยตรง เขาก็ควรเริ่มจากคน ๆ นี้ก่อน
หลินเจี๋ยมองเกร็กกับเฟจที่ยืนจ้องหน้ากันตาปริบ ๆ เขารู้สึกเสมอว่าเจ้าสองคนนี้มีบางอย่างแปลก ๆ
ถ้าต้องใช้คำไหนมาอธิบาย…ก็คงเป็น ‘มีกลิ่นเขม่าดินปืนลอยในอากาศ’
สองคนนี้มีข้อขัดแย้งอะไรกันหรือเปล่า?
พวกเขาเพิ่งเจอกันเมื่อคืนวานนี้เองไม่ใช่เหรอ? ไหงตื่นเช้ามาสองคนนี้กลับดูเหมือนโจทก์เก่ากลับมาเจอกันได้ล่ะ?
เมื่อเห็นสภาพทั้งสองที่ต่างฝ่ายต่างซูบซีดแล้ว…ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้จะเกิดเรื่องที่ทั้งสองคิดว่าคนอื่นจะไม่รู้ขึ้น
อืม…ในฐานะเพื่อนผู้มีเจตนาดีอย่างเรา ไม่เข้าไปยุ่งจะดีกว่า
มันต้องไม่ใช่ความรู้สึกแข่งขันระหว่างลูกค้าในการเพิ่มยอดขายให้หนังสือแน่ ๆ!
หลินเจี๋ยยิ้มให้ทั้งสองแล้วพูดว่า “คงไม่ต้องแนะนำตัวกันแล้วล่ะมั้ง พูดให้ถูกก็คือ พวกคุณน่าจะรู้จักกันดีแล้วใช่ไหมครับ?”
เกร็กพยักหน้า แต่เฟจส่ายหัว
หลินเจี๋ยทำหน้าสงสัย “?”
ทั้งสองมองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่าเกร็กทำหน้าซังกะตาย แต่เฟจกลับเห็นความรังเกียจและดูแคลนเหมือนจะพูดว่า ‘ฉันมองนายทะลุปรุโปร่งแล้ว แต่นายไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฉันเลย’
เฟจย่อมทนดูสีหน้าเย่อหยิ่งมองคนด้วยหางตาแบบนั้นไม่ได้ เขายิ้มอย่างโกรธเคืองแล้วรีบเสนอหน้าไปคุยกับหลินเจี๋ยทันที “ดูเหมือนผมจะไม่รู้อะไรจริง ๆ ครับ คุณหลินช่วยแนะนำผมหน่อยสิ ผมมีเรื่องอยากถามคุณเยอะแยะเลย อย่างเช่น ผมอ่านหนังสือที่คุณให้ผมมาเมื่อวานนี้แล้วนะ เนื้อหา…”
เกร็กไม่คิดเลยว่าการกระทำเช่นนี้ของเขาจะเป็นการปล่อยให้เฟจมีข้ออ้างพูดคุย
เฟจพูดไม่หยุดปาก ไม่สามารถพูดแทรกได้เลย
หลินเจี๋ยเองก็ชอบการตอบคำถามอย่างอบอุ่น และทั้งสองก็พูดคุยกันอย่างมีความสุขเสียมาก ๆ
เกร็กรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก
ไม่สิ เด็กหนุ่มสูงศักดิ์กัดฟันกรอด เจ้าคนที่เอาแต่พูดไม่หยุดนี่หน้าหนาเกินไปต่างหาก!
แต่โชคดีที่หลินเจี๋ยมักจะ ‘พูดคุยอย่างทั่วถึง’ เขาจึงหาจังหวะหันมาถามเกร็กด้วย “คุณน้องจะไปทานอาหารเช้าด้วยกันไหมครับ?”
ค…คุณน้อง?
เกร็กเกือบหลุดสีหน้า ถึงเขาจะรู้ว่าเจ้าของร้านหนังสือเรียกคนอย่างไวลด์ว่า ‘เฒ่าไวลด์’ ก็ตาม แต่เมื่อตัวเองมาโดนตั้งชื่อเล่นเสียเอง ก็พบว่าทำใจยอมรับได้ยากนิดหน่อย…
“ไปครับ!”
เกร็กตัดสินใจเลิกคิด
เขาคว้าโอกาสพูดในครั้งนี้แล้วพูดต่อทันที “ที่จริงแล้ว ผมเคยได้ยินจากคุณโจเซฟถึงความพิเศษของร้านหนังสือของคุณด้วย และผมก็สนใจหนังสือที่คุณขายมากเลย ถ้าคุณคิดถึงความกังวลของผมที่เห็นเมื่อวาน พอจะมีหนังสือแนะนำไหมครับ?”
เฟจแสร้งยิ้ม “โอ๊ะโอ ได้เวลาอาหารเช้าแล้วครับ เราไปทานข้าวกันก่อนเถอะ พองานเลี้ยงเริ่มจะไม่มีการเติมอาหารเช้าแล้ว ทำเวลากันก่อนดีกว่านะครับ”
อีกแล้วเรอะ!
เกร็กอยากจะกระโดดหักคอเจ้าหมอนี่เหลือเกิน ความดันที่เพิ่มสูงทำให้เขาสัมผัสได้ว่าเส้นเลือดที่ขมับของเขากำลังปูดขึ้นและเต้นตุบ ๆ หลังจากสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ เขาก็ทำสมาธิร่ายมนตร์สร้าง ‘จาระบี’ ในใจ
นักเวทมนตร์ดำไม่ใช่เจ้าทึ่มที่ใครคิดจะรังแกก็ทำได้นะเฟ้ย…
ป้าบ!
เฟจเท้าลื่นร่วงหัวทิ่มกับพื้นอย่างแรงทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นโกรธเคืองอย่างอับอาย
จริงอยู่ที่เขาปิดกั้นความเจ็บปวดของตัวเองไปเมื่อครู่ แต่เขารับความรู้สึกที่ต้องขายหน้าต่อหน้าหลินเจี๋ยไม่ได้!
เจ้าของร้านหลินตะลึงที่เห็นคนหัวทิ่มคาพื้นเรียบ ๆ “คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
เฟจตะเกียกตะกายลุกขึ้นแล้วแสร้งทำเป็นร่าเริง “ไม่เป็นไรครับ…”
หลินเจี๋ยก้มมองพื้น มีแอ่งของเหลวส่องประกายอยู่บนนั้นทั้ง ๆ ที่วินาทีก่อนไม่มีอยู่
เขาลูบคาง ขมวดคิ้วแล้วมองไปรอบ ๆ “น้ำมันมาจากไหนเนี่ย? จะบอกว่ารั่วออกมาเหรอ แต่ก็ไม่น่า…”
คฤหาสน์แบบที่มีคนคอยดูแลทุกวี่วันมีปัญหาแปลก ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?
เขาพลันมองเกร็กด้วยสีหน้าเคลือบแคลง
หัวใจของเกร็กกระตุกวูบ สังหรณ์ร้ายในใจราง ๆ
มันดูเหมือนเจ้าของร้านหนังสือจะตรวจจับเหตุการณ์จริงได้แล้ว และเรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิด…
เขาพูดอย่างทื่อ ๆ “เอ่อ…มันเป็นเรื่องปกติครับ ที่จริงแล้วจาระบีชนิดพิเศษมักจะถูกนำมาใช้ในการขัดเงาสิ่งของและอาจจะมีส่วนที่หกเหลืออยู่บ้าง พอเปิดเครื่องทำความร้อน จาระบีก็ละลายลงพื้นไป แต่อาจซึมขึ้นมาได้อีกถ้ามีคนเดินผ่านครับ”
หลินเจี๋ยเลิกคิ้วถาม “จริงเหรอครับ?”
เกร็กพยักหน้าแล้วตบอกของเขา “ในฐานะผู้ดี ผมพอจะรู้เรื่องของสิ่งปลูกสร้างแบบนี้นิดหน่อย คุณเชื่อผมได้เลยครับ”
หลินเจี๋ยคิดเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล เพราะถึงอย่างไรเกร็กก็เป็นผู้ดีตัวจริง เฮ้อ…พวกคนรวยนี่เลวร้ายจริง ๆ
เขาส่ายหน้าแล้วตบแขนเฟจ “เดินระวังหน่อยนะครับ อย่าลื่นล้มอีก ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะโดนหามส่งโรงพยาบาล อดร่วมงานเลี้ยงครั้งต่อ ๆ ไปนะ”
เฟจตัวสั่น แขนที่โดนตบคือแขนข้างที่โดนบิด…
เจ้าของร้านหลินกำลังเตือนเขาอยู่หรือเปล่าว่า ถ้าเขาไม่แข็งแกร่งพอ เขาจะถูกกำจัด?!