บรรยากาศบริเวณรอบๆ เมืองที่พังทลายนั้นอันตรายถึงชีวิต เมืองที่เคยเป็นสนามรบของสงครามครั้งใหญ่ในอดีตกำลังจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง กำแพงที่เคยพังทลายของเมืองถูกสร้างขึ้นใหม่สำหรับสงครามอีกครั้ง ซึ่งยังไม่มีใครเห็นผลลัพธ์

“มอนสเตอร์รอบแรกมาแล้ว ส่วนใหญ่อยู่ในระดับต้นกำเนิดขั้น 3 ในขณะที่ท้องฟ้าถูกยึดครองโดยเจ้าพวกโฟลเดียน” 

ปีศาจรูปร่างผอมบางพูดออกมา โดยใช้สายเลือดพิเศษของเขาเพื่อส่งข้อความไปยังคนที่อยู่ด้านบน 

มนุษย์หญิงสาวที่นั่งทำสมาธิภายใต้การคุ้มครองก็ได้รับข้อความเช่นกัน มือของเธอส่องแสงขณะที่เธอเริ่มค้นหาจุดอ่อนที่เป็นไปได้และข้อมูลเกี่ยวกับพวกมอนสเตอร์ฝูงแรก ใกล้ๆ ตัวเธอมีคนอยู่อีก 4 คนตั้งแต่เอลฟ์ไปจนถึงปีศาจ พวกเขาเองก็เป็นคนที่มีความจำหรือความสามารถพิเศษที่ช่วยให้มองเห็นจุดอ่อนหรือจดจำได้เช่นกัน พวกเขาพบข้อมูลทั้งหมดอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งข้อมูลโดยใช้การสื่อสารพิเศษที่เตรียมไว้ ในไม่ช้ากลุ่มโจมตีกลุ่มแรกก็ได้รับรู้ข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขาต้องการ

“รุ่นพี่คาร์เมล เริ่มโจมตีรอบแรกได้เลยครับ” 

ออสตินสื่อสาร ซึ่งคาร์เมลที่กำลังดูแลพื้นที่ที่มีการโจมตีหนาแน่นที่สุดก็ตอบกลับมา

“จะต้องไม่มีอะไรผ่านจุดแรกไปได้” 

เสียงของเธอเข้ามาในหัวของออสตินขณะที่เขายิ้ม 

ในไม่ช้ามอนสเตอร์กลุ่มแรกก็อยู่มาถึงยังจุดหมายแรก 

ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยฝูงโฟลเดียนซึ่งเป็นลูกผสมของไวเวิร์นและนก หัวบนของพวกมันมีเขาที่ส่องแสงเป็นลางร้าย ในขณะที่พื้นดินเต็มไปด้วยมอนสเตอร์อื่นๆ อีกหลายชนิด ดวงตาอันบ้าคลั่งของพวกมันจับจ้องไปที่เมืองด้วยความกระหายเลือดที่ถูกแผ่ออกมาทั่วสถานที่ นักเรียนหลายคนถอยกลับท่ามกลางแรงกดดันมหาศาลที่ปกคลุมเมืองจากทุกแห่ง

“ประจำตำแหน่งเอาไว้” 

คาร์เมลออกคำสั่ง เสียงของเธอดังก้องไปทั่วผู้โจมตีระยะไกลที่ประจำการอยู่ที่แต่ละมุมเมือง 

“จงจำไว้ว่าพวกเธอทุกคนจะเป็นฝ่ายโจมตีครั้งแรกและจงอย่าถอยกลับ เพราะมันขึ้นอยู่กับเราที่จะเป็นคนกำหนดแนวทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับการต่อสู้ที่อยู่ข้างหน้า” 

คาร์เมลพูดเพื่อบรรเทาความรู้สึกตึงเครียดของทุกคน มือของเธอกระชับลูกธนูที่ถืออยู่ ดวงตาอันสงบนิ่งของเธอเพ่งไปที่ศัตรูที่อยู่ข้างหน้า

“อย่าสูญวอกแวกในตอนร่ายเวทย์ ความสงบคือกุญแจสำคัญ” 

อิซาเบลล่าพูดด้วยความสงบและเย็นชา แต่นั่นแหละคือเธอ “การให้กำลังใจ” ของเธอช่วยให้จอมเวทย์ระยะไกลใจเย็นลงได้ เพราะเข้าใจว่ายิ่งจิตใจยุ่งวุ่นวายมากเท่าไร การแสดงพลังของพวกเขาก็จะยิ่งวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น

ความรู้สึกสงบนิ่งถูกนำมาสู่บรรยากาศบริเวณโดยรอบขณะที่ทุกคนยืนจำประจำแหน่งของตนเองทั้งมอนสเตอร์และฝั่งตั้งรับ แต่ความสงบนั้นอยู่ได้ไม่นานเมื่อมีเสียงคำรามดังขึ้น 

“โฮ๊กกกก!” 

ข้อความนั้นชัดเจนในขณะที่เหล่ามอนสเตอร์เริ่มวิ่งเข้าหาพวกเขาด้วยความบ้าคลั่ง

หน่วยโจมตีรอ นับเวลารอจนกระทั่งพวกมอนสเตอร์วิ่งมาถึงจุดแรก และทันใดนั้นเอง…

“ยิง!” 

คาร์เมลตะโกนขึ้นมาก่อนจะมีลูกธนูอันทรงพลังพุ่งออกมาจากทั่วทั้งเมือง ทิวทัศน์ของมันช่างสวยงามเมื่อมองจากด้านบน การโจมตีนั้นคล้ายกับภาพดอกไม้ที่เบ่งบานจากด้านบน 

ในไม่ช้าลูกธนูกับมอนสเตอร์ก็ปะทะกัน ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายและความตาย

มอนสเตอร์หลายตัวถูกสังหาร เลือดของพวกมันกระจายอยู่เต็มพื้น ลูกธนูแต่ละลูกมีความพิเศษในตัวมันเอง บ้างก็ระเบิด, บ้างก็ทำให้พื้นที่กลายเป็นน้ำแข็งและบ้างก็ถูกเผา แต่แน่นอนว่าลูกธนูแต่ละลูกนั้นมีเป้าหมายเหมือนกันคือการฆ่า

คาร์เมเลียเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ขณะที่เธอยิงลูกธนูอย่างต่อเนื่อง เธอกำหนดเป้าหมายทั้งด้านบนและด้านล่างของสนามรบ มอนสเตอร์หลายตัวตกอยู่ภายใต้ฝนธนูที่ลอยลงมาจากฟากฟ้าอย่างแม่นยำ 

คราวนี้คาร์เมเลียเป็นคนควบคุมร่างกาย ดวงตาที่เย็นชาของเธอไม่แม้แต่สั่นไหวเลยด้วยซ้ำในตอนที่เห็นความตายที่เกิดขึ้นจากมือของเธอ

แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นก็ยังมีมอนสเตอร์บางตัวที่สามารถผ่านด่านแรกไปได้ก่อนจะถูกจัดการโดยจอมเวทย์ของอิซาเบลล่า ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดต่างใช้คาถาที่กินมานาน้อยที่สุดเพื่อกำจัดมอนสเตอร์ที่บาดเจ็บที่กำลังเดินทางมาที่นี่

เสียงกรีดร้องและความตายดังขึ้นเป็นเวลา 5 นาทีก่อนจะหยุดลง 

คาร์เมเลียที่กำลังยืนอยู่บนกำแพงสูดลมหายใจและพองตัวขณะจับคันธนู นิ้วของเธอมีเลือดออกในขณะที่เหงื่อไหลไปทั่วทั้งตัวเธอ

“กลุ่มโจมตีกลุ่มแรกถอยออกมา จอมเวทย์ถึงเวลาที่จะต้องเปล่งประกายอย่างแท้จริงแล้ว” 

ออสตินออกคำสั่งด้วยสายตาสงบขณะมองสนามรบ คำสั่งของเขาได้รับการตอบรับอย่างดีเมื่อนักธนูต่างคอยๆ ถอยกลับมากัน ในขณะที่นักเวทย์เริ่มโคจรมานารอบตัวพวกเขา

ตอนนี้การโจมตีรอบแรกของมอนสเตอร์ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่มันก็เป็นเพียงปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น มอนสเตอร์ที่ทรงพลังอย่างแท้จริงนั้นต่างอยู่ที่ด้านหลังเพื่ออกคำสั่งให้กับมอนสเตอร์ด้านหน้าในสนามรบ การตายของพวกมอนสเตอร์รอบแรกนั้นแทบจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อพวกมันเลยเมื่อมอนสเตอร์รอบใหม่เริ่มการโจมตี คราวนี้มีมอนสเตอร์ที่ทรงพลังกว่ามาก

ปกติแล้วไม่มีนักเวทย์คนใดที่จะสามารถจัดการมานาจำนวนมากได้ในคราวเดียว แต่อิซาเบลล่านั้นมีความพิเศษ เธอออกคำสั่งขณะที่มานาที่อยู่รอบตัวเธอหนักขึ้น

ทันใดนั้นชีพจรของคนในเมืองก็เต้นแรงขึ้น มานาถูกรบกวน

“อ๊ากกก!” 

นั่นเป็นเพียงหนึ่งในบรรดาเสียงร้องของจอมเวทหลายคนที่ล้มลงกับพื้นหลังจากที่คลื่นต่อต้านเวทมนตร์ทำงาน ความต้านทานอย่างกะทันหันของมานากระทบพวกเขาอย่างรุนแรง ทำให้เลือดพุ่งออกมาจำนวนมากและล้มลง ในขณะที่ผู้ที่มีทักษะมากที่สุดรู้สึกปวดหัวและมอนสเตอร์ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้

“คลื่นต่อต้านเวทมนตร์” 

อิซาเบลล่าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขณะที่เธอตรวจสอบสถานการณ์และพบว่ามีจอมเวทย์มากกว่าครึ่งที่ใช้มานาได้ล้มลง

“อย่าตื่นตระหนก ตอนนี้ให้คนที่สามารถเคลื่อนไหวได้อยู่เข้าไปแทนตำแหน่งของคนที่หมดสภาพก่อนพร้อมกับเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บออกมา การโจมตีแบบเมื่อกี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้อีกหรอก” 

ออสตินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง สายตาของเขาเคลื่อนผ่านข้อมูลหลายอันที่ได้รับมาด้วยความช่วยเหลือจากทุกคน

“คาดว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างน้อย 120 คน และคนที่เหลือจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้านมานาโดยด่วน” 

อเล็กซ์พูด แต่สีหน้าของเขากลับไม่ติดเล่นอีกต่อไป

“จากสถานการณ์ตอนนี้ จำนวนโพชั่นมานาที่เรามีไม่น่าจะทำแบบนั้นได้นะ” 

เอลล่ากล่าว

“สถานการณ์ของฝั่งแม่มดเป็นยังไงบ้าง? การผลิตเป็นไปด้วยดีหรือเปล่า?” 

ออสตินถาม

“กำลังผลิตอยู่ แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน พวกเธอไม่น่าจะสามารถรักษาอัตราการผลิตตามจำนวนที่พวกเราต้องการใช้งานได้ทัน” 

เอลล่าตอบ 

เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของออสตินก็เปลี่ยนเป็นครุ่นคิดในขณะที่เขาสื่อสารกับอิซาเบลล่าและจอมเวทย์

“เปลี่ยนแผน ใช้วงจรมานารวมโดยมีอิซาเบลล่าเป็นศูนย์กลางและจ่ายทั้งหมดให้กับเธอซะ”

หลังจากพูดเช่นนั้นจบ ออสตินก็มุ่งความสนใจไปที่การติดต่อกับอิซาเบลล่า 

“ใช้คาถาที่รุนแรงที่สุดในคลังแสงของเธอเพื่อทำลายพวกมันทั้งหมดซะ ฉันจะจัดหายาฟื้นฟูและฮิลเลอร์ระดับสูงพิเศษให้เธออีก 10 คน”

ช่วงเวลาแห่งความเงียบงันยังคงอยู่ในอิซาเบลล่าขณะที่เธอคิดถึงข้อดีข้อเสียของการทำแบบนั้นในสถานการณ์ตอนนี้ จนเมื่อเธอได้ข้อสรุปว่านั่นไม่ใช่ข้อเสียสำหรับตัวเอง เธอก็ตอบกลับเขาไป 

“ก็ได้ แต่ด้วยแผนนี้ ฉันจำเป็นต้องรู้ข้อมูลว่านายรู้เกี่ยวกับความลับของฉันได้ยังไง?”

ปกติแล้วไม่มีจอมเวทย์คนใดที่สามารถจัดการกับมานาจำนวนมากได้ในคราวเดียว แต่อิซาเบลล่านั้นมีความพิเศษในแบบที่หลายคนไม่รู้ การที่ออสตินใช้แผนนี้หมายความว่าเขารู้ถึงสถานการณ์ของเธอแล้ว

“ไว้เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง” 

ออสตินยอมรับเงื่อนไข

“งั้นก็ตามนั้น” 

อิซาเบลล่าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาของเธอ ขณะที่ทุกคนเคลื่อนตัวเข้าประจำตำแหน่งก่อนที่เหล่าจอมเวทย์จะเตรียมการวงจรเวทย์อย่างรวดเร็ว

“ดูเหมือนว่าเธอจะต้องเข้าสู่สนามรบเร็วกว่าที่คาดไว้นะ” 

ออสตินสื่อสารกับมาร์ลีนซึ่งเพียงยิ้มกับคำพูดที่เข้ามาในความคิดของเธอ

“มันก็แค่เพิ่มเวลาในการเข่นฆ่าของฉัน” 

เธอตอบพร้อมกับสัญชาตญาณการฆ่าของเธอที่พุ่งสูงขึ้น

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต