บทที่ 386 อยู่ด้วยกันตลอดไป

เมื่อกลับถึงจวนตระกูลฮวา พวกฮวาเซียงเซียงกำลังกินเนื้อย่างอยู่ในสวน เซียวเย่เจ๋อสองพี่น้องอุ้มหย่งหนิงที่นอนหลับฝันหวานเอาไว้ และกำลังดื่มเหล้ากันอยู่ ใบหน้าของฮวาเซียงเซียงแดงเรื่อ ขณะรินเหล้าให้กับเซียวหรงหรงอีกครั้ง

“ดูแล้วกิจการร้านเครื่องประทินโฉมของพวกเราคงต้องอาศัยเจ้า หากมาเปิดตลาดในเมืองหลวงเสียแล้ว”

การทำการค้าไม่ว่าที่ใดก็มักจะให้ความสำคัญกับคนที่มีชื่อเสียง ไม่อย่างนั้นในยุคปัจจุบันก็คงไม่มีพรีเซนเตอร์หรือการไลฟ์ขายของอะไรพวกนั้น เหล่าคุณหนูและฮูหยินในเมืองหลวง เหล่าพระสนมในวังต่างก็ชอบใช้ ดังนั้นต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน

แต่คนเหล่านี้แต่ละคนก็จะมีแวดวงของตัวเอง หากต้องการให้พวกเขาละทิ้งสิ่งที่พวกเขาเคยชินหันมาลองใช้ของใหม่ คนที่คอยชักจูงหากไม่มีฐานะสักหน่อยก็จะไม่มีใครเชื่อถือ

เซียวหรงหรงเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของอู่อันโหว ครอบครัวร่ำรวยล้นฟ้า ทั้งยังไม่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ไปที่ใดก็ล้วนเข้าได้กับทุกคน โดยเฉพาะการค้าของตระกูลเซียว ใครบ้างจะไม่อยากข้องเกี่ยวด้วย ในเมื่อป้ายตัวหนังสือทองคำ*อยู่ตรงนี้ทั้งแผ่น

* ป้ายตัวหนังสือทองคำ (金字招牌) หมายถึง ร้านค้าที่มั่งคั่ง

ตอนนี้ฮวาเซียงเซียงไม่ได้เห็นเซียวหรงหรงเป็นว่าที่น้องสามี แต่นางเป็นหุ้นส่วนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง

เผยเสี่ยวเตาไม่รู้เรื่องการค้า นางรู้สึกว่าเนื้อเสียบไม้นี้น่าสนใจ อร่อยกว่าผลไม้ป่าบนเขามากทีเดียว กินหมดหนึ่งไม้ปากมันเยิ้ม เว่ยเจ๋อเซิงดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดปากให้นางอย่างไม่มีทางเลือก คู่นี้นับว่าเข้าขากัน…แบบแปลกพิลึก

ตอนที่จี้จือฮวนกับเผยยวนเข้ามา ก็ได้กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่ว

อาอินจึงลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ จากนั้นก็งอตัวอยู่ในอ้อมแขนของเผยยวนแล้วหลับต่อ

“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว คงไม่ได้กินอะไรในวังมากระมัง จะเอาสักหน่อยหรือไม่?”

จี้จือฮวนไม่ได้กินอะไรมาจริง ๆ อาหารเหล่านั้นยกขึ้นมาไม่นานก็เย็นชืดหมดแล้ว บวกกับคนที่เข้ามาทักทายมีไม่น้อย ไหนเลยจะมีเวลากินข้าว

“ได้ ข้าขอพาพวกเด็ก ๆ ไปส่งที่ห้องก่อน” สองสามีภรรยาอุ้มลูกกลับไปที่เรือน รอเหล่าสาวใช้ยกน้ำร้อนมา ก็ถอดเสื้อผ้าของพวกเขาออก ก่อนจะเช็ดหน้าและเช็ดตัวหนึ่งรอบ จึงห่มผ้าห่มให้พวกเขา อาฉือปกติหน้าบาง ไม่ยอมให้จี้จือฮวนเช็ดตัวให้ และยิ่งไม่ยอมให้เผยยวนเช็ดให้ด้วย จึงหลบไปอาบในห้องเล็กเสียเอง

“เด็กคนนี้ ตอนที่ตัวเล็ก ๆ ข้าก็เป็นคนอาบให้เจ้าไม่ใช่หรือ?” เพียงพริบตาก็โตจนรู้จักอายแล้ว

เผยจี้ฉือใบหน้าแดงเรื่อ “ไม่ต้องให้ท่านอาบให้แล้ว”

รอจนกระทั่งเขาอาบน้ำเสร็จเมื่อออกมาก็รีบมุดเข้าไปในผ้าห่มอย่างรวดเร็ว และนอนกอดเจ้าก้อนกลมสองก้อนที่หลับสนิท ทั้งยังเอ่ยด้วยความเอาใจใส่ขึ้นมา “พวกท่านรีบไปกินเถอะ แล้วรีบกลับมานะขอรับ”

“อืม”

เผยยวนจูงมือจี้จือฮวน ทั้งสองคนเดินไปยังห้องโถง

จี้จือฮวนคิดถึงเว่ยเจ๋อเซิงผู้นั้นขึ้นมาได้ “ตอนนี้เจียงเช่อตายแล้ว เขายังไม่คิดจะกลับสำนักอีกหรือ?”

เผยยวนจึงเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้เขามาขอพบข้าเป็นการส่วนตัว บอกว่าตั้งใจจะติดตามข้า ทางด้านสำนักก็เขียนจดหมายไปแจ้งผู้อาวุโสแล้ว คาดว่าการที่เจียงเช่อปิดล้อมสำนักเทพพยากรณ์ครั้งนี้ ศิษย์พี่ศิษย์น้องคงตายไปไม่น้อย ทำให้เขาตระหนักได้ถึงบางอย่างกระมัง”

จี้จือฮวนไม่มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ “แม้เขาจะเป็นคนดี แต่มีเมตตาเกินไป หากเข้าไปในค่ายทหาร แค่ให้งานเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการพยากรณ์อากาศอะไรพวกนั้นก็พอแล้ว อย่าให้เขาคำนวณอะไรส่งเดช การเชื่อศาสตร์ที่จับต้องไม่ได้ จะทำให้จิตใจของทหารสั่นคลอนได้ง่าย”

“ข้ารู้อะไรควรไม่ควร เจ้าวางใจเถอะ”

เมื่อทั้งสองเดินมาถึงด้านหน้า หย่งหนิงรำคาญเสียงดัง จึงให้แม่นมพากลับจวนไปก่อนแล้ว เซียวหรงหรงดื่มเหล้าไปไม่น้อย พลางมองจี้จือฮวนอย่างไม่คลาดสายตา

“แม่นางเซียว” จี้จือฮวนนั่งลงก็เห็นนางมองตัวเองอยู่ จึงพยักหน้าน้อย ๆ ให้นางบราวนี่ออนไลน์

เผยยวนรู้สึกว่าสายตาของเซียวหรงหรงนั้นดูแปลก ๆ แต่ไม่เหมาะที่เขาจะจ้องสตรีอื่น ดังนั้นจึงเลือกที่จะมองไปทางอื่น

เซียวหรงหรงมองจี้จือฮวน เผยสีหน้าที่น่าเกลียดกว่าการร้องไห้ออกมา “เผยฮูหยิน ท่านกลับมาจากวังแล้วหรือเจ้าคะ ไม่มีใครกลั่นแกล้งท่านใช่หรือไม่?”

ฟังน้ำเสียงที่อ้อแอ้ของนางแล้ว แน่นอนว่านางคงเมาแล้ว

จี้จือฮวนจึงสังเกตเห็นเหล้าบนโต๊ะเป็นเหล้าองุ่นที่นางเป็นคนหมัก ความแรงของเหล้านั้นไม่น้อยเลย อีกหนึ่งเดือนภัตตาคารจะเปิดกิจการแล้ว นางกลัวว่าถึงเวลานั้นตนเองจะต้องยุ่งกับเรื่องอื่น จึงนำออกมาจากช่องว่างมิติแล้วเก็บไว้ในอุโมงค์ใต้ดินเก็บเหล้าของจวนตระกูลฮวาล่วงหน้า สุดท้ายพวกเขากลับเอาขึ้นมาดื่มเสียแล้ว

“ระวังกันหน่อย เหล้านี้มีไม่มาก”

“เถ้าแก่เนี้ยจี้ พวกเราจะเปิดร้านสาขาร่วมกันอยู่แล้ว อย่าขี้เหนียวเช่นนี้สิ” ฮวาเซียงเซียงตบโต๊ะ “มา มาเล่นการละเล่นกัน”

เผยเสี่ยวเตายกมือขึ้น “อันนี้ข้าเล่นเป็น เมื่อคืนข้าเพิ่งเรียนกับเสี่ยวลิ่วจื่อมา”

ฮวาเซียงเซียงพยักหน้าหงึก ๆ “ได้ มา!”

ทางด้านนี้ตะโกนขึ้นมาแล้ว ยิ่งทำท่าทางประกอบก็ยิ่งดูมีพลัง เกือบจะเหยียบขึ้นโต๊ะอยู่แล้ว เซียวเย่เจ๋อและเว่ยเจ๋อเซิงหมุนตัวไปมาอยู่ด้านล่างเหมือนแม่ที่แก่ ๆ สองคน

จี้จือฮวนรู้สึกขันไม่น้อย ทางด้านห้องครัว อาอู๋สั่งบะหมี่มาสองชาม “บะหมี่เจียงหนานของเรา ยังห่อเกี๊ยวด้วยแป้งที่ผสมเนื้อหมูด้วย ท่านโหวกับฮูหยินกินรองท้องสักหน่อยสิขอรับ”

“ขอบใจเจ้ามาก”

ทั้งสองคนหยิบตะเกียบขึ้นมา บะหมี่อุ่น ๆ ชามหนึ่งลงไปในท้อง ร่างทั้งร่างก็มีชีวิตชีวาขึ้น

บนเตาเล็ก ๆ ภายในห้องมีกลิ่นหอมอบอวล ประกอบกับเสียงเอะอะโวยวายของฮวาเซียงเซียง หิมะด้านนอกโปรยปรายไม่ขาดสาย จี้จือฮวนรู้สึกว่าปีใหม่ปีนี้ ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่ารอคอยจริง ๆ

เผยยวนเอื้อมมือไปเอากุ้งที่แกะเปลือกแล้วใส่ในชามของนาง กินไปก็คอยมองจี้จือฮวนไป เซียวหรงหรงมองดูพวกเขาจนต้องหลุบตาลง ผ่านไปสักพักนางจึงเอ่ยกับเผยยวนว่า “แม่ทัพเผย ท่านต้องดูแลฮูหยินให้ดีนะเจ้าคะ หากนางแก่แล้วก็ต้องทำเช่นนี้ด้วย”

เผยยวนชะงักไปและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังเอ่ยตอบอย่างคนที่อัธยาศัยดี “แน่นอนอยู่แล้ว ข้า…”

จี้จือฮวนอุดปากของเขาไว้ทันที “คำพูดเหล่านี้กลับบ้านไปค่อยพูด”

เผยยวนยิ้มตาหยี เชื่อฟังนางอย่างมาก “ได้ ไม่พูด ๆ”

พูดไปฮวนฮวนต้องโมโหใส่เขาแน่

เซียวหรงหรงยิ้มด้วยความโล่งใจ ก่อนจะดื่มเหล้าจนหมดจอก ไม่มีอะไร ต่อไปนางก็จะได้พบกับคนที่รักนางจากใจจริง บางทีอาจจะไม่ได้ดีเท่าคุณชายจี้ แต่นางต้องได้พบอย่างแน่นอน

จี้จือฮวนกินอิ่มหนำสำราญแล้ว ทว่าฮวาเซียงเซียงกับเผยเสี่ยวเตายังเล่นทายนิ้วกันอยู่ นางจึงกลับห้องไปกับเผยยวนก่อน อย่างไรเสียก็มีพวกเขาอยู่ คึกคักกว่าปีใหม่เสียอีก

“คืนนี้ยังไม่เห็นไป๋จิ่นเลย”

เผยยวนกลับไม่ใส่ใจ “คาดว่าคงไปมีเรื่องที่ใดอีกกระมัง”

ก็จริง สองคนนั้นพูดไม่เกินสองประโยคก็ต้องตีกัน ไม่หยุดเลยแม้แต่วันเดียวจริง ๆ

ด้านหน้ายังสามารถได้ยินเสียงอยู่ ทว่าด้านหลังกลับเงียบสงบ เผยยวนเดิมยังเดินอยู่ดี ๆ แต่จู่ ๆ กลับหยุดฝีเท้าลง จากนั้นก็อุ้มนางขึ้นมา จี้จือฮวนรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ยังกอดรอบคอของเขาเอาไว้แต่โดยดี “เมาแล้วหรือ?”

เผยยวนเลิกคิ้วขึ้น “เหลวไหล ข้าไม่ได้เมาเสียหน่อย”

เขาสาวเท้าก้าวเดินเร็ว ๆ แต่ขณะที่กำลังจะถึงประตูห้อง เขากลับพาจี้จือฮวนไปนั่งอยู่ใต้ชายคาเพื่อชมหิมะ และกลัวว่านางจะหนาวจึงคอยโอบจากทางด้านหลังและถูมือให้นางตลอด

“มือของฮวนฮวนเล็กมาก มือข้าข้างเดียวก็สามารถกุมได้หมดแล้ว”

จี้จือฮวนฟังน้ำเสียงของเขาก็รู้ว่าคงกรึ่ม ๆ

“อยากอุ้มเจ้าเช่นนี้ อยู่ด้วยกันเช่นนี้ตลอดไป”

เผยยวนพึมพำกับตัวเองอย่างเลื่อนลอย จี้จือฮวนจึงรู้สึกขัน “พวกเราก็ต้องอยู่ด้วยกันตลอดไปอยู่แล้ว”

เผยยวนจ้องนาง “ข้ากลัวว่าเจ้าจะจากไป”

เขารู้ว่านางไม่ใช่คนที่นี่ จู่ ๆ ก็มาเช่นนั้น หากนางจู่ ๆ ก็จากไปเล่า

จี้จือฮวนประคองใบหน้าของเขา “ไม่หรอก พวกเรารีบนอนกันเถอะ หืม?”

.