ตอนที่ 325

My Disciples Are All Villains

เสื้อผ้าที่ม่อหลี่สวมใส่ถูกย้อมไปด้วยเลือดของนางเอง เลือดของนางได้ผสมผสานเข้ากับเสื้อผ้าจนเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงสด ดวงตาของนางยังคงเบิกกว้าง แม้ว่าจะถูกแทงแต่ม่อหลี่ก็ยังคงดึงดาบเล่มนั้นเอาไว้ไม่ยอมแพ้ ทุกคนที่ได้เห็นแบบนั้นได้แต่ตกตะลึง

แม้แต่องค์ชายสองหลิวหยวนเองก็ยังตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้นำของเหล่าอัศวินดำที่ม่อหลี่เป็นผู้บงการมาโดยตลอดแต่บัดนี้กลับเลือกที่จะโจมตีม่อหลี่ซะเอง? คำถามมากมายได้ถาโถมเข้ามาในใจ แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะถามมันออกมา เปลวไฟแห่งความโกรธแค้นได้ลุกโชนแผดเผาตัวของหลิวหยวน ฝานซุยเหวินกำลังแทงชายาอันเป็นที่รัก และยังเป็นผู้ช่วยที่แสนมหัศจรรย์ของตัวเขา! หลิวหยวนสั่นไปทั้งตัวด้วยความเดือดดาล

ม่อหลี่รู้สึกงุนงง ชีวิตของนางกำลังจะถูกพรากจากไป นางมองไปยังเลือดที่ยังคงไหลรินออกจากท้อง ม่อหลี่รีบโบกมือออกมาอย่างเร่งรีบ นางคิดว่าสุดยอดเวทมนตร์คาถาอันทรงพลังจากนิ้วของนางจะสามารถห้ามเลือดได้ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ในเขตแดนพลังทั้งสิบ แม้แต่ม่อหลี่เองก็ยังเป็นเหมือนกับคนธรรมดาๆ เช่นกัน ม่อหลี่ได้หัวเราะออกมาเบาๆ นางลืมไปว่าตัวเองก็อยู่ในเขตแดนเช่นกัน นางเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฝานซุยเหวิน ภายใต้หน้ากากสีเงินของเขามันแฝงไปด้วยจิตสังหาร สายตาของนางที่เห็นแบบนั้นถึงกับสั่นไหว “นั่น…เจ้าเองอย่างงั้นหรอ?”

ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ เมื่อนางเห็นดวงตาคู่นี้ม่อหลี่ก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ฝานซุยเหวินคนเดิมอีกต่อไป คนคนนี้ครั้งหนึ่งเคยมีชื่ออยู่ในบัญชีดำลำดับต้นๆ เขาก็คือเล้งลั่วนั่นเอง เล้งลั่วได้ใช้เวลาอันยาวนานแทรกซึมไปที่ค่ายเหล่าอัศวินดำด้วยการสังหารฝานซุยเหวินตัวปลอมไป การที่ได้แอบอ้างเป็นตัวเองช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่สำหรับเล้งลั่วมาก

เสียงอันแหบแห้งของเล้งลั่วดังขึ้น “ถูกแล้ว เป็นข้าเอง…”

“ฝานซุยเหวิน!”

“เจ้ากล้าดียังไงกันฝานซุยเหวิน!? เจ้ากำลังทำอะไรกัน!?”

“ชายาหลี่!”

แม่ทัพทั้งสี่ที่อยู่ด้านหลังรู้สึกตกใจมากเมื่อเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาทุกคนเคยสาบานเอาไว้ว่าจะปกป้องม่อหลี่เป็นอย่างดี แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็ถูกแทงต่อหน้าทุกๆ คนไป

เล้งลั่วได้พูดขึ้นเสียง “ในนามขององค์จักรพรรดิ ข้าที่อยู่ตรงนี้จะขอทำการลงโทษคนชั่วช้าเอง ม่อหลี่…นางและผู้สมรู้ร่วมคิดจะต้องตกตายไปตามกัน!”

มันช่างเป็นคำพูดที่แสนจะยิ่งใหญ่ แต่ถึงแบบนั้นอัศวินดำคนอื่นๆ ที่ตามมาต่างก็งุนงง หัวหน้าของเหล่าอัศวินดำไม่เห็นด้วยที่จะสังหารองค์ชายสี่รวมไปถึงปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นหรอ? ทำไมกันหัวหน้าคนนี้ถึงได้โจมตีม่อหลี่ด้วย?

การปรากฏตัวของเหล่าอัศวินดำทำให้สถานการณ์รอบข้างเปลี่ยนไป

หมิงซี่หยิน, หยวนเอ๋อ และเจียงอาเฉียนต่างก็รู้สึกโล่งใจ

เล้งลั่วค่อยๆ หันกลับมามองไปที่องค์ชายสองอย่างหลิวหยวน

ในที่สุดหลิวหยวนก็ตอบสนองออกมาอีกครั้ง ตัวเขาได้จ้องมองไปยังเล้งลั่วก่อนที่จะพูดออกมา “ดี…ดีมาก…” ตัวเขาได้โบกแขนของตัวเองก่อนที่จะพูดต่อ “เจ้าคิดว่านี้คือทั้งหมดที่ข้าเตรียมไว้อย่างงั้นสินะ?”

‘หืม?’ เหล่าทหารที่เหลืออยู่ต่างก็หันไปมองที่องค์ชายสอง

แม้แต่องค์ชายสี่หลิวปิงเองก็ยังสงสัยว่าผู้เป็นพี่ชายเก็บอะไรไว้เป็นไพ่ตายไว้อีก

หลิวหยวนชี้ไปยังศาลาใกล้ๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “ตาเฒ่ามหาวายร้ายจี…ศิษย์ของเจ้าสีวู่หยาถูกจับอยู่ที่ศาลาแห่งนั้น…ถ้าหากเจ้ากล้าเคลื่อนไหวแม้แต่เพียงก้าวเดียว เจ้านั่นจะถูกสังหารในทันที!”

เพล๊ง!

หน้าต่างของศาลาแห่งนั้นแตกออก

ฮั่นยูวานได้คว้าคอเสื้อของสีวู่หยาก่อนที่จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ “เจ้าพวกขี้แพ้! แม้แต่ในเขตแดนพลังทั้งสิบก็ยังไม่อาจที่จะฆ่าชายชราเพียงคนเดียวได้?”

“ศิษย์น้องเจ็ด?”

“สีวู่หยาอย่างงั้นหรอ?”

หมิงซี่หยินและเจียงอาเฉียนต่างก็ตกใจ

อันที่จริงแม้แต่หมิจำนวนซี่หยินก็ยังไม่ได้ชื่นชอบผู้เป็นศิษย์น้องอย่างสีวู่หยาเท่าไหร่นัก แต่ถึงแบบนั้นในแง่ของการใช้สมอง สีวู่หยาก็ยังเป็นสุดยอดคนคนหนึ่งที่สามารถใช้สมองได้อย่างปราดเปรื่อง แต่เมื่อตัวเขาได้เห็นสีวู่หยาในสภาพตอนนี้ก็ได้แต่โกรธแค้นขึ้นมา

ลู๋โจวมองไปทางนั้นเช่นกัน คนที่ถูกจับอยู่คือสีวู่หยาไม่ผิดแน่ “ศิษย์ทรยศนั่น ถูกจับมาได้ยังไงกัน?”

ฮั่นยูวานได้พูดขึ้นมา “วันนี้ข้าจะประหารชีวิตของเจ้านี่ต่อหน้าทุกคนเอง!”

ฮั่นยูวานได้ชักดาบของตัวเองที่อยู่ด้านหลังออกมา ตัวเขากำลังรอแค่คำสั่งขององค์ชายหลิวหยวน

เล้งลั่วได้พูดขึ้น “เจ้ากล้าอย่างงั้นหรอ?!” มือของตัวเขาได้ออกแรงแทงม่อหลี่ให้ลึกเข้าไปอีก ในตอนนั้นเองนางก็ได้แต่กระอักเลือดออกมา ม่อหลี่ที่เห็นเช่นนั้นก็ได้โน้มตัวไปที่ด้านหน้า

ฉั๊วะ!

“ท่านพี่…ฝากล้างแค้น…ให้ข้าด้วย…”

เล้งลั่วไม่คิดว่าม่อหลี่จะรีบปลิดชีพของตัวเองแบบนี้ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่มีเวลาจะมาคิดเรื่องนี้อีกต่อไป เล้งลั่วได้ชักดาบเล่มนั้นกลับมาจากตัวของม่อหลี่ก่อนที่จะถอยกลับ

ที่ด้านนอกของหมู่บ้าน ในตอนนั้นเองก็มีเสียงอันเยือกเย็นดังออกมา “ไม่…ศิษย์น้อง!”

มันเป็นเสียงที่ดังก้องไปทั่วทั้งหมู่บ้าน

เขตแดนพลังทั้งสิบได้ครอบคลุมพื้นที่ของหมู่บ้านทั้งหมดเอาไว้แล้ว ดังนั้นศิษย์พี่ของม่อหลี่อย่างไป่หม่าจึงได้แต่รออยู่ที่ด้านนอกเขตแดนตามแผนที่วางเอาไว้ มันเป็นแผนที่จะไม่ให้ใครหลบหนีไปได้นั่นเอง แม้ว่าการปรากฏตัวของลู่โจวจะทำให้แผนทุกอย่างผิดคาดไปแต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแผนได้ในทันที

ในตอนนั้นเองพลังสีม่วงของไป่หม่าก็ได้ก่อตัวกันจนกลายเป็นเมฆหมอกสีดำอยู่ที่ด้านนอกของหมู่บ้าน

หลิวหยวนเงยหน้าขึ้นก่อนจะพูดออกมา “ไป่หม่า ข้าจะต้องล้างแค้นให้กับการตายของชายาหลี่”

เสียงอันแหบแห้งได้ตอบกลับมา “ไม่…”

“หืม?”

“ศิษย์น้องของข้าได้ตายจากไปแล้ว พวกเจ้าทุกคนต่างหากที่จะต้องตายพร้อมนาง!”

ไป่หม่าไม่ใช่ม่อหลี่ เป้าหมายเดียวของเขาก็คือการสังหารองค์ชายสี่หลิวปิง ตัวเขาได้สาบานเอาไว้แล้วไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะต้องสละชีวิตของตัวเองเขาก็จะสังหารหลิวปิงผู้ที่พรากชีวิตของชาวลั่วหลานนับไม่ถ้วนไปให้ได้

ในตอนนั้นเองฮั่นยูวานก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ตัวเขาได้คว้าตัวสีวู่หยาไว้แน่นก่อนที่จะพูดออกมา “ไร้สาระ! เจ้าพวกขยะไร้ค่ามีมากเกินไป! ข้าจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองอีกแล้วสินะ?”

สีวู่หยาเงยหน้าขึ้นมอง ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ “ยังเร็วเกินไปที่จะมาฉลองนะ?”

“หุบปากไปซะเจ้าขยะอวดดี!”

พรึ๊บ!

ฮั่นยูวานได้ใช้มือของตัวเองกดลงหัวของสีวู่หยาให้ชนกับขอบหน้าต่าง เพียงแค่ใช้มือตวัดดาบเบาๆ หัวของสีวู่หยาก็จะร่วงหล่นสู่พื้น

ตัวเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียงของใครที่กำลังคิดจะทำลายแผนการทั้งหมด…

“เขตแดนพลังหายไปแล้ว!”

เมื่อเขตแดนพลังหายไป พลังลมปราณก็กลับมาใช้งานได้ใหม่อีกครั้ง! ชาวเมืองหรงเป่ยทั้งหลายกลับมารู้สึกสดชื่นอีกครั้ง ความรู้สึกอึดอัดคล้ายกับหายใจไม่ออกได้หายไปแล้ว

อากาศได้ไหลเวียนอย่างอิสระ หมู่เมฆได้ลอยไปตามธรรมชาติได้อีกครั้ง

ทุกๆ อย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ในตอนนี้ทุกคนรู้ตัวแล้วว่าการต่อสู้ต่อไปนี้คงจะไม่ใช่การต่อสู้ที่เท่าเทียมอีก การต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นมันคงไม่ใช่การต่อสู้ของปุถุชนคนธรรมดาอีกต่อไป

เมฆสีม่วงได้ลอยไปใกล้หมู่บ้านมากขึ้น มันคือเขตแดนพลังเวทมนตร์คาถานั่นเอง

ภายในหมู่บ้าน หลิวหยวนที่เห็นแบบนั้นก็ได้ออกคำสั่งออกมาอย่างกะทันหัน “พวกเจ้ากำลังรออะไรอยู่ล่ะ? รีบกำจัดตาเฒ่ามหาวายร้ายนั่นซะ!”

ถ้าหากเป็นการต่อสู้ธรรมดาไม่มีทางเลยที่แม่ทัพทั้งสี่ที่เหลือจะทำอะไรปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนี้ได้เลย

หวืด!

พลังอวตารทั้งสี่ร่างได้ปรากฏขึ้นมาก่อนที่จะพุ่งไปหาลู่โจว

ในตอนนั้นเองฮั่นยู่วานก็ได้หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “กระบี่!”

คนของเขาที่อยู่ด้านข้างได้ส่งกระบี่ให้กับฮั่นยูวาน

น่าเสียดายที่กระบี่เล่มนั้นไม่ได้ถูกยื่นไปยังมือของตัวเขา แต่กระบี่เล่มนั้นมันกลับพุ่งผ่านคอของฮั่นยูวานแทน!

ในตอนนั้นเองของเหลวงสีแดงสดก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

ฮั่นยูวานตกตะลึง ตัวเขาหันกลับมามองลูกน้องผู้ซึ่งตัวเขาไว้ใจมากที่สุด ‘เป็นไปไม่ได้!’

สีวู่หยาได้เอามือจับหัวของตัวเองก่อนที่จะยิ้มให้เช่นเดิม “ข้าบอกแล้วว่ามันยังเร็วเกินไปที่เจ้าจะดีใจนะ”

เหล่าลูกน้องคนอื่นๆ ได้กระโจนเข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยว พวกเขาต่างก็อุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน “แม่ทัพฮั่น!”

คนที่สังหารฮั่นยูวานไปได้วางแผนแฝงตัวเองเข้ามาอย่างเนิ่นนานแล้ว นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้สีวู่หยาไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไร ตัวเขามั่นใจมากที่ถูกจับมาเป็นเชลยศึกแบบนี้ “ท่านเจ้าสำนัก ท่านต้องอดทนมานาน ข้าต้องขออภัยด้วย”

ในตอนนั้นเองสีวู่หยาก็ได้เห็นภาพที่จะไม่ได้มีวันลืมไปตลอดทั้งชีวิต

สายฟ้าสีม่วงได้ปะทุไปทั่วทั้งท้องฟ้า

ท่ามกลางอวตารทั้งสี่ลู่โจวก็ได้ลอยไปบนฟ้า!

“นั่นมันอะไรกัน?”

ดอกบัวสีฟ้าได้ปรากฏขึ้นมาใต้เท้าของลู๋โจว

ตู๊ม!

เสียงฟ้าผ่าได้ดังไปทั่วทั้งหมู่บ้านแห่งนี้!

พลังพิเศษทั้งหมดของลู๋โจวได้เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ดอกบัวสีฟ้าใต้เท้าของเขาเริ่มที่จะเบ่งบานออกมา

ดอกบัวสีฟ้าได้ขยายใหญ่ออกไปรอบๆ ในตอนนี้ไม่มีใครได้เห็นแม้แต่เงาของลู๋โจวได้อีกต่อไป

สีวู่หยาได้แต่เอาแขนเสื้อกำบังแสงที่ได้ส่องสว่างออกมาเท่านั้น

เมื่อลูกน้องของฮั่นยูวานเห็นแบบนั้น พวกเขาก็รีบเหวี่ยงดาบออกมาเพื่อโจมตีสีวู่หยา

แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง!

ศาลาที่สีวู่หยาเคยอยู่มันเต็มไปด้วยดาบพลังงาน ในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายแล้ว

ลูกน้องของสีวู่หยาได้ปัดป้องการโจมตีทุกอย่างเอาไว้อย่างเต็มที่

การโจมตีกว่าหลายสิบครั้งถูกปัดป้องไปชั่วพริบตา

แต่ถึงแบบนั้นแขนทั้งสองข้างก็ไม่อาจจะเทียบอะไรได้กับแขนทั้งสี่ได้ ลูกน้องของสีวู่หยาได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีมาก่อนที่จะกระเด็นถอยกลับไป!

“พวกเราจะต้องได้รับรางวัลแน่ถ้าหากฆ่าสีวู่หยาได้!”

ในเวลาเดียวกันแสงสีฟ้าที่อยู่บนท้องฟ้าก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งศาลาราวกับน้ำทะเลที่ปกครองผืนมหาสมุทร

ทุกๆ คนต่างก็ไม่เห็นอะไรได้อีกนอกจากแสงสีฟ้า

จากจุดที่ลู่โจวอยู่ดูเหมือนว่าตัวเขากำลังอยู่ท่ามกลางผืนมหาสมุทรสีฟ้า ตัวเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เช่นกัน

ทุกๆ คนที่อยู่ในศาลาถูกผลักออกมาโดยที่ไม่มีการเลือกปฏิบัติ!

แม้ว่าทุกคนจะอยู่ห่างไกลแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นก็ยังได้รับผลกระทบจากพลังดอกบัวสีฟ้าอยู่ดี

สำหรับพลังร่างอวตารทั้งสี่ถูกทำลายทันทีราวกับว่าพวกมันกลายเป็นกระดาษ แม่ทัพใหญ่ทั้งสี่และอวตารของพวกเขาเป็นพลังที่อยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางแห่งพลังมากที่สุดแล้ว ภายใต้คลื่นพลังจากดอกบัวสีฟ้าทำให้ทุกคนกระอักเลือดออกมา แม่ทัพทั้งสี่เสียชีวิตไปในทันทีโดยที่ไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้กลับซะด้วยซ้ำ พลังพิเศษของลู่โจวไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป พลังของมันเอ่อล้นออกมาอย่างรุนแรงเกินกว่าที่แม่ทัพทั้งสี่ที่อยู่ใกล้จะทนรับพลังได้

หมู่เมฆสีม่วงลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว!

เสื้อผ้าครึ่งบนของสีวู่หยาฉีกขาด พลังผนึกที่อยู่บนหน้าอกของตัวเขาถูกพลังดอกบัวสีฟ้าลบล้างออกไป

คนของฮั่นยูวานได้กระเด็นไปตามอากาศ

ในตอนนั้นเองริมฝีปากของสีวู่หยาก็เริ่มโค้งเป็นรอยยิ้ม “…พลังของข้ากลับมาแล้ว!” ตัวเขาได้ยกฝ่ามือขึ้นมา แต่ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ซึ่งประกอบไปด้วยดาบพลังงานนับพันได้ปรากฏขึ้น ดาบพลังทั้งหมดได้ถูกปล่อยออกไปหาเหล่าลูกน้องของฮั่นยูวาน

“นี่มัน….”

“เจ้านั่นเสียพลังวรยุทธไปแล้วไม่ใช่หรอ?”

เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาได้ดังขึ้นมาท่ามกลางอากาศ ในตอนนั้นเองทุกอย่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดแทน

ในตอนที่สีวู่หยาร่อนลงมากับพื้น ในตอนนั้นตัวเขาไม่ได้ใช้พลังออกมาเลยด้วยซ้ำ สีวู่หยาไม่แม้แต่จะมองเหล่าลูกน้องของฮั่นยูวานที่ถูกโจมตี ตัวเขารู้ดีว่าผลจากการโจมตีเป็นยังไง ทันทีที่เท้าแตะลงบนพื้น ในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนที่สวมใส่ชุดเขียวปรากฏตัวออกมา เขาคนนั้นกำลังยืนอยู่บนกิ่งไม้ใกล้ๆ กับศาลา

ชายคนนั้นได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ข้าขอโทษด้วย ข้าคิดว่าเจ้าอาจจะรับมือกับมันไม่ได้”

“ศิษย์พี่รอง ไม่มีเวลาที่จะมาอธิบายแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ!” สีวู่หยาไม่เคยกังวลเลยเมื่อตัวเขาถูกฮั่นยูวานจับตัวมาได้

สิ่งที่ทำให้ตัวเขากังวลในตอนนี้ก็คือดอกบัวสีฟ้าที่เบ่งบานอยู่บนท้องฟ้ามากกว่า

ยู่ฉางตงได้ยิ้มให้ก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่ต้องห่วงไป…ท่านอาจารย์ได้ใช้พลังของเขามากเกินไปแล้ว เขาจะต้องไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้วแน่”

สีวู่หยาได้พูดต่อ “เชื่อข้าเถอะศิษย์พี่”

รอยยิ้มที่ยู่ฉางตงมีจางหายไป สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมขึ้น

“งั้นไปกันเถอะ”

พวกเขาทั้งคู่รีบออกจากเมืองแห่งนี้ไป ในทันทีที่พลังพิเศษของลู่โจวหมดลง ตัวเขาก็ไม่เหลือพลังมากพอที่จะบินสูงขึ้นไปอีก ลู่โจวค่อยๆ ลอยลงมาอย่างช้าๆ ตัวเขาได้จ้องกลับไปยังศาลาที่สีวู่หยาเคยถูกจับเอาไว้ ตัวเขาได้เห็นยู่ฉางตงและสีวู่หยากำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเพื่อที่จะหลบหนีไป

“วิซซารืด”

วิซซาร์ดได้ปรากฏตัวออกมาจากหมู่เมฆพร้อมกับพลังอันเป็นมงคล ตัวมันรีบบินไปหาลู่โจวก่อนที่จะแบกตัวเขาเอาไว้

ลู่โจวหันกลับมาก่อนที่จะพูด “ที่เหลือข้าฝากด้วย”

“ครับท่านอาจารย์!” ในหมู่บ้านแห่งนี้ยังเหลือหมิงซี่หยิน, เล้งลั่ว, หยวนเอ๋อ และบี่เอี๊ยน ในตอนนี้แม่ทัพทั้งสิบได้ถูกสังหารจนหมด เหล่าศิษย์สาวกของเขาจึงไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวอีก

ลู่โจวได้ขี่วิซซาร์ดก่อนที่จะไล่ตามยู่ฉางตงและสีวู่หยาไปในทันที…