ตอนที่ 307 ศักดิ์ศรี

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 307 ศักดิ์ศรี
ชายฉกรรจ์ผู้นั้นแสร้งทำเป็นจอมยุทธ์ผู้ผดุงความยุติธรรม กล่าวขึ้น “หากพวกเจ้ากล้าไปตีกลองร้องทุกข์ ข้าจะรับโทษโบยแทนบัณฑิตยากจนอย่างพวกเจ้าเอง! ให้พวกขุนนางร่ำรวยได้รู้ว่าคนจนอย่างพวกเราก็มีศักดิ์ศรีเช่นเดียวกัน!”

เซวียเหรินอี้ที่ดื่มจนเมามายกระแทกถ้วยเหล้าลงบนโต๊ะอย่างแรง “ข้า เซวียเหรินอี้เป็นบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถ จะยอมแพ้ต่ออำนาจบารมีได้อย่างไรกัน! ข้าจะไปตีกลองเติงเหวิน! ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็จะทวงความยุติธรรมคืนให้เหล่าบัณฑิตผู้ยากจนให้ได้!”

เซวียเหรินอี้กล่าวจบก็ยกเหล้าดื่มจนหมดจอก

สหายของเซวียเหรินอี้ลุกขึ้นยืนเกลี้ยมกล่อมเซวียเหรินอี้ว่าให้มาสอบใหม่ปีหน้าแทน

ทว่า เซวียเหรินอี้กลับกล่าวว่า “ตระกูลสูงศักดิ์ควบคุมใต้หล้าได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว พวกเขาทุจริตการสอบ ซื้อตำแหน่งขุนนางจนกลายเป็นเรื่องปกติ หลายปีมานี้ยิ่งหนักขึ้นทุกที พวกเจ้าดูสิ…ผู้เข้าสอบยากจนอย่างพวกเราแทบจะไม่มีที่ยืนในการสอบเหล่านี้อยู่แล้ว หากพวกเราไม่เริ่มขัดขืน เอาแต่ยอมจำนนต่ออำนาจ ต่อไปแคว้นต้าจิ้นแห่งนี้จะไม่มีที่ยืนให้เหล่าผู้เข้าสอบยากจนอย่างพวกเราอีกต่อไป หากพวกเจ้ายังเลือดร้อนอยู่ก็จงไปกับข้า!”

กล่าวจบ เซวียเหรินอี้ก็มุ่งหน้าไปยังประตูวังหลวงด้วยเลือดร้อนที่พลุ่งพล่านอยู่ในกาย

บัดนี้ เหวินเจิ้นคังแห่งสำนักฮั่นหลินที่ไม่รู้ว่ารายชื่อเจ็ดในสิบถูกแพร่งพรายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้วกำลังปรึกษาเรื่องการจัดอันดับผลการสอบกับบรรดาผู้คุมสอบต่อหน้าฮ่องเต้และองค์รัชทายาท

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรดูเสร็จจึงยื่นให้องค์รัชทายาทตรวจดู

แม้องค์รัชทายาทจะไม่ค่อยมีความรู้สักเท่าใด ทว่า เขายังพอแยกแยะได้ว่าผู้ใดเขียนได้ดีผู้ใดเขียนได้ไม่ดี

เมื่ออ่านข้อสอบของต่งฉางหยวนจบ ดวงตาขององค์รัชทายาทเป็นประกาย รีบยื่นให้ฮ่องเต้อย่างนอบน้อม “ลูกคิดว่าข้อสอบฉบับนี้วิเคราะห์ได้ละเอียดชัดเจนดีมากพ่ะย่ะค่ะ วิเคราะห์ตรงประเด็น แม้ไม่ได้ใช้ถ้อยคำสละสลวย แต่มีเหตุผล ภาษาคมคายมากพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้พยักหน้า วางข้อสอบของต่งฉางหยวนลงด้านข้าง

เมื่อเห็นข้อสอบของฉินหล่าง ฮ่องเต้รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที เขาอ่านข้อสอบของฉินหล่างอย่างตั้งใจ…

ฉินหล่างคือผู้ที่ฮ่องเต้ตรัสชมว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ เขาจึงตั้งความหวังกับฉินหล่างไว้มาก หวังว่าฉินหล่างจะไม่ทำให้เขาขายหน้า

เมื่ออ่านคำตอบของฉินหล่างจบ สายพระเนตรของฮ่องเต้มีรอยยิ้ม พยักหน้าพลางวางข้อสอบของฉินหล่างไว้กับต่งฉางหยวน

จากนั้นฮ่องเต้อ่านคำตอบของหลานชายทั้งสองคนของหลู่เซียง เขาถือข้อสอบอยู่ในมืออย่างเปรียบเทียบ เหวินเจิ้นคังกล่าวขึ้น “ข้อสอบสองฉบับนี้ไม่เพียงภาษาสละสลวย แต่ยังวิเคราะห์ได้ละเอียดชัดเจนด้วยพ่ะย่ะค่ะ วิเคราะห์ตรงประเด็นสำคัญทั้งหมด เก่งกาจยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ! หากกระหม่อมมีบุตรหลานที่มีความรู้ถึงเพียงนี้ กระหม่อมจะให้พวกเขาสอบคนละปีพ่ะย่ะค่ะ หลู่เซียงให้เขาสอบพร้อมกันเช่นนี้ มิใช่แย่งอันดับกันเองหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนี้ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ มองไปยังองค์รัชทายาท “คำกล่าวที่ว่าอย่าวางไข่ลงในตะกร้าเดียวกัน หลู่เซียงที่รับใช้ราชสำนักมาทั้งชีวิตคงลืมไปแล้วกระมัง…”

กล่าวจบ ฮ่องเต้จึงวางข้อสอบของหลู่หยวนชิ่งและหลู่หยวนเป่าไว้กับฉินหล่างและต่งฉางหยวน

ฮ่องเต้หยิบข้อสอบของเฉินเจาลู่ขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด “ลายมือนี้คล้ายคลึงกับลายมือของราชครูเฉินมาก เฉินเจาลู่คือหลานชายของราชครูเฉินอย่างนั้นหรือ”

“ฝ่าบาทสายพระเนตรแหลมคมนักพ่ะย่ะค่ะ!” เหวินเจิ้นคังยิ้มอย่างประจบ “ตอนนั้นท่านราชครูได้ตำแหน่งจ้วงหยวน จงซูซื่อหลาง บุตรชายของท่านราชครูเฉินก็ได้ตำแหน่งจ้วงหยวน คนในเมืองหลวงต่างคาดเดากันว่าหลานชายของท่านราชครูเฉินจะได้ตำแหน่งนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หากเป็นเช่นนั้นจริง คงกลายเป็นเรื่องกล่าวขานในแคว้นต้าจิ้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

ได้ยินเช่นนี้ ฮ่องเต้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางหยิบคำตอบของต่งฉางหยวนขึ้นมา “เรากลับรู้สึกว่าคำตอบของต่งฉางหยวนโดดเด่นที่สุดในบรรดาสิบคนนี้”

ความจริงฮ่องเต้รู้สึกว่ามาตรฐานการสอบคัดเลือกขุนนางในครั้งนี้ไม่ได้เข้มงวดเหมือนเมื่อก่อน

เหวินเจิ้นคังรีบกล่าว “ฝ่าบาททรงพระปรีชาชาญพ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ทว่า ข้อสอบสิบฉบับที่คัดมาให้ฝ่าบาททรงพิจารณาล้วนเป็นสิบฉบับที่โดดเด่นที่สุดในการสอบครั้งนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าพระองค์จะทรงตัดสินเช่นไร ชายหนุ่มผู้มากความสามารถทั้งสิบคนนี้ล้วนเป็นกลายเป็นข้าราชบริพารของฝ่าบาททั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้พยักหน้า รู้สึกว่าเหวินเจิ้นคังกล่าวถูกต้อง

ภายในห้องหนังสือของฮ่องเต้ บรรดาขุนนางปรึกษาหารือกันอยู่หลายชั่วยามจึงตัดสินลำดับการสอบครั้งนี้ได้

เพื่อให้ลูกหลานของราชครูเฉินได้ตำแหน่งจ้วงหยวนติดต่อกันสามสมัยจนกลายเป็นตำนานใหม่ ฮ่องเต้ตัดสินพระทัยให้เฉินเจาลู่ได้ตำแหน่งจ้วงหยวน

ให้เกียรติหลู่เซียงโดยการให้ตำแหน่งปั๋งเหยี่ยนแก่หลู่หยวนชิ่ง

คำตอบของต่งฉางหยวนโดดเด่นมาก ฮ่องเต้ได้ยินเกาเต๋อเม่ากล่าวว่าต่งฉางหยวนเป็นคุณชายรูปงามอ่อนโยน ใบหน้าสง่างามยิ่งนัก เขาจึงมอบตำแหน่งทั่นฮวาให้ ส่วนฉินหล่างได้ที่หนึ่งในจิ้นซื่อขั้นที่สอง

ส่วนรายชื่อที่เหลือองค์รัชทายาทเป็นคนจัดอันดับ หลู่หยวนเป่าได้จิ้นซื่อขั้นที่สองลำดับที่สอง

จิ้นซื่อขั้นที่สองลำดับที่สามตกเป็นของบัณฑิตยากจนคนหนึ่ง อู่อันปังได้จิ้นซื่อขั้นที่สองลำดับที่สี่ จางรั่วไหวได้จิ้นซื่อขั้นที่สองลำดับที่ห้า หลินเฉาตงได้จิ้นซื่อขั้นที่สองลำดับที่หก วังเฉิงอวี้ได้จิ้นซื่อขั้นที่สองลำดับที่เจ็ด

เมื่อจัดอันดับผลการสอบเสร็จ เหวินเจิ้นคังจึงพารองผู้คุมสอบเดินออกมาจากตำหนักอย่างโล่งใจ ทว่า จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงกลองเติงเหวินดังมาจากประตูอู่เต๋อ

ใจของเหวินเจิ้นคังกระตุกวูบ ปีนี้มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ กลองเติงเหวินที่ตั้งอยู่อย่างสงบมาหลายร้อยปีถึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่อีกแล้ว!

ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด การตีกลองเติงเหวินเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน

เหวินเจิ้นคังหันไปมองทางตำหนักใหญ่แวบหนึ่ง ฮ่องเต้คงต้องปวดศีรษะอีกแล้วกระมัง

ฮ่องเต้ที่ประทับจิบชาอยู่บนบัลลังก์มังกรได้ยินเสียงกลองเติงเหวินดังขึ้นก็ตกใจจนมือที่ถือถ้วยชาอยู่สั่น น้ำชาหกออกมาเกือบหมด

ฮ่องเต้รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก แทบอยากทำลายกลองเติงเหวินทิ้งบัดนี้เลย

กลองเติงเหวินตั้งอยู่ตรงนั้นมาหลายร้อยปี ในสมัยของจักรพรรดิที่ผ่านมาหลายพระองค์คงแทบไม่เคยดังขึ้นสักครั้ง พอมาถึงสมัยของเขา…กลองนี่ดังขึ้นไม่หยุดหย่อนตั้งแต่ปีที่แล้ว เขาจะไม่โมโหได้อย่างไร!

องค์รัชทายาทก็ตกใจจนแทบลมจับ จู่ๆ เขาก็นึกถึงไป๋ชิงเหยียนขึ้นมา แต่แล้วก็นึกได้ว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนของเขาแล้ว หากมีเรื่องอันใดคงมาขอร้องเขา ไม่ใช่ทำให้เสด็จพ่อไม่พอพระทัยเช่นนี้

ฮ่องเต้กระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง ตวาดอย่างโมโห “เกาเต๋อเม่า เจ้าออกไปดู!”

เกาเต๋อเม่ารีบทำความเคารพพลางเดินออกไปจากท้องพระโรงอย่างเร่งรีบ

“วันๆ เอาแต่ตีกลองร้องทุกข์! มีเรื่องอันใดหนักหนาถึงตีกลองกันอยู่ได้ ไม่ต้องการให้เราอยู่อย่างสงบเลยใช่หรือไม่!” ฮ่องเต้นึกถึงเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนบีบคั้นให้เขาประหารซิ่นอ๋องก็ยิ่งเดือดดาล ยาถ้วยชาเขวี้ยงไปที่พื้นอย่างแรง

เหล่าขันทีรีบคุกเข่าลงบนพื้นตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

แม้กระทั่งองค์รัชทายาทก็ยังคุกเข่าลงบนพื้นอย่างตกใจ อ้อนวอนขอให้ฮ่องเต้ระงับความโกรธ

“หากไป๋ชิงเหยียนเป็นคนทำอีก เรา…ไม่ปล่อยนางเอาไว้แน่!” ฮ่องเต้ขบกรามแน่น แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร

เดิมทีองค์รัชทายาทอยากขอร้องแทนไป๋ชิงเหยียน ทว่า เมื่อเงยหน้าเห็นความโกรธของฮ่องเต้ เขารีบก้มหน้างุด กล่าวเสียงเบาหวิว “ไม่ใช่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงมอบความเมตตาให้นางถึงเพียงนี้ นางไม่ใช่คนไม่สำนึกบุญคุณคนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้แสยะยิ้มเย็น ไม่กล่าวอันใดอีก