บทที่ 388 เจ้าอยากเป็นองค์ชายหรือไม่

จี้จือฮวนไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองไปที่เซี่ยหยาง สีหน้าในมุมมองของเย่จิ่งฝูราวกับมีความหมายแฝงที่อธิบายไม่ได้

แน่นอนว่าเย่จิ่งฝูไม่มีทางคิดว่านั่นเป็นสีหน้าของการชื่นชม เพราะเจ้าคนผู้นี้มีสภาพเช่นนี้ ใครจะยังสามารถชมว่ายาวไม่เลวได้กันเล่า…

ในฐานะพระเอกของเรื่อง เซี่ยหยางนับว่ามีสตรีมากมาย ที่นอกเหนือจากคนรู้ใจอย่างจี้หมิงซู ขอเพียงเป็นสตรีที่วิ่งได้กระโดดได้มีตาสองข้าง ส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่ชื่นชอบเขา ยินดีที่จะเข้าวังเพื่อเขา แน่นอนว่าลูกของเจ้านี่ก็มีคลอดออกมาครอกแล้วครอกเล่า

แต่น่าเสียดายที่จะไม่ได้เห็นความใหญ่โตของเขาตามเนื้อเรื่องเดิมอีกแล้ว

เพราะฮ่องเต้น้อยที่ทรงอำนาจของเขา…ใช้การไม่ได้แล้ว!

แต่ที่ผ่านมาจี้จือฮวนเชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่า อย่าประมาทความเป็นตัวเอกโดยเด็ดขาด หากมีคนสามารถรักษาเขาจนหายได้เล่า

เย่จิ่งฝูมองจี้จือฮวนที่อยู่ข้าง ๆ และกำลังเดาว่านางจะสามารถรักษาได้หรือไม่ ก่อนจะเห็นสายตาครุ่นคิดของจี้จือฮวนจับจ้องมาที่ตัวเอง

เย่จิ่งฝูรีบแสดงความบริสุทธิ์ทันที “ข้าไม่ได้เป็นคนทำจริง ๆ นะ”

ล้อเล่นหรืออย่างไรกัน วางยาองค์ชายไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ! มีโอกาสมากที่จะทำให้ตระกูลหมอเทวดาเดือดร้อนทั้งตระกูล

ต่อให้ไม่สามารถทำให้ตระกูลสูงขึ้นอีกขั้นด้วยมือของนาง แต่นางก็ไม่สามารถทำลายตระกูลได้

จี้จือฮวนสูดลมหายใจหนึ่งที “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”

“เช่น…เช่นนั้นช่วยได้หรือไม่ หากเจ้าบอกว่าไม่มีวิธี เช่นนั้นข้าต้อง…”

“เจ้าจะทำเช่นไร?” จี้จือฮวนถามออกมา

“ก็ต้องเก็บข้าวของหนีน่ะสิ หนีตอนกลางคืนไม่รู้ว่าทางเส้นไหนจะเดินทางได้สะดวกกว่า นับแต่นี้ไปข้าก็จะร่อนเร่พเนจร และคงต้องละทิ้งวิชาแพทย์ของข้า…”

“…” ไม่ใช่ นี่เจ้าเป็นอะไรของเจ้ากัน?

จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น “นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญก็คือข้าต้องบอกเจ้าก่อนว่าเซี่ยหยางกับข้ามีความแค้นต่อกัน ข้าไม่มีทางช่วยเขา”

เย่จิ่งฝูกลับสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “เจ้าคงไม่ได้จะฆ่าเขาที่นี่หรอกกระมัง หรือไม่เรามาปรึกษากันก่อน ข้าจะพาเขากลับไป เจ้ารอข้าจากไปแล้วค่อยฆ่าดีหรือไม่?”

จี้จือฮวนลากม้านั่งตัวหนึ่งมาก่อนจะนั่งลง “ฟังดูแล้วเหมือนเจ้าจะไม่ได้สนใจความเป็นความตายของเซี่ยหยางเลย”

“เจ้าจะคิดเช่นนั้นก็ได้ องค์ชายรองคนนี้ข้าไม่ชอบขี้หน้าเขา แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนไข้ของข้า”

“เช่นนั้นเรื่องระหว่างข้ากับเขา เจ้าจะสอดมือเข้ามายุ่งหรือไม่?”

“หากข้าทำเช่นนั้นเล่า?” เย่จิ่งฝูเอ่ยถาม

จี้จือฮวนจึงยื่นมือออกไป มีดทหารในมือก็พุ่งออกมา “ข้าก็จะฆ่าเจ้าด้วย ข้าไม่ได้ล้อเล่น”

เย่จิ่งฝูกลืนน้ำลายลงคอ นางรู้ดีว่าจี้จือฮวนไม่ได้ล้อเล่น ทักษะการใช้มีดของจี้จือฮวน การจะฆ่าคนที่ไร้วรยุทธ์เช่นนางก็คงเป็นเรื่องง่ายราวกับกะพริบตา

“เจ้าไม่กลัวยอดฝีมือด้านนอกเหล่านั้นหรือ?”

“เรื่องที่ข้าอยากจะทำ ต่อให้ข้างนอกมีกองกำลังเป็นพันเป็นหมื่นข้าก็จะทำอยู่ดี หมอเย่ ในเมื่อเจ้ากระโดดเข้ากองไฟแล้ว ตอนนี้มีสองทางตรงหน้าให้เจ้าเลือก จะตายเป็นเพื่อนเซี่ยหยางและไปรักษาให้เขาในนรก หรือไม่ก็หุบปากของเจ้าซะ ข้าจะทำเช่นไรเจ้าอย่าถาม อย่าฟัง อย่ามองก็พอ”บราวนี่ออนไลน์

จี้จือฮวนให้ทางเลือกที่เย่จิ่งฝูเลือกไม่ได้จริง ๆ หากเป็นคนอื่นไม่แน่นางคงลงมือไปแล้ว

อย่างไรเสียเซี่ยหยางก็มาอยู่ตรงหน้านางแล้ว โอกาสดีเช่นนี้นางไม่อยากจะพลาดไปแม้แต่นิดเดียว

เย่จิ่งฝูลังเลเพียงครู่เดียวเท่านั้น ก็ถามจี้จือฮวนออกมา “เจ้าจะฆ่าองค์ชายรองย่อมมีแผนการที่รอบคอบแล้วกระมัง หากเขาตายในหย่งอันถังของพวกเจ้าเช่นนี้ ฮ่องเต้ต้องทรงพิโรธอย่างแน่นอน เจ้ากับแม่ทัพเผยบางทีอาจจะรอดไปได้ แต่ว่าคนอื่น ๆ ในหย่งอันถังเล่า”

เย่จิ่งฝูลนลานเล็กน้อย เอ่ยจบประโยคหนึ่งก็รีบเอ่ยต่ออีกหนึ่งประโยคทันที “ข้าหมายความว่าหากเจ้ามีวิธีจัดการที่ดี ข้าจะยอมเชื่อฟังเจ้า เพราะข้ายังไม่อยากตาย”

จี้จือฮวนพยักหน้าให้นาง “ได้”

นางลุกขึ้นคลี่มีดผ่าตัดที่นำมาออก ภายในผ้าลายดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ท่านป้าหยางทำให้ มีเครื่องมือต่าง ๆ ที่หยิบออกมาจากกล่องยาน้อย เย่จิ่งฝูชะโงกหน้าเข้ามา “อาจารย์ข้าก็มีแบบนี้ชุดหนึ่ง แต่อาจารย์บอกว่าแค่ทำออกมาเป็นตัวอย่างตามตำราโบราณเท่านั้น แต่เขากลับไม่เคยลงมีดกับใครมาก่อน อีกทั้งไม่ได้ประณีตเท่าของเจ้าด้วย”

เย่จิ่งฝูจ้องหน้านาง “แม่นางจี้ เจ้าเรียนรู้มาจากที่ใดหรือ? ข้าคิดว่าหากเจ้ามีอาจารย์ ฉายาตระกูลหมอเทวดาของเราคงต้องยกให้อาจารย์ของเจ้าแล้ว”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องดูถูกตัวเองจนเกินไป หากไม่มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นของพวกเจ้า ข้าคงไม่สามารถเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ได้”

เย่จิ่งฝูไม่ค่อยเข้าใจ คำพูดนี้เหตุใดถึงฟังแล้วดูแปลกพิกล

จากนั้นก็เห็นจี้จือฮวนเลือกมีดเล่มหนึ่งขึ้นมา แล้วเดินไปทางเซี่ยหยาง เย่จิ่งฝูก็ชะโงกหัวไปมองอย่างเงียบ ๆ “เจ้าจะทำอะไรหรือ?”

“ตอนเขา” จี้จือฮวนเอ่ยประโยคนี้อย่างเยือกเย็นจบ เสียงกลืนน้ำลายของเย่จิ่งฝูก็ดังก้องอยู่ในหูอย่างชัดเจน

“เจ้าบอกว่าจะฆ่าเขาไม่ใช่หรือ?”

“ก่อนฆ่าไม่มีข้อห้ามว่าไม่ให้ข้าเก็บเขาเอาไว้ทรมานก่อนนี่นา เจ้ากลัวหรือ? กลัวก็ไปเฝ้าหน้าประตูเอาไว้แล้วกินยาเม็ดนี้ซะ หากเจ้ากล้านำคำที่ข้าพูดเมื่อครู่ไปแพร่งพราย หรือไม่ยอมร่วมมือกับข้า…”

เย่จิ่งฝูมองยาเม็ดนั้น ก่อนจะยิ้มอย่างฝืดเฝื่อนแล้วกลืนลงไปทันที จากนั้นก็เดินไปพิงที่ประตูเงียบ ๆ

ได้กลิ่นเลือดที่ค่อย ๆ โชยมาจากด้านใน เซี่ยหยางไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เย่จิ่งฝูก็อดไม่ได้ จะปล่อยให้ตระกูลหมอเทวดาเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ต่อไปคงต้องเรียนวรยุทธ์ที่ใช้ป้องกันตัวบ้างแล้วกระมัง มิน่าเล่าพวกอาจารย์ลุงและอาจารย์อาเวลาลงจากเขา มักจะเจอกับเรื่องไม่คาดฝันทุกครั้ง

“เย่จิ่งฝู” ผ่านไปสักพัก จี้จือฮวนก็เรียกนาง

“มาแล้ว” นางรีบลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ข้างกายจี้จือฮวน เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็เกือบจะหันหลังกลับแล้วอาเจียนออกมา

จี้จือฮวนเอ่ยเสียงเรียบขึ้นมา “เจ้าออกไปหาถังซุ่นด้านนอก บอกว่าข้าต้องการผู้ช่วย ให้เขาไปเรียกไป๋จิ่นหรือเยว่พั่วหลัวคนใดคนหนึ่งมา ยังมีอีกคนอยู่ที่หย่งอันถังชื่อว่าจางปาเหลี่ยงด้วย”

“แค่นี้หรือ?”

“แค่นี้แหละ”

เย่จิ่งฝูไม่กล้าชักช้า รีบออกไปตามคนทันที

จี้จือฮวนคิดว่าพวกเยว่พั่วหลัวคงยังไม่กลับมา ดังนั้นถังซุ่นก็ไม่แน่ว่าจะตามหาคนได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่นางคิดไม่ถึงว่าจะมาเร็วเพียงนี้ อีกทั้งยังมีจางปาเหลี่ยงตามเข้ามาติด ๆ ด้วย

มีเย่จิ่งฝูอยู่ องครักษ์ของตำหนักองค์ชายรองเหล่านั้นแม้จะร้อนใจ แต่ก็ไม่ได้เข้ามาตรวจสอบ เพียงแค่เอ่ยถามเบา ๆ เป็นระยะ ๆ ว่าองค์ชายรองยังปลอดภัยดีอยู่หรือไม่

“เจ้ามาเร็วเพียงนี้เชียว?” จี้จือฮวนรู้สึกประหลาดใจ

เยว่พั่วหลัวยักไหล่ “เมื่อคืนข้ากินมากไปหน่อย กระเพาะจึงไม่ค่อยย่อย ก็เลยมาเอายาช่วยย่อยอาหารที่นี่สักหน่อย แต่เห็นว่าสายมากแล้วก็เลยจะอยู่ที่หย่งอันถัง แต่ข้าเห็นว่าวันนี้มีทหารมามากมาย เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”

จางปาเหลี่ยงก็พยักหน้าหงึก ๆ “ใช่แล้ว ข้าได้ยินว่ามีองค์ชายอะไรมาสักอย่าง องครักษ์นั่นดุมากทีเดียว”

จี้จือฮวนคิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเช่นนี้ นางกวักมือเรียกจางปาเหลี่ยงให้เข้ามา “เจ้ามานี่สิ”

จางปาเหลี่ยงย่อมเข้าไปหาอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะโค้งตัวลงแล้วเอ่ยขึ้นมา “มีอะไรจะสั่งหรือขอรับ”

“เจ้าอย่ายืนหลังค่อม ยืดหลังให้ตรงหน่อย ให้ข้าดูที”

จางปาเหลี่ยงเมื่อก่อนเป็นอันธพาล มีท่าทางสุภาพที่ใดกัน ขนาดยืนก็ยังไม่มีความเป็นผู้ดีเลย

แต่ตอนนี้จี้จือฮวนไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว

อีกอย่างเมื่อเทียบส่วนสูงของจางปาเหลี่ยงแล้ว ก็ใกล้เคียงกับเซี่ยหยางอย่างมาก มีเพียงบุคลิกท่าทางเท่านั้นที่ยังดูขัดหูขัดตา แต่ว่าเซี่ยหยางตอนนี้เจ็บหนักอยู่ นอนปวกเปียกบนเตียงก็เหมาะสมแล้ว

“เจ้าอยากเป็นองค์ชายหรือไม่?”

“ฮะ!?” จางปาเหลี่ยงนิ่งงัน “เรื่องดีเช่นนี้ข้าคงต้องตั้งใจเก็บเงินในชาตินี้แล้วขอรับ แล้วเอาไปทำบุญขอพรกับท่านพญายม เขาถึงจะสามารถทำให้ข้าสมหวังได้นะขอรับ ”

.

.

.