“ติ๊ดๆๆ!” เช้าตรู่วันหนึ่ง หานอวี้ที่ยังคงนอนหลับพลันถูกเสียงร้องของอุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ข้างหมอนปลุกขึ้นมา เขาหลับตาคลำไปที่ข้างหมอนสักพัก เมื่อแตะโดนตัวการที่รังควานการนอนหลับของเขาถึงค่อยลืมตาขึ้น…
พอเห็นชื่อที่คุ้นเคย หานอวี้ก็ตื่นเต็มตา ลุกขึ้นนั่งฉับพลัน เขาใส่อุปกรณ์สื่อสารไว้บนข้อมือตัวเองแล้วกดปุ่มรับสาย
จากนั้นก็เห็นร่างของเว่ยจี้ปรากฏตัวขึ้นในหน้าจอเสมือนจริง เขาขมวดคิ้ว สีหน้าดูเคร่งขรึมมาก “หานอวี้ นายรู้ข่าวที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักประกาศเมื่อเช้าหรือยัง?”
“เมื่อวานฉันนอนดึกเพราะว่าเตรียมข้อมูลสมัครเข้ากองทัพ ถ้าเกิดนายไม่ได้ปลุกฉัน ตอนนี้ฉันยังนอนอยู่เลย” หานอวี้อดหาวไม่ได้ ช่วงนี้นักเรียนปีห้าอย่างพวกเขาต่างยุ่งเรื่องสมัครสอบเข้ากองทัพ แทบจะไม่สนใจเรื่องภายนอกเลย
“ความสงบสุขตลอดหนึ่งปีของโรงเรียนกำลังจะจบแล้ว” เว่ยจี้กล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง
“เกิดอะไรขึ้น?” สีหน้าของเว่ยจี้ทำให้สีหน้าของหานอวี้เคร่งเครียดตาม หานอวี้รู้ดีว่า ถ้าหากไม่เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมา อีกฝ่ายที่เป็นรองหัวหน้ากลุ่มอู๋จี๋ไม่มีทางมารบกวนเขาเช้าตรู่ขนาดนี้
“เหลยถิงเคลื่อนไหวแล้ว” เว่ยจี้บบอกข่าวที่เขารู้เมื่อเช้าให้หานอวี้
หานอวี้มีปฏิกิริยาทันที “กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียน? ศึกท้าประลองล้างแค้นของเหลยถิง?” ดูเหมือนว่ากลุ่มหุ่นรบเหลยถิงแค้นเคืองจริงๆ ฉวยโอกาสจัดการฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซากในช่วงที่อีกฝ่ายยังอ่อนแอยืนไม่มั่นคง
“อื้อ เมื่อเช้าออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักประกาศข่าวนี้กับนักเรียนทุกคน การแข่งขันท้าประลองจะเริ่มตอนบ่ายโมงตรงหลังจากนี้หนึ่งอาทิตย์ ฉันคิดว่านายก็น่าจะได้รับแล้วเหมือนกัน” เว่ยจี้บอกข้อมูลที่เขาได้รับมาเมื่อเช้าให้หานอวี้
หานอวี้ได้ฟังก็รีบค้นข้อมูลบนอุปกรณ์สื่อสาร แล้วก็พบว่าได้รับข้อความแจ้งเตือนจากออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนจริงๆ ดูท่าโรงเรียนทหารก็ให้ความสำคัญกับการแข่งขันท้าประลองครั้งนี้อย่างยิ่งยวดเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำการแจ้งทั้งโรงเรียน
“เอ๋? เหลยถิงเลือกประลองหุ่นรบขนาดเล็ก 12 คน? นี่ให้โอกาสกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนชัดๆ เลยไม่ใช่หรือไง?” หานอวี้เห็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการประลองแข่งขันก็อดประหลาดใจไม่ได้
“ดูสิว่าคนที่นำทีมคือใคร” เว่ยจี้เอ่ยเตือน
“เฉียวถิง ฮ่าๆ ดูท่าเฉียวถิงจะตัดสินใจลงมืออำมหิตแล้วสินะ ไม่ยอมจนกว่าจะทำลายกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนให้สิ้นซาก”หานอวี้กล่าวอย่างยินดี
เวลานี้หานอวี้เกลียดชังกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนมากเช่นกัน เนื่องจากหลี่หลานเฟิงและจ้าวจวิ้นปฏิเสธที่จะร่วมมือกับอู๋จี๋ของพวกเขาในตอนเริ่มเปิดเรียนปีนี้ หลังจากการตรวจสอบของเขาก็พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนอยู่บ้าง ถึงแม้ยังไม่แน่ใจว่าพวกเขาเข้าร่วมกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนแล้วจริงหรือไม่ แต่ความเป็นไปได้เช่นนี้ก็ทำให้หานอวี้คับแค้นใจไม่หยุด
อันที่จริง หานอวี้ฝึกฝนบุคคลประเภทกุนซืออย่างโจวย่าก็เพราะอยากลดทอนอำนาจบารมีของหลี่หลานเฟิงในกลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋จริงๆ เขาจดจำคำพูดของหัวหน้ากลุ่มคนก่อนได้ขึ้นใจว่า คนที่ไม่ได้มาจากกลุ่มอำนาจของตัวเองไม่มีค่าพอให้เชื่อใจ แต่เขายังไม่ได้รีดคุณค่าของหลี่หลานเฟิงจนหมด เขาไม่อยากให้เสนาธิการที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ออกไปจากอู๋จี๋… พูดตามตรง โจวย่ายังอ่อนด้อยนิดหน่อย
สิ่งที่ทำให้เขาขุ่นเคืองยิ่งกว่านั้นคือ ตอนที่หลี่หลานเฟิงถอนตัว เขาก็พาจ้าวจวิ้นไปด้วย นี่ทำให้เขาเดือดดาลมาก คิดว่าหลี่หลานเฟิงลอบวางแผนร้ายใส่เขา ควรรู้เอาไว้ว่าจ้าวจวิ้นคือนักสู้อันดับหนึ่งของพวกเขากลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋ ทุกครั้งที่ทำการประลองกับกลุ่มอำนาจอื่น จ้าวจวิ้นคือหัวเรี่ยวหัวแรงที่กลุ่มหุ่นรบขาดไม่ได้…
ดังนั้น หานอวี้จึงเกลียดชังหลี่หลานเฟิง ถึงขนาดพาลชิงชังกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนที่พัวพันกับหลี่หลานเฟิงอยู่เรื่อยมาเช่นกัน ถ้าเกิดกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงสามารถมอบหายนะมาให้กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนได้ละก็ เขาหานอวี้ย่อมยินดีที่จะได้เห็น
หานอวี้ใคร่ครวญดีแล้ว ถ้าเกิดกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนถูกกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงทำลายจนย่อยยับ เขาจะต้องพาคนไปหาหลี่หลานเฟิงกับจ้าวจวิ้น มอบความเวทนาสงสารของเขาให้อีกฝ่ายด้วยท่าทีหยิ่งยโส ทว่าเวลานั้นจะไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบร่วมมืออะไรกันอีกแล้ว หากแต่เป็นความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับคนรับใช้
“ไม่ว่าผลการแข่งขันนี้จะเป็นยังไง คาดการณ์ได้เลยว่าจากนี้ไป โรงเรียนของเราจะเข้าสู่ช่วงเวลาขัดแย้งของกลุ่มอำนาจใหญ่ต่างๆ อีกครั้งแล้ว” การเคลื่อนไหวของกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงไม่มีทางหยุดลงเพียงเท่านี้ เว่ยจี้ที่เป็นศัตรูกับเฉียวถิงมาสี่ปีรู้ความทะเยอทะยานของอีกฝ่ายดี ถ้าเกิดสามารถสยบกลุ่มอำนาจทั้งหมดในโรงเรียนทหารได้ก่อนสมัครเข้ากองทัพ เฉียวถิงก็จะกลายเป็นราชาของโรงเรียนทหารได้สมกับชื่อของเขา นี่จะมีประโยชน์ต่อการก้าวหน้าในอนาคตของเขาอย่างใหญ่หลวง
ถ้าหากเขาครอบครองความสามารถและอิทธิพลเหมือนอย่างเฉียวถิงในตอนนี้ละก็ เขาเว่ยจี้ก็ยากจะต้านทานการล่อใจนี้เหมือนกัน…
“เราก็ต้องเตรียมตัวด้วยเหมือนกัน บางทีผ่านไปอีกสักระยะ พวกเราอาจจะได้รับจดหมายท้าประลองจากเหลยถิงแล้ว” เว่ยจี้กล่าวพลางถอนหายใจ พวกเขาต่อกรกับเหลยถิงโดยที่ไม่มีจ้าวจวิ้นอยู่ ในใจยังคงรู้สึกไม่มีความมั่นใจอยู่บ้าง ควรรู้ไว้ว่า ในการประลองหุ่นรบก่อนหน้านี้ ถึงแม้จ้าวจวิ้นจะด้อยกว่าเฉียวถิงหนึ่งระดับ แต่เขากลับเป็นหนึ่งในสามคนของโรงเรียนที่สามารถต้านทานเฉียวถิงได้มากกว่ายี่สิบกระบวนท่า ส่วนอีกสองคน หนึ่งคือหัวหน้ากลุ่มเทียนจี และอีกคนก็คือรองหัวหน้ากลุ่มโดฮา ในด้านการควบคุมหุ่นรบ ไม่ว่าเขาหรือว่าหานอวี้ต่างด้อยกว่าสามคนนี้เล็กน้อย
“น่าชังจริงๆ!” หานอวี้นึกถึงเรื่องนี้เช่นกัน ก่อนจะกำหมัดทุบขอบเตียงอย่างรุนแรง ความแค้นที่มีต่อหลี่หลานเฟิงพุ่งพรวดอีกครั้ง “การแข่งท้าประลองอาทิตย์หน้าเริ่มแล้ว อย่าลืมแจ้งฉันให้ไปดูด้วยนะ” หานอวี้จะต้องเห็นการล่มสลายของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนกับตาตัวเอง เขาถึงจะระบายความแค้นนี้ได้
เป็นเพราะหลี่หลานเฟิง กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนจึงกลายเป็นเป้าหมายที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ในการระบายความขุ่นแค้นของหานอวี้
“ไม่รู้เหมือนกันว่า กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนจะเลือกการแข่งขันแบบเปิดหรือเปล่า ถ้าเกิดเลือกแบบปิด พวกเราอยากดูก็ดูไม่ได้แล้ว” เว่ยจี้นิ่วหน้ากล่าว จำนวนคนเข้าต่อสู้ในการท้าประลองถูกเสนอโดยฝ่ายท้าประลอง ทว่าฝ่ายที่เลือกว่าเป็นการประลองแบบเปิดหรือว่าการประลองแบบปิดนั้นถูกตัดสินใจโดยฝ่ายที่ถูกท้า เว่ยจี้กลัวว่ากลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนจะกลัวอับอายขายหน้า ไม่ยอมเลือกการประลองแบบเปิด ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อให้พวกเขาอยากดูก็ดูไม่ได้เช่นกัน
“เกรงว่าครั้งนี้อาจจะไม่…” หานอวี้ทำสีหน้ายินดีในความโชคร้ายของคนอื่น “ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ ทำไมออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียนถึงต้องทำการประกาศใหญ่โตไปทั่วโรงเรียนแบบนี้ด้วยล่ะ ฉันเดาว่าระดับสูงของโรงเรียนก็อยากใช้ศึกท้าประลองครั้งนี้มาฟื้นคืนบรรยากาศภายในโรงเรียน หลังจากห่อเหี่ยวไปหนึ่งปี ฉันเดาว่าตาเฒ่าพวกนั้นอดทนไม่ไหวกันแล้วล่ะ” หานอวี้ไม่ได้เป็นหัวหน้ากลุ่มของอู๋จี๋สองปีอย่างเปล่าประโยชน์ เขายังคงเข้าใจแผนการกลยุทธ์บางอย่างของพวกระดับสูงในในโรงเรียนอยู่บ้าง
เว่ยจี้ได้ยินคำกล่าว แววตาพลันเปล่งประกาย จริงด้วยสินะ ครั้งนี้ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียนทำการป่าวประกาศแตกต่างจากที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างที่หานอวี้พูดไว้จริงๆ มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกระดับสูงของโรงเรียนจะใช้ประโยชน์จากศึกท้าประลองในคราวนี้มาจุดบรรยากาศการต่อสู้ที่ดุเดือดอย่างเมื่อก่อนในโรงเรียนใหม่อีกครั้ง เช่นนั้น พวกเขาไม่มีทางยอมให้ศึกท้าประลองครั้งนี้จบลงอย่างสงบเงียบเชียบแบบนี้เป็นอันขาด
“อำนาจตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนแล้ว” เว่ยจี้อดไว้อาลัยให้กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนไม่ได้ ดูท่าพวกระดับสูงของโรงเรียนจะให้กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเป็นเครื่องสังเวยเพื่อฟื้นฟูโรงเรียนกลับมามีชีวิตชีวาดังเดิมโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว
“เฉียวถิง โชคของเขาดีเกินไปแล้ว!” เว่ยจี้เอ่ยด้วยความอิจฉา เวลานี้จังหวะ ชัยภูมิและมานะคนต่างรวมเข้าด้วยกันแล้ว ถ้าหากเขายังไม่อาจกลายเป็นราชาของโรงเรียนภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาก็ทำผิดต่อความเอาใจใส่ของพวกระดับสูงในโรงเรียนเกินไปแล้ว
……
ห้องผู้อำนวยการโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ผู้อำนวยการที่ยากจะโผล่หน้าในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องทำงานของเขา เส้นผมบนศีรษะของเขาเป็นสีขาวขนนกกระเรียน ใบหน้าแดงระเรื่อ ทั่วทั้งร่างดูเป็นมิตรน่าคบหา ทว่าดวงตาทั้งสองข้างของเขากลับสดใสมีชีวิตชีวา ถึงขนาดที่มีรัศมีวาวโรจน์หลุดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยรวมแล้ว ถึงแม้ผู้อำนวยการอายุหนึ่งร้อยยี่สิบกว่าปีแล้ว ทว่าเขาไม่ได้ดูแก่ชราเลยสักนิดเดียว
ชีวิตของมนุษย์ยุคสมัยนี้พัฒนาขึ้นไปตามความแข็งแกร่งของร่างกาย มนุษย์ทะลวงขอบเขตอายุขัยได้ตั้งแต่หมื่นปีก่อน การมีชีวิตอยู่จนถึงสองร้อยปีนั้นเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว ผู้ที่แข็งแกร่งเหนือชั้นก็อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงสามร้อยกว่าปี ถึงแม้อายุที่แท้จริงผู้อำนวยการจะไปถึงหนึ่งร้อยยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ร่างกายของเขายังคงแข็งแกร่งราวกับชายกำยำอายุห้าสิบหกสิบก็ไม่ปาน ปลิดชีพสัตว์อสูรขั้นสามด้วยมือเปล่าย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็นสำหรับเขาเลย
เวลานี้เขากำลังอ่านข้อเสนอที่รองผู้อำนวยการหลายท่านรวมถึงหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ของโรงเรียนร่วมกันยื่นมา หวังว่าเขาสามารถอนุมัติข้อเสนอของพวกเขา ใช้ขอบเขตอำนาจของผู้อำนวยการตั้งการท้าประลองแข่งขันระหว่างกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงกับกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเป็นการประลองแบบเปิด
หลังจากที่ตั้งใจอ่านจนจบแล้ว ผู้อำนวยการก็เอ่ยว่า “ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักกำหนดสิทธิ์และความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่ายในศึกท้าประลองแล้ว เราไม่ควรไปเปลี่ยนจะดีกว่า นอกเสียจากว่ามีความจำเป็น”
เจ็ดแปดคนที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงานผู้อำนวยการได้ยินคำกล่าวของผู้อำนวยการก็สบตากันเอง ท้ายที่สุดก็มีคนผู้หนึ่งออกหน้าเอ่ยปากอธิบายว่า “ผู้อำนวยการครับ คือว่าเรื่องเป็นแบบนี้…” คนผู้นั้นบอกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของพวกเขาออกมา สุดท้ายก็กล่าวว่า “ตอนนี้นักเรียนขาดเป้าหมายที่สามารถไล่ตามได้ ถึงแม้นายพลหลิงเซียวคือไอดอลของมหาชน เป็นตำนานของสหพันธรัฐเรา ทว่าก็เพราะเขาเก่งกาจมากเกินไป ทำให้พวกนักเรียนไม่มีความมั่นใจว่าสามารถไปถึงขั้นนายพลหลิงเซียวได้ ดังนั้นโรงเรียนทหารของเราจำเป็นต้องผลักดันไอดอลคนใหม่ ตำนานบทใหม่ที่ใกล้กับพวกนักเรียนมากขึ้น ทำให้พวกเขาสามารถสัมผัสได้ ถึงขนาดที่อยากให้พวกเขารู้สึกว่าขอเพียงขยันหมั่นเพียรพยายาม เขาก็สามารถทำเรื่องนี้ได้…”
“สงครามจู่โจมทางอากาศหนึ่งปีก่อนยังคงสะเทือนขวัญนักเรียนของเรา พวกเราต้องทำให้พวกเขาลืมเรื่องนี้ไป แล้วฟื้นคืนระบบการแข่งขันอันยอดเยี่ยม ประเพณีอันดีงามของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเรากลับมาอีกครั้ง!” อีกคนกล่าวตามมาติดๆ “ดังนั้น ศึกท้าประลองนี้คือโอกาสนะครับ เราจำเป็นต้องเปิดเผยต่อคนทั้งโรงเรียน เพื่อกระตุ้นความกล้าหาญและจิตวิญญาณต่อสู้ของพวกนักเรียนครับ!”
ผู้อำนวยการฟังแล้วก็ครุ่นคิดอย่างสงบนิ่งอยู่หลายวินาทีถึงค่อยเอ่ยว่า “พวกนายอยากใช้ประโยชน์จากศึกท้าประลองนี้สร้างตำนานบทใหม่ออกมาใช่หรือเปล่า?”
ทุกคนตะลึงงัน ก่อนจะสบตากันเอง พวกเขารู้ว่าไม่อาจปกปิดเรื่องราวต่อหน้าผู้อำนวยการที่เฉลียวฉลาดมากความสามารถได้ ดังนั้นทุกคนจึงพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา บ่งบอกว่าผู้อำนวยการกล่าวถูกต้องแล้ว
“คนที่พวกนายเลือกคือเฉียวถิง?” แววตาของผู้อำนวยการมีประกายแสงพาดผ่าน
คำถามของผู้อำนวยการได้รับการพยักหน้าจากทุกคนอีกครั้ง เดิมทีเฉียวถิงก็คือนักเรียนปีสี่ของโรงเรียนเพียงคนเดียวที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชา เห็นได้ว่าพรสวรรค์ด้านการควบคุมหุ่นรบของอีกฝ่ายล้ำเลิศมาก ถูกเรียกว่าหลิงเซียวคนที่สองในโรงเรียน ตอนนี้ก็ได้รับความโปรดปรานจากจอมพลที่สาม ชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโรงเรียน ในฐานะที่เขาเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียน พวกเขาไม่เลือกอีกฝ่ายแล้วจะเลือกใครได้อีกเล่า?
ผู้อำนวยการได้ยินกล่าวก็เงียบไปอีกหลายวินาที ราวกับกำลังวิเคราะห์ส่วนได้ส่วนเสียของข้อเสนอแนะนี้ ท้ายที่สุดเขาก็ผงกศีรษะพูดว่า “ก็ได้ ในเมื่อทุกคนต่างคิดแบบนี้ งั้นฉันก็จะอนุมัติข้อเสนอของพวกนาย ใช้ขอบเขตอำนาจของผู้อำนวยการ กำหนดให้การท้าประลองแข่งขันนี้เป็นประลองแบบเปิด แต่ฉันอยากเตือนพวกนายนะ อย่าคิดว่าทุกอย่างจะสวยงามตามที่หวังมากนัก งานอยู่ที่คน ความสำเร็จอยู่ที่ฟ้า ไม่มีอะไรแน่นอน หวังว่าพอถึงเวลานั้น พวกนายจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้!
“ไม่มีทางอยู่แล้วครับ!” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน เวลานี้พวกเขาที่ดีใจอย่างเหลือล้นคิดว่า ผู้อำนวยการกังวลใจเกินเหตุไปชัดๆ ถ้าหากกลุ่มหุ่นรบที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาสามารถเอาชนะกลุ่มหุ่นรบชั้นปีสูงที่นำโดยผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาได้ละก็ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่าขบขันอย่างแท้จริงแล้ว
เมื่อเห็นคนเหล่านี้ไม่ฟังคำเตือนของเขาเลย ผู้อำนวยการก็ไม่ได้โกรธ ส่วนทุกคนบรรลุเป้าหมายของพวกเขาแล้วก็บอกลาผู้อำนวยการและออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
สุดท้าย ห้องทำงานของผู้อำนวยการที่กว้างขวางก็เหลือแค่ผู้อำนวยการเพียงคนเดียวเท่านั้น เขานั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน หยิบใบข้อเสนอนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะตั้งใจอ่าน ท้ายที่สุดมุมปากพลันแสยะยิ้ม หัวเราะพรวดขึ้นมา
เจ้าพวกโง่เง่ากลุ่มนี้ไม่ได้ไปศึกษาข้อมูลของสมาชิกกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนให้ดีเลย หลิงหลาน หัวหน้ากลุ่มหุ่นรบหลิงเทียน ลูกชายที่สามารถทำให้หลิงเซียวมีแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจจนปกปิดไม่ได้เลยสักนิดเดียวผู้นั้นจะเป็นคนธรรมดาไปได้อย่างไร? เขาที่เข้าใจหลิงเซียวรู้ดีว่า การที่ทำให้หลิงเซียวภาคภูมิใจได้ แสดงว่าความสามารถของหลิงหลานย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ถึงขนาดที่มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาเข้าสู่ระดับผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแล้วเหมือนกัน คนที่เป็นอัจฉริยะระดับปีศาจแบบนี้จะถูกคนอื่นเอาชนะได้ง่ายๆ เหรอ?”
แผนการสร้างเทพ ไม่รู้จริงๆ ว่าเทพที่สร้างออกมาในตอนสุดท้ายนี้จะเป็นใครกันแน่นะ?
ผู้อำนวยการเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไปทั่วทั้งโรงเรียน มุมปากอดเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมาไม่ได้
บางทีโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งอาจจะน่าสนุกขึ้นมาแล้ว! หลิงเซียวเอ๋ย ไม่นึกเลยว่า เวลาผ่านไปไวขนาดนี้ ถึงเวลาที่ลูกชายของนายแสดงความสามารถออกมาแล้ว หวังว่าเขาจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง!