ตอนที่ 392 รักษาโรคให้หญิงวิปลาส (3)
เมื่อได้ฟัง มั่วเชียนเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ
มาหาแต่เช้าตรู่เช่นนี้ เพื่อการใดกันแน่ เช่นเดียวกับที่มั่วเหนียงบอก ใช้หัวแม่เท้าคิดก็คิดได้ว่ามาเพราะเรื่องอะไร!
หากมั่วเชียนเสวี่ยไม่สนใจพวกนาง พวกนางก็ไม่อาจทำอะไรได้!
แต่ว่าวันนี้ นางก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ วันเวลายาวนานช่างน่าเบื่อ ปวดเมื่อยไปทั้งตัวไม่อยากเคลื่อนไหว ในเมื่อมีคนมาสร้างความสุขให้นาง เหตุใดนางจึงจะไม่ยินดีเล่า
“ให้พวกนางเข้ามาเถอะ” มั่วเชียนเสวี่ยโบกมือ
มั่วเหนียงพูดห้ามปราม แต่กลับถูกมั่วเชียนเสวี่ยพูดขัด
“ไม่เป็นไร หมัวมัวไปเถอะ ท่านไม่ให้พวกนางเข้ามา พวกนางก็ไม่ยอมแพ้”
มั่วเชียนเสวี่ยคิดอย่างทะลุปรุโปร่ง หากวันนี้ไม่ให้พวกนางสองคนเข้ามาในเรือนเสวี่ยหว่าน คาดว่าไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม บรรดาผู้อาวุโสของตระกูลมั่ว ก็คงโวยวาย
นางไม่กลัว แต่นางเกลียดที่จะพบเจอชายชราเหล่านั้น
เห็นชัดว่ามั่วเหนียงก็เข้าใจข้อนี้ หลังจากที่นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็พยักหน้าแล้วเดินออกไป
มั่วเชียนเสวี่ยยังคงนอนอยู่บนตั่งหญิงงามด้วยความเกียจคร้าน เวลานี้ นางไม่อยากขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
นางปวดเมื่อยไปทั้งตัว รักษาตัวหนึ่งถึงสองวัน ก็ไม่ได้เกินไป
แต่ว่าภายในใจของมั่วเชียนเสวี่ยยังคงรู้สึกหวานชื่น
ตลอดทาง หนิงเซ่าชิงคิดเผื่อนางทุกอย่าง เป็นห่วงและเอาใจใส่นางอย่างมาก คอยกังวลทุกอย่าง
สิ่งสำคัญที่สุดคือ หนิงเซ่าชิงยังพานางไปพบ คนที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา
มั่วเชียนเสวี่ยรู้จักหนิงเซ่าชิงดี หากเขาไม่ได้จริงใจกับนาง เขาไม่มีวันพานางไปพบพระอาจารย์คนนั้นอย่างแน่นอน
ถึงแม้ ทั้งสองจะยังรักกันมาโดยตลอด แต่ว่าหลังจากเข้ามาในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าแท้จริงแล้วมั่วเชียนเสวี่ยไม่สบายใจยิ่งนัก!
หุบเขาเล็กๆ นั่นกับเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรือง ไม่อาจเทียบกันแม้แต่น้อย
ตอนอยู่บนหุบเขาในหมู่บ้านหวังจยา มั่วเชียนเสวี่ยมั่นใจว่านางจะครอบครองหัวใจของหนิงเซ่าชิงได้…ตลอดชีวิต!
แต่เมื่อมาถึงเมืองหลวง ไม่ใช่ว่านางไม่มีความมั่นใจ แต่ว่าสตรีในเมืองหลวง คนละระดับกับสตรีในหมู่บ้านเล็กๆ เช่นหมู่บ้านหวังจยานับสิบระดับ! อีกเรื่องหนึ่งคือครอบครัวของหนิงเซ่าชิงอยู่ที่นี่! บิดาของเขาอยู่ที่นี่ ท่านย่าของเขาอยู่ที่นี่
คนสมัยโบราณให้ความสนใจกับการตบแต่งภรรยาและรับอนุภรรยาอย่างมาก! นางกลัวเหลือเกินว่าวันหนึ่งแม้หนิงเซ่าชิงจะยังคงรักนาง แต่เพราะแรงกดดันเขาจึงจำต้องรับสตรีอื่นเข้ามาในตระกูล!
แม้ระหว่างพวกเขาจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มั่วเชียนเสวี่ยก็รู้สึกคลื่นไส้ราวกับกินแมลงวันเข้าไป!
แต่ว่าโชคดี หนิงเซ่าชิงไม่ได้ทำเรื่องเช่นนี้กับนาง!
ตอนที่มั่วปี้หรุ่ยและมั่วปี้หรงเดินเข้ามาในห้อง สิ่งที่เห็นคือ มั่วเชียนเสวี่ยนอนบนตั่งหญิงงามแล้วมุมปากยกขึ้น…อย่างมีความสุข
นึกถึงเรื่องเมื่อวานที่มั่วเชียนเสวี่ยเลี่ยงพวกนางแล้วออกไปเที่ยวเล่นกับหัวหน้าตระกูลหนิงตลอดทั้งวัน คาดว่าต้องมีความสุขแน่นอน ความขุ่นเคืองปะทุขึ้นในใจของพวกนาง เปลวไฟที่ฉายในแววตาแทบอยากจะฉีกมั่วเชียนเสวี่ยเป็นชิ้นๆ โอกาสที่ดีเช่นนี้ กลับไม่พาพวกนางไปด้วย!
มั่วเชียนเสวี่ยตอนเด็กๆ พวกนางสองคนเคยพบเจอครั้งหนึ่ง ไม่เพียงเคยพบเจอ ทั้งยังเคยกลั่นแกล้ง มั่วเชียนเสวี่ยคนนี้ขวัญอ่อนยิ่งนัก ข้อนี้พวกนางรู้ดี
ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ พวกนางถ่อมตน ทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง มั่วเชียนเสวี่ยไม่ค่อยได้เจอพวกนาง ทั้งยังไม่ไว้หน้าพวกนาง คนที่ทำให้พวกนางขุ่นเคืองใจมีแค่มั่วเหนียงเท่านั้น
พวกนางยิ่งมั่นใจว่ามั่วเชียนเสวี่ยเพียงแค่โชคดีเท่านั้น มีหญิงชราร้ายกาจคอยปกป้อง จึงวางตัวเช่นนี้ได้
มั่วเชียนเสวี่ยยิ้ม โบกมือบอกให้มั่วเหนียงและสาวใช้ทั้งหมดออกไป ภายในห้องเหลือเพียงพวกนางสามคนเท่านั้น
นางจะดูซิว่า สองหญิงตระกูลมั่วจะแสดงอะไร เมื่อหมัวมัวและสาวใช้อยู่ด้วย พวกนางไม่อาจแสดงเต็มที่! คาดว่าพวกนางคงป่วยแล้ว นางต้องรักษาพวกนาง
เมื่อเห็นว่าทุกคนออกไปกันหมดแล้ว หลังจากสองหญิงตระกูลมั่วมองหน้ากัน แววตาของพวกนางฉายความลำพองใจ
ครั้งแรก เดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้นานกว่าครึ่งค่อนวัน มีท่านหญิงซูซูอยู่ด้วย พวกนางไม่อาจทำอะไรได้
ในตอนหลังพบเจอมั่วเชียนเสวี่ยอีกครั้ง มีมั่วเหนียง ชูอีและสืออู่คอยติดตาม พวกนางพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ถูกมั่วเหนียงไล่ออกมา
หลังจากนั้น พวกนางมักจะได้ยืนอยู่นอกเรือน ไม่แม้แต่จะได้เข้ามา
ครั้งนี้ พวกนางต้องอาศัยโอกาสนี้ในการสั่งสอนมั่วเชียนเสวี่ย เช่นเดียวกับตอนเด็ก ให้นางรู้ว่าอะไรคืออะไร
“คารวะน้องเชียนเสวี่ย”
“คารวะพี่เชียนเสวี่ย”
เล่นลูกไม้พี่สาวน้องสาวอีกแล้วหรือ สีหน้าของมั่วเชียนเสวี่ยเยือกเย็นเล็กน้อย ฉายความรำคาญ
“อย่าพี่สาวน้องสาวอะไรเลย ข้าอาภัพ ไม่มีวาสนาเป็นพี่น้องกับพวกเจ้าได้ เมื่อคราวก่อนข้าเคยเตือนพวกเจ้าแล้ว อย่าเรียกพร่ำเพรื่อ!” นางยื่นนิ้วออกไปหนึ่งนิ้ว แล้วส่ายไปมาตรงหน้าทั้งสอง
ท่าทีของนาง คล้ายตรงหน้าคือสุนัขบ้าสองตัว
มั่วปี้หรงเป็นคนอารมณ์ร้อน เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็อยากจะด่าทอมั่วเชียนเสวี่ย นางเหยียดตัวตรงจะพุ่งเข้าไปหามั่วเชียนเสวี่ย สุดท้ายมั่วปี้หรุ่ยมีไหวพริบ คว้าตัวมั่วปี้หรงเอาไว้!
“น้องปี้รุ่ย เจ้าจับข้าทำไม ข้าจะเสวนากับนางคนชั้นต่ำ! อะไรคือการบอกว่าไม่มีวาสนาเป็นพี่น้อง ล้วนเป็นบุตรีเอกตระกูลมั่ว นางเห็นพวกเราเป็นสาวใช้ของนางจริงๆ เช่นนั้นหรือ หากนางไม่อยากมีพี่น้อง เช่นนั้นก็ยกตำแหน่งฮูหยินน้อยของตระกูลหนิงให้ผู้อื่น ผู้อื่นจะได้ไม่ต้องคอยกังวลไปด้วย!”
“พี่ปี้หรง!” เมื่อได้ยินคำพูดหยาบคายของมั่วปี้หรง มั่วปี้หรุ่ยตกตะลึง! รีบดึงเสื้อของนาง ไม่ให้นางพูดพล่าม!
คำพูดเพียงหนึ่งประโยค ก็ทำให้โมโหแล้ว ช่างไม่มีฝีมือจริงๆ ! มั่วเชียนเสวี่ยยกมุมปากขึ้น
คนไร้สมองอย่างมั่วปี้หรง ต้องตายเร็วแน่ๆ กระมัง
มั่วปี้หรุ่ยยังพอมีสมองอยู่บ้าง แต่ก็ยังอ่อนเกินไป รอยยิ้มในแววตาของนางทรยศนางแล้ว แต่นางกลับไม่รู้ตัว!
ไม่รู้จริงๆ ตระกูลมั่วเลือกสรรอย่างดี เหตุใดจึงเลือกสองคนนี้มาได้ หรือว่าเป็นเช่นเดียวกับอวี่เหวินหันเหล่ย แค่เพราะพวกนางสองคนมีรูปโฉมงดงาม?
หลังจากดูแคลนในใจ มั่วเชียนเสวี่ยค่อยๆ ลุกขึ้นจากตั่งหญิงงาม ยิ้มแล้วมองไปที่มั่วปี้หรง “ยกให้ผู้ใด ให้เจ้าเช่นนั้นหรือ”
ถ้อยคำนี้ แม้มั่วปี้หรงจะคิดเช่นนั้นจริงๆ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป! นางหัวเราะในลำคอ “ให้ผู้ใดก็ไม่ให้สตรีริษยาเช่นเจ้า!”
ด้านนอก มั่วเหนียงได้ยินคำพูดของสองพี่น้อง โมโหยิ่งนัก! อยากจะพุ่งตัวเข้ามาเสวนากับพวกนาง แต่กลับถูกชูอีที่อยู่ข้างๆ คว้ามือเอาไว้!
“เจ้าจะรั้งข้าเพื่ออะไร เจ้าไม่เห็นหรือว่าคุณหนูกำลังถูกรังแก”
ชูอีส่ายหน้า รู้ว่ามั่วเหนียงเป็นห่วงจนว้าวุ่น แม้นางจะเป็นห่วงคุณหนูเหมือนกัน แต่นางเชื่อมั่นในตัวคุณหนู!
“หรือว่าหมัวมัวไม่เชื่อมั่นในตัวคุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้คุณหนูไม่ใช่คุณหนูคนเดิมผู้อ่อนแอในอดีตแล้ว คุณหนูจัดการพวกนางได้ หมัวมัววางใจเถอะเจ้าค่ะ!”
—————————–