ตอนที่ 327

My Disciples Are All Villains

สีวู่หยาไม่เข้าใจ แต่ดูเหมือนว่ายู่ฉางตงจะดูไม่สนใจเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตัวเขาดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี และเพราะแบบนั้นสีวู่หยาก็เลยไม่คิดที่จะกดดันถามต่อไป

ยู่ฉางตงได้เคลื่อนไหวต่อไปด้วยความเร็วสูง มันเป็นความเร็วที่สูงมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งคู่ได้เร่งความเร็วผ่านต้นไม้มากมายหลายต้นไป

หลังจากที่ลู่โจวสงสัยถึงเรื่องผิดปกติบางอย่าง ตัวเขาก็จำได้ขึ้นมาว่าการ์ดทั้งหมดที่มีในตอนนี้กำลังติดคูลดาวน์อยู่

‘น่าอึดอัดซะจริง’ แท้จริงแล้วลู่โจวไล่ตามศิษย์ทั้งสองทันมานานแล้ว แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท ยิ่งไปกว่านั้นลู่โจวยังใช้พลังพิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย ในตอนนี้ตัวเขากำลังเสี่ยงจนเกินไป ลู่โจวจะไล่ตามเหล่าสาวกของเขาต่อไปโดยที่ไม่มีตัวช่วยได้ยังไงกัน?

ลู่โจวกำลังขี่หลังของวิซซาร์ดอยู่ ในตอนนี้ตัวเขากำลังตรวจดูการ์ดที่มีอยู่ในเมนู มันเหลือเวลาคูลดาวน์อีก 5 วันด้วยกัน “วิซซาร์ด…ศิษย์ขงอข้าจ้าวยู่กับหมิงซี่หยิงจะตกอยู่ในอันตรายไหม?”

วิซซาร์ดได้ส่งเสียงร้องแปลกๆ ออกมา

ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพยักหน้า “อย่างน้อยก็ยังดีที่แกเข้าใจสินะ”

ในตอนที่ลู่โจวเลือกที่จะหันหลังกลับ ตัวเขาก็เห็นรถม้าสีดำกำลังบินผ่านไป….รถม้าคันนั้นมันไม่เร็วไม่ช้า มันกลับเคลื่อนไหวอย่างสบายๆ ราวกับว่าผู้คนบนรถม้ากำลังเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์อยู่

คลื่นพลังลมปราณที่ไหลเวียนอยู่บนรถม้าดูไม่ราบรื่นเท่าไหร่

รถม้าลอยฟ้าดูเหมือนจะได้รับความเสียหายบางส่วนไป มันกำลังบินไปตามเส้นทางของมัน ถ้าหากดูจากทิศทางรถม้าคันนี้คงจะมาจากเมืองรูเป่ยไม่ผิดแน่ บริเวณโดยรอบไม่มีมนุษย์แม้แต่คนเดียว แล้วรถม้าลอยฟ้ามาทำอะไรที่นี่กัน? ลู่โจวไม่อาจเข้าใจได้เลย สถานที่แห่งนี้อยู่ไกลเกินกว่าที่มนุษย์จะมาตั้งถิ่นฐานได้ ไกลออกไปทางเหนือยังไม่มีอะไรนอกจากหุบเขาและป่าไม้ โดยปกติแล้วในโลกใบนี้ยังมีมนุษย์ผู้ที่เป็นผู้ฝึกยุทธเร่ร่อนอยู่ พวกเขาจะเป็นพวกเร่ร่อนไม่เลือกอยู่ที่เมืองหรือสังกัดอยู่ที่สำนักใดสำนักหนึ่ง ผู้ฝึกยุทธหลายคนเลือกที่จะผจญภัยอยู่ในป่าอย่างอิสระ ใช้ชีวิตอย่างผาดโผนไปกับสัตว์ร้ายที่แสนน่ากลัว แม้ว่าจะมีผู้ฝึกยุทธแบบนั้นแต่การที่เขาจะพารถม้ามาด้วยก็คงจะเป็นอะไรที่ดูแปลกจนเกินไป

ลู่โจวได้ควบคุมวิซซาร์ดไปใกล้ๆ รถม้าคันนั้น ตัวเขาอยากที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นของใครกันแน่ แต่เมื่อตัวเขาเข้ามาใกล้ลู่โจวก็ได้ยินบทสนทนาบางอย่าง

“เจ้าพวกขี้เกียจ! เดินหน้าเต็มกำลังซะ!”

“นายท่านพวกเราไม่สามารถทำแบบนั้นได้! ระเบิดพลังก่อนหน้านี้ได้สร้างความเสียหายให้กับรถม้าคันนี้ไป รถม้าคันนี้ไม่อาจเร่งความเร็วเต็มที่ได้อีกแล้วครับ”

“ท่านเจ้าสำนัก ทำไมพวกเราไม่ทิ้งรถม้าคันนี้เพื่อที่จะหนีกันไปเองล่ะ? ถ้าหากแผนของท่านล้มเหลว แล้วเราจะนั่งรถม้าต่อไปเพื่ออะไร?”

จากบทสนทนาที่ได้ยินคนเหล่านี้จะต้องหนีออกมาจากเมืองรูเป่ยแน่

น่าเสียดายที่ลู่โจวในตอนนี้ไม่มีพลังเหลือที่จะทำอะไรกับพวกเขาได้

‘ลืมพวกมันไปจะดีกว่า พวกนี้ก็แค่โชคดีก็เท่านั้น’

ลู่โจวกำลังจะจากไป ในตอนนั้นเองก็มีใครคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากรถม้าซะก่อน

“นั่นใคร?!” ใครคนนั้นได้พุ่งตรงมาหาลู่โจวด้วยความเร็วสูง ‘มันคือวิชาจากเคล็ดวิชาเต๋าล่องหนไม่ผิดแน่ นี่มันยอดฝีมือ!’ ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ‘วิซซาร์ด แกจะต้องแสดงพลังออกมาให้มากกว่านี้ซะแล้วแหละ!’

แต่เมื่อชายคนนั้นเข้ามาใกล้และกำลังจะโจมตีเป้าหมาย ตัวเขาก็ได้เห็นอะไรที่มันคุ้นตาซะก่อน ‘นี่มันพลังมงคล? วิซซาร์ดอย่างงั้นหรอ?’ ตัวเขามองไปที่ชายชราที่กำลังขี่วิซซาร์ดอยู่ ‘ปรมาจารย์จีอย่างงั้นหรอ?!’

ชายคนนั้นได้หยุดการโจมตีของตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะตีลังกาและคุกเข่าอยู่ที่กลางอากาศแทน “สวัสดีท่านผู้อาวุโส! นี่ถือเป็นเรื่องเข้าใจผิดของข้าน้อยเอง ได้โปรดอภัยด้วย!”

สีหน้าของลู่โจวยังคงสงบเยือกเย็น ตัวเขาจ้องมองไปที่ชายคนนั้นก่อนที่จะพูดออกมา “ต้วนชิงเองหรอ?”

คนคนนั้นก็คือยอดฝีมือลำดับที่สามของวิหารปีศาจ ต้วนชิง

นับตั้งแต่เจ้าสำนักอย่างเร็นบู้ผิงเสียชีวิตไปกับการต่อสู้ร่วมกับสิบสุดยอดคนทรงที่เมืองถังซี ต้วนชิงคนนี้ก็ถูกรับเลือกให้กลายเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ไป นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นลู่โจวก็ไม่เคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับวิหารปีศาจอีกเลย จนถึงตอนนี้ตัวเขาก็ได้พบกับวิหารปีศาจอีกครั้ง

ต้วนชิงได้พูดออกมาอย่างเชื่องช้า “ท่านผู้อาวุโส…ท่านไม่ได้อยู่ภายในเมืองรูเป่ยหรอกหรอ? อะไร…ลมอะไรที่พัดผ่านทำให้ท่านมาถึงที่นี่ได้” ต้วนชิงรู้ตัวช้าไป ตัวเขารู้สึกเสียใจที่ได้คำถามแบบนั้นออกมา

คำตอบทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ไม่แปลกที่ลู่โจวจะออกจากเมืองมาได้ ตัวเขามีสัตว์ขี่ในตำนานอย่างวิซซาร์ดอยู่! ท้าเทียบกับรถม้าใกล้พังของวิหารปีศาจแล้ว มันคงเทียบเคียงอะไรไม่ได้เลยกับสัตว์ขี่ในตำนานตัวนี้

“เจ้ากำลังถามข้าอยู่อย่างงั้นหรอ?” ลู่โจวได้ลูบเคราก่อนที่จะถามตอบกลับมาแทน

“ไม่ ไม่ ข้าน้อยไม่กล้า!” ต้วนชิงรีบตอบ

“แล้วเจ้ากำลังจะไปไหนกัน?”

“อืม…” ต้วนชิงตอบกลับมาอย่างลังเล “ข้ากำลังจะมาดูการแสดงน่ะ”

“การแสดงอย่างงั้นหรอ?”

“ผู้อาวุโส…เป็นธรรมดาที่ท่านจะไม่รู้เรื่องนี้” ต้วนชิงส่ายหัว “ศิษย์คนแรกและศิษย์คนที่สองของท่านตกลงที่จะต่อสู้กันที่แท่นบูชาเมฆากระจ่าง เรื่องนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายแย่ถ้าหากข้าไม่มีโอกาสชมการต่อสู้ของเหล่ายอดฝีมือ ดังนั้นข้าก็เลยรวบรวมความกล้าก็เพื่อที่จะไปดูการแสดงให้จงได้”

“เจ้ากำลังบอกว่ายู่เฉิงไห่กับยู่ฉางตงกำลังจะต่อสู้กันที่ยอดหุบเขาเมฆากระจ่างอย่างงั้นสินะ?” ลู่โจวถามออกมา

“ถูกต้องแล้ว” สายตาของลู่โจวจับจ้องไปที่รถม้าของต้วนชิง ต้วนชิงคิดมาโดยตลอดว่าที่มีอะไรหลายๆ อย่างเกิดขึ้นที่เมืองรูเป่ยเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ในตอนนี้ตัวเขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญแล้ว

การเบ่งบานของดอกบัวสีฟ้าได้ทำให้การเดินทางของต้วนชิงได้รับผลกระทบไปด้วย นั่นหมายความว่าในการต่อสู้ต้วนชิงเองอยู่ใกล้ๆ แล้วใครกันล่ะที่กำลังไล่ตามต้วนชิง? ไม่มีเหตุผลที่ต้วนชิงจะหนีไปทางนี้

ลู่โจวได้พูดออกมา “ต้วนชิง”

“ครับท่านผู้อาวุโส”

“อย่าพยายามเล่นตลกกับข้าจะดีกว่า” ลู่โจวได้พูดออกมา ‘ต้วนชิงไม่เหมาะกับการต่อสู้ระดับนั้นแน่’

“ข้าน้อยไม่กล้า!” ต้วนชิงเหงื่อแตก นิ้วของเขาสั่นในระหว่างที่พูดออกมา “ข้าจะบอกความจริงกับท่านผู้อาวุโสเอง อันที่จริงข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านอยู่ที่นี่ ก่อนหน้านี้เองข้าก็ได้เห็นท่านปลดปล่อยพลังที่แสนจะยิ่งใหญ่ออกมา…”

“ทำไมกัน?” ลู่โจวเอ่ยถาม

ต้วนชิงส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “ตอนนี้วิหารปีศาจไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่เคยเป็น สหายร่วมสำนักต่างก็พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดมาโดยตลอด น่าเสียดาย…สำนักอเวย์จีไม่คิดที่จะให้โอกาสเราเลย พวกเขาต้องการที่จะกวาดล้างเรา! ข้าตั้งใจที่จะไปหาท่านผู้อาวุโสที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่ถึงแบบนั้นท่านก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น เพราะแบบนั้นข้าก็เลยเดินทางมายังเมืองรูเป่ยแทน!”

คำอธิบายนี้ฟังดูสมเหตุสมผล

ต้วนชิงได้พูดต่อไป “รถม้าลอยฟ้าของข้าได้รับความเสียหาย ข้าพยายามไล่ตามท่านผู้อาวุโสก็เพราะกลัวพลาดไม่ได้เจอท่าน!” เมื่อต้วนมู่เฉิงจำสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ ตัวเขาก็ได้พูดเสริมออกมาอย่างเร่งรีบ “สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้น ท่านผู้อาวุโส ข้าคิดว่ามีคนพยายามซุ่มโจมตีพวกเราก่อนหน้านี้” หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้แต่ใช้ความคิดอยู่ตามลำพัง ‘ท่านกำลังขี่วิซซาร์ดอยู่แล้ว ไม่ว่าสัตว์ร้ายจะช้าแค่ไหนก็ไม่มีทางที่มันจะช้าไปกว่ารถม้าของข้าได้! ข้ารู้สึกประหลาดใจจริงๆ ที่เห็นผู้อาวุโสไล่ตามมาแบบนี้’

ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพยักหน้าออกมา “งั้นไปกับข้าที่เขาเมฆากระจ่างซะ”

ต้วนชิงดีใจมาก ตัวเขาได้โค้งคำนับออกมาก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเร่งรีบ “แน่นอนท่านผู้อาวุโส…นี่เป็นครั้งแรกสินะที่ข้าจะได้ขี่สัตว์ขี่ในทำนานอย่างวิซซาร์ด!” หลังจากที่พูดจบต้วนชิงก็ขึ้นขี่วิซซาร์ดไป

“สามหาว” ลู่โจวพูดออกมา

ต้วนชิงที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับผงะ

“มองไปรอบตัวเจ้าสิ ที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยแม่น้ำและหุบเขา เจ้าคิดว่ามันไม่น่าเสียดายหรอกหรอที่เราจะต้องพลาดวิวทิวทัศน์ที่งดงามแบบนี้?” ลู่โจวที่พูดเสร็จก็ได้พาวิซซาร์ดร่อนลงบนรถม้า

ต้วนชิงรีบพูดออกมา “ข้าเข้าใจแล้วท่านผู้อาวุโส! เชิญทางนี้ครับ!” ตัวเขารีบพาเข้าไปที่ด้านในรถม้าอย่างรวดเร็ว

“เจ้าพวกไร้ฝีมือ เลิกขี้เกียจได้แล้ว! รีบมาทักทายท่านผู้อาวุโสซะ!” ต้วนชิงได้พูดสั่งการขึ้นมา

เหล่าสาวกของวิหารปีศาจต่างก็โค้งคำนับให้กับลู่โจว พวกเขาทั้งหมดไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปไหน

ลู่โจวได้ร่อนลงบนรถม้าก่อนที่จะปล่อยวิซซาร์ดให้มันจากไป

“ตรงนี้มีที่นั่งผู้อาวุโส! แม้ว่ารถม้าลอยฟ้านี่จะไม่ใช่อะไรที่ดีที่สุดก็ตามที แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังบินไปตามสายลมได้ ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะไม่ถือสาเรื่องนี้”

“ไม่เป็นไร…” ลู่โจวสะบัดแขนก่อนที่จะนั่งลง ตัวเขาได้ลูบเคราพลางพูดออกมา “ดีแล้วที่มันค่อยๆ เคลื่อนที่ไป” ตัวเขาได้เงยหน้ามองเมนูระบบ ในตอนนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบไปไหนอีกต่อไป

รถม้าได้ลอยไปอย่างช้าๆ ราวกับว่ามันได้สูญเสียความเป็นรถม้าไป มันได้ลอยต่อไปเรื่อยๆ จนพระอาทิตย์ตกดิน