บทที่ 343 คนอายุสั้น
บทที่ 343 คนอายุสั้น
จากการเตือนของนาง ซูอันตระหนักว่าพลังปฐมบทในบริเวณโดยรอบมีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับการสลายตัวของวิญญาณพยาบาท ดังนั้นชายหนุ่มจึงหลับตาและโคจรวิชาปฐมบทแรกเริ่มเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
ในขณะเดียวกัน ฉู่ชูเหยียนก็ยืนเคียงข้างเพื่อปกป้องเขา พร้อม ๆ กับที่นางก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเฉียวเสวี่ยอิง เนื่องจากอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน แม้จะยังไม่ถึงขั้นเสียชีวิต แต่ก็อาจเป็นอันตรายได้หากไม่ได้รับการรักษานานเกินไป
“ที่รัก ข้าไม่เป็นไร เจ้าไปดูเสวี่ยเอ๋อร์ก่อนเถอะ” ซูอันลืมตาขึ้นพูด
ฉู่ชูเหยียนพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งไปหาเฉียวเสวี่ยอิงซึ่งกำลังอยู่ในสภาวะหมดสติ นางส่งพลังชี่ของนางเข้าไปในร่างกายของเฉียวเสวี่ยอิงอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะไม่บริสุทธิ์เท่ากับพลังปฐมบท แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างช้า ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวเสวี่ยอิงก็ค่อย ๆ ลืมตา เมื่อเห็นว่าฉู่ชูเหยียน กำลังช่วยชีวิตนางอยู่ นางมีสีหน้าที่ดูสับสนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณ”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า อาซูเป็นคนบอกให้ข้าช่วยเจ้า” ฉู่ชูเหยียนตอบกลับ
เฉียวเสวี่ยอิงยิ้มบาง ๆ “ท่านยังเหมือนเดิมเสมอ การกระทำของท่านไม่ตรงกับปากของท่านเสมอเลย”
ฉู่ชูเหยียนหน้าแดงเล็กน้อย ในเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวทั้งสองค่อนข้างน่าอึดอัด แม้ว่าเฉียวเสวี่ยอิงจะเป็นสายลับที่ถูกส่งมาเพื่อแทรกซึมตระกูลฉู่ แต่ฉู่ชูเหยียนก็ไม่สามารถเกลียดนางได้ลง
แต่แน่นอนว่า หลังจากเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ที่ความสัมพันธ์ของพวกนางจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่ชูเหยียนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาและถามว่า “ว่าแต่เจ้ารู้สึกไม่ดีกับอาซูมาโดยตลอด เจ้าสองคนไปสนิทกันตอนไหน?”
“อย่าเข้าใจผิด ไม่มีอะไรระหว่างข้ากับเขา เราเป็นเพียงสองคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน เราสนิทสนมกันมากขึ้นเล็กน้อยจากความพยายามที่จะช่วยท่านก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นมันไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก” เฉียวเสวี่ยอิงตอบ
ฉู่ชูเหยียนหัวเราะเบา ๆ “ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย ทำไมเจ้าถึงรีบร้อนปฏิเสธขนาดนี้?”
ใบหน้าของเฉียวเสวี่ยอิงร้อนขึ้น นางไม่ได้พูดอะไรอีก หัวใจของนางเต้นเร็ว มีอะไรผิดปกติกับข้า ข้าไม่ได้โกหกหรืออะไร ทำไมข้าต้องรู้สึกผิดด้วย?
…
ใช้เวลาสองสามชั่วโมงวิญญาณพยาบาททั้ง 200,000 ดวงถึงจะได้รับการชำระอย่างสมบูรณ์ ด้วยการสลายไปของวิญญาณพยาบาท อุณหภูมิในห้องโถงใต้ดินก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นในทันใด ในเวลาเดียวกัน ทะเลสาบสีดำก็ค่อย ๆ ใสขึ้น
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ชายหนุ่มสามารถฟื้นตัวจากบาดแผลโดยการดูดซับพลังปฐมบทได้อย่างเต็มที่ ในตอนนี้เขารู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นกว่าเดิม
ในขณะที่กำลังรักษาบาดแผลด้วยวิชาปฐมบทแรกเริ่ม ร่างกายของเขาก็ได้รับการบำบัดอย่างสมบูรณ์เช่นกัน เขามีความแข็งแกร่งมากกว่าเมื่อก่อนอย่างน้อยสองเท่า เอาเข้าจริงชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองตอนนี้น่าจะสามารถรับการโจมตีอย่างเต็มพลังของผู้บ่มเพาะระดับ 5 ได้โดยไม่ได้รับความเสียหายมากนัก แต่แน่นอน…มีข้อแม้ว่าผู้บ่มเพาะผู้นั้นจะต้องไม่ใช้ประโยชน์จากความสามารถของพลังธาตุ
แต่แล้วมีอีกสิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มสังเกตเห็นเช่นกัน เขาสัมผัสได้ว่าตัวของเขาดูดซับพลังปฐมบทได้ไม่ถึงครึ่งจากทั้งหมดที่มีอยู่ในบริเวณโดยรอบ พลังปฐมบทส่วนใหญ่ที่เกิดจากการสลายตัวของวิญญาณพยาบาทได้เข้าไปในกระบี่ไท่เอ๋อร์แทน
ซูอันถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า “พี่หญิงใหญ่ ท่านเป็นจักรพรรดินีจอมเจ้าเล่ห์จริง ๆ สุดท้ายท่านก็เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด!”
ร่างเงาของหมี่ลี่ผุดขึ้นจากดาบไท่เอ๋อร์ ก่อนหน้านี้นางสวมเสื้อผ้าของ ซูอัน แต่ตอนนี้นางกลายเป็นวิญญาณแล้ว รูปลักษณ์ของนางได้เปลี่ยนกลับไปสวมชุดหงส์สีดำที่นางสวมก่อนหน้านี้
ทำไมนางถึงยังสวมเสื้อผ้าแม้ว่านางจะกลายเป็นวิญญาณ? นางยังมีอะไรให้ปกปิดอีก?
หมี่ลี่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นการจ้องมองของซูอัน นางพูดอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นคนที่ทำให้ข้าอยู่ในสภาพนี้! ดังนั้นมันเป็นสิทธิ์ของข้าที่จะได้ส่วนแบ่งจากพลังปฐมบทจากวิญญาณพยาบาทเหล่านี้เพื่อรักษาดวงวิญญาณของข้าด้วย! เจ้าควรจำไว้ว่าตอนนี้ชีวิตของเราเชื่อมโยงกัน เจ้าควรสวดอ้อนวอนให้ดวงวิญญาณของข้ายังคงแข็งแรงจะดีกว่า”
“ใช่ ใช่ ไม่มีอะไรที่ข้าจะเป็นห่วงมากไปกว่าการที่พี่หญิงใหญ่จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกหลายหมื่นปี ไม่สิ ๆ มันคงจะดีกว่าถ้าท่านสามารถมีชีวิตอยู่เป็นอมตะตลอดไป!” ซูอันตอบอย่างประจบสอพลอ
“ฮึ่ม! ตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้บ่มเพาะทุกคนไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่สามารถหนีจากความตายไปได้ ความเป็นอมตะที่แท้จริงนั้นอยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง” หมี่ลี่เอ่ยขึ้นก่อนที่นางจะจ้องไปที่ซูอัน “นอกจากนี้ แค่ข้ามองปราดเดียวก็รู้ว่าคนอย่างเจ้าน่าจะมีชีวิตอยู่ไม่ยืนนัก ดังนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรหากข้าเป็นคนเดียวที่มีชีวิตอยู่ได้นาน?”
“เดี๋ยวก่อน ท่านหมายความว่ายังไงที่บอกว่า ‘ข้าจะมีชีวิตอยู่ไม่ยืน’!” ซูอันประท้วง
“เจ้ามันปากดีเกินไป คอยยุแหย่คนอื่นไปทั่ว ในอนาคตเจ้าคงสร้างศัตรูไปทั่วทุกที่ ดังนั้นแน่นอนว่าเจ้าจะต้องอายุสั้น” หมี่ลี่ตอบกลับ
“ในฐานะผู้บ่มเพาะ ข้าจะกลัวศัตรูได้ยังไง? ในความเห็นของข้า ศัตรูของข้าเป็นเพียงหินลับมีดที่ผลักข้าไปสู่ที่สูง แทนที่จะเป็นภัยคุกคาม!” ซูอันเถียงกลับอย่างไม่ลดละ
หมี่ลี่รู้สึกประหลาดใจ “โอ้ ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริง ๆ ข้าไม่คิดว่าจะได้ยินคำเหล่านี้จากเจ้าเลย”
แม้แต่ฉู่ชูเหยียนก็หันไปมองซูอันอย่างประหลาดใจกับมุมมองของเขาที่มีต่อเรื่องนี้
ในทางกลับกัน เฉียวเสวี่ยอิงดูไม่ประหลาดใจกับการตอบเช่นนี้ของซูอัน หลังจากต่อสู้ร่วมกันในผนึกทั้งสาม นางตระหนักได้มานานแล้วว่า ซูอันไม่ใช่ลูกเขยขยะของตระกูลฉู่ที่นางเคยดูถูกในอดีตอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ซูอันกลับหัวเราะออกมาและพูดว่า “แน่นอน คนเท่ ๆ อย่างข้าดึงดูดความสนใจของผู้หญิงได้เสมอไม่ว่าข้าจะไปที่ไหน!”
“…” หมี่ลี่
“…” ฉู่ชูเหยียน
“…” เฉียวเสวี่ยอิง
ขอถอนคำพูดนะ ไอ้นี่มันยังเป็นแค่คนหน้าด้านเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน!
“ลืมมันไปเถอะ เพื่อที่เจ้าจะได้มีชีวิตยืนยาวขึ้นอีกหน่อย ข้าจะเตือนเจ้าไว้ก่อน ข้าไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับประโยชน์จากการดูดซับวิญญาณพยาบาท 200,000 ดวง กระบี่ไท่เอ๋อร์ก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างมากเช่นกันในอนาคต เจ้าสามารถใช้เขตแดนราชันย์เพื่อสร้างอาณาเขตกดดันศัตรูของเจ้าได้ เจ้าจะสามารถผนึกการเคลื่อนไหวของผู้บ่มเพาะระดับล่างได้อย่างเต็มที่และทำให้ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านั้นอ่อนแอลงอย่างมาก” หมี่ลี่กล่าว
ซูอันยินดี “นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่มีใครเทียบได้ในอนาคตหรอกเหรอ?”
“มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด เขตแดนราชันย์ นั้นทรงพลัง แต่ใช้พลังชี่มากทุกครั้งที่เปิดใช้งาน ข้าคิดว่าอย่างเจ้าในตอนนี้คงสามารถเปิดใช้งานมันได้แค่เพียงทุก ๆ ครึ่งเดือนเท่านั้น ดังนั้นข้าขอแนะนำให้เจ้าสงวนทักษะนี้ไว้สำหรับช่วงเวลาที่สิ้นหวังที่สุด ใช้เป็นไพ่ตายของเจ้าในช่วงเวลาที่สำคัญจริง ๆ” หมี่ลี่ตอบ
ซูอันสามารถยอมรับข้อจำกัดดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เขาจะต้องใช้ทักษะอันทรงพลังดังกล่าวในเวลาใกล้ตาย “อา…ท่านพูดถึง ‘ผู้บ่มเพาะระดับล่าง’ และ ‘ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า’ อะไรจะนับเป็นผู้บ่มเพาะระดับล่างและอะไรจะนับเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า? ข้าจำเป็นต้องรู้รายละเอียดที่แน่นอน อย่างน้อยข้าก็จะได้คิดว่าข้าจะทำอะไรได้บ้าง”
“ข้าเคยเห็นกระบี่ไท่เอ๋อร์ ในจุดสูงสุดมาก่อน แต่ตอนนี้มันอ่อนแอกว่าที่มันเคยเป็น ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถสรุปเรื่องนี้ให้กับเจ้าได้เช่นกัน เจ้าควรทดสอบมันในการต่อสู้ด้วยตัวเอง” หมี่ลี่ตอบ