บทที่ 299 กำลังใจจากวารุณี

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีเหลือบมองไปแวบหนึ่ง “ฉันไม่ให้เขาเปิดเผยเอง”

“ทำไมล่ะ?”ปาจรีย์เก็บโทรศัพท์กลับ รู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย

วารุณีกลอกตามองบน “จะอะไรได้อีกล่ะ? รอให้นักข่าวมาใต้ตึกเพื่อตามหาตัวฉันทุกวันหรือไง ? ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ปาจรีย์ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ พยักหน้าให้ “ก็จริง นักข่าวพวกนั้นน่ารำคาญมาก อีกอย่างเมื่อก่อนเธอก็เคยมีข่าวกับประธานนัทธีด้วย ตอนนี้รู้ว่าพวกเธอแต่งงานกันแล้ว นักข่าวพวกนั้นไม่ถามถึงที่มาที่ไปจนกระจ่าง เห็นทีก็คงจะไม่มีทางหยุดแน่”

“ใช่ เพราะฉะนั้นก็คงต้องหลบซ่อนตัวไปก่อนชั่วคราว ให้รอถึงวันแต่ง ค่อยประกาศตัว” วารุณีพูดไปด้วยแล้วบิดขี้เกียจไปด้วย

ปาจรีย์ชะโงกหน้าไป ราวกับจะพูดอะไร ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของวารุณีก็ดังขึ้นมา ขัดจังหวะของเธอพอดี

วารุณีพูดขอโทษ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เมื่อเห็นสายที่โทรเข้ามา ทันใดนั้นสายตาของเธอก็มีอารมณ์ซับซ้อนปรากฏ

“ใครเหรอ?เมื่อปาจรีย์สังเกตเห็นความผิดปรกติของเธอ ก็จึงชะโงกหน้าไปดูที่โทรศัพท์มือถือของเธอ

เห็นชื่อของพงศกรโผล่ขึ้นมาที่หน้าจอ ปาจรีย์ก็น่าเศร้า “พงศกรโทรมา รับสายสิ ”

เธอปั้นหน้า ด้วยสีหน้าที่ฝืนใจมาก

วารุณีกัดริมฝีปาก “หรือไม่……”

ราวกับรู้ว่าเธอจะพูดอะไร ปาจรีย์โบกมือแล้วหัวเราะ“หรือไม่ทำไม รีบรับสิ พงศกรคงรู้เรื่องที่เธอจะแต่งงาน เลยจะโทรมาถามล่ะมั้ง ”

พอปาจรีย์พูดมาแบบนี้ วารุณีก็ไม่มีทางเลือก จึงกดรับสาย

เพื่อให้ปาจรีย์ได้ยินด้วย เธอกดเปิดลำโพง แล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ

“พงศกร”วารุณีพูดเสียงดังกับคนในสาย

“วารุณี ฉันเห็นที่ประธานนัทธีโพสต์แล้ว ”เสียงที่อ่อนโยนของพงศกรดังขึ้น “ พวกเธอแต่งงานกันแล้วเหรอ ?”

วารุณีตอบกลับไปคำหนึ่งว่า “ใช่”

“เป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย ฉันคิดว่าตัวเองคงเดาผิดไป” พงศกรหัวเราะ แต่แว่นตากลับมีแสงสะท้อน ปกปิดอารมณ์ความรู้สึกของแววตา ทำให้คนมองดูไม่ออก

จากนั้น เขาก็ดันไปที่กรอบแว่น แล้วพูดว่า“ยินดีด้วยนะวารุณี”

วารุณีไม่รู้ตอนนี้พงศกรมีปฏิกิริยายังไง ยิ้มแล้วพยักหน้าให้ “ขอบใจนะ”

ปาจรีย์ที่ได้ยินบทสนทนาก็ส่งสัญญาณให้วารุณี “เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าเขาโทรมาถามเรื่องแต่งงานของเธอ”

วารุณีไม่ได้สนใจเธอ จึงได้ถามถึงอาการป่วยของพงศกร

พงศกรยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีเสียงเขินอายของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น“คุณหมอพงศกร ฉันมาอีกแล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ร่างทั้งร่างของปาจรีย์ก็สั่นเทา ลุกขึ้นจากเก้าอี้มาทันที

วารุณีเองก็จำเจ้าของเสียงนี้ได้ว่าเป็นใคร เป็นเสียงคุณแอนนี่ตระกูลฮิลล์

ไม่คิดว่า แอนนี่จะหาตัวพงศกรเจอจนได้ และยังตามไปด้วย

“ปาจรีย์……”วารุณีมองไปที่ปาจรีย์ด้วยความเป็นห่วง

ปาจรีย์ไม่ตอบ เธอก้มหน้าลง ไม่ให้ใครเห็นสีหน้าของเธอ

ไม่มีทางเลือก วารุณีทำได้เพียงมองไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะ ถามพงศกรไปว่า“พงศกร คุณแอนนี่ไปอยู่กับนายที่นั่นได้ยังไง ?”

พงศกรมองไปยังแอนนี่ที่กำลังเทซุปออกมาจากกระติกน้ำร้อน ตอบกลับด้วยแววตาที่งุนงงว่า“เธอมาเยี่ยมฉัน แค่นี้ก่อนนะวารุณี ไว้เราค่อยคุยกัน จะโทรหาใหม่นะ ”

พูดจบเขาก็กดวางสายไป

เดิมทีวารุณีที่อยากจะถามคำถามอื่นต่อ แต่เมื่อเห็นหน้าจอกลับเข้าสู่เมนูหลัก ก็ทำได้เพียงกลืนคำถามนั้นลงคอไป

ปาจรีย์กำมือแน่น“วารุณี เมื่อกี้เธอบอกว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของแอนนี่เหรอ เธอรู้จักเขาเหรอ ?”

วารุณีขยับริมฝีปากไปมา ดูราวกับไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่สุดท้าย เธอก็พยักหน้ารับ “รู้จัก แต่ไม่ได้สนิทกัน พงศกรแนะนำให้รู้จักกันในตอนที่ไปร่วมงานแต่ง เธอเป็นคุณหนูรองของตระกูลฮิลล์”

“ที่แท้ก็เป็นเขานั่นเอง !”ปาจรีย์สูดหายใจเข้าลึก “ ฉันเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขามาบ้าง แต่ไม่เคยเจอตัว เขาชอบพงศกร!”

น้ำเสียงของเธอหนักแน่นมาก

เพราะเธอฟังออก โทนเสียงของแอนนี่ที่คุยกับพงศกรเมื่อครู่ มันชัดมากว่าเต็มไปด้วยความรัก เพราะฉะนั้นปฏิกิริยาเมื่อครู่ของเธอก็จึงแสดงออกมาชัดเจนมาก ถึงขั้นลุกยืนขึ้นทันที

เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหน จะยังคงสงบนิ่งอยู่ได้เมื่อรู้ถึงการมีอยู่ของศัตรูหัวใจ

“ใช่ เขาชอบพงศกร ฉันเจอเขาครั้งแรก ก็ดูรู้เลย ”วารุณีพยักหน้ารับ ไม่ได้ปฏิเสธ

ปาจรีย์มองไปที่เธออย่างไม่พอใจ “แล้วทำไมเธอไม่บอกฉัน ? ”

วารุณีคลึงไปที่หว่างคิ้ว“ จะให้ฉันพูดยังไงล่ะ เธอกับพงศกรเองก็ไม่ได้มีสถานะอะไรที่ชัดเจน ……”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ปาจรีย์ก็ยิ้มแห้ง“ ที่เธอพูดมันก็ถูก ฉันกับพงศกรไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย แล้วจะไปยุ่งเรื่องที่ใครมาชอบเขาหรือไม่ชอบเขาได้ยังไง”

“ปาจรีย์……”วารุณีมองดูเธอ ก็รู้สึกสงสาร เอามือของตัวเองวางไปที่หลังมือเธอ

ปาจรีย์ส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นอะไร แค่เสียใจนิดหน่อยก็เท่านั้น ”

เธอปิดใบหน้าของตัวเอง

วารุณีลุกขึ้น เดินไปหาเธอ แล้วกอดเธอเอาไว้ เพื่อปลอบเธอ“วางใจเถอะ พงศกรไม่มีทางชอบเขาหรอก”

“ฉันรู้ คนที่เขาชอบคือเธอ ”ปาจรีย์หันมองไปที่วารุณี

มุมปากวารุณีกระตุก “เอาเถอะ ไม่ว่าพงศกรจะชอบใคร แต่ฉันก็อยาก ให้คนที่อยู่เคียงข้างกับพงศกร คือเธอ”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของเธอก็ดูจริงจังมาก

ปาจรีย์เองก็สัมผัสได้ ถึงกับยืดอกขึ้นเล็กน้อย

แต่ไม่นาน เธอก็ก้มหน้าลงด้วยความเศร้าโศกอีกครั้ง “อยู่เคียงข้างกับพงศกร ? ฉันคู่ควรเหรอ ?”

“คู่ควรสิ” วารุณีกุมไปที่มือของเธอ “อย่าลืมสิ ว่าเธอก็เคยเป็นคู่หมั้นของเขามาก่อน พงศกรและเราทุกคนต่างก็รู้ดี ว่าถ้าหากเขาไม่ชอบเธอตั้งแต่แรก ต่อให้พ่อแม่ของพวกเธอจะชักใยอยู่เบื้องหลังยังไง เขาก็ไม่หมั้นหมายกับเธอหรอก และตอนนี้สิ่งที่เธอควรทำ ก็คือเคลียร์ปัญหาที่ค้างคาทุกอย่างของพวกเธอซะ”

“เคลียร์ปัญหา?”ดวงตาของปาจรีย์ไหววูบไปเล็กน้อย

วารุณีพยักหน้าให้อย่างหนักแน่น“ใช่ ที่พวกเธอเป็นกันอยู่ทุกวันนี้ เหตุผลที่สำคัญที่สุด ก็คือความไม่เข้าใจระหว่างกัน ขอแค่เคลียร์ปัญหาทุกอย่างที่มีได้ ไม่แน่ว่าเธอกับพงศกรก็อาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก”

“มันจะเป็นแบบนั้นได้จริงๆเหรอ?”ในใจของปาจรีย์เกิดความหวั่นไหว จนมือเกร็งแล้วกำไปที่กางเกงแน่น

วารุณีเหลือบมองไปที่มือของเธอ จากนั้นก็จับหน้าเธอเงยขึ้น จ้องมองดูอย่างตั้งใจ แล้วพูดเสียงเบาว่า“ เชื่อมั่นในตัวเองสิ”

ปาจรีย์สบสายตาที่ให้กำลังใจมาของวารุณี ความไม่มั่นใจที่เคยมีอยู่ก่อนหน้าก็พลันหายไป พยักหน้าให้อย่างไม่รู้ตัว “ได้ ฉันจะลองดู ”

“สู้ๆ อย่าต้องมาเสียใจกับมันทีหลัง ” วารุณีปล่อยมือออกจากใบหน้าของเธอ

ปาจรีย์ตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง “ได้ ขอบใจนะวารุณี ”

วารุณีลูบไปที่ศีรษะของเธอ “พอแล้ว ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว มาทำงานกันเถอะ”

“ได้ งั้นฉันจะแวะไปที่โรงงานก่อน พรุ่งนี้จะได้ไปต่างประเทศเลย แล้วหาคนมาสืบความจริงที่เกิดขึ้นในตอนนั้น”ปาจรีย์ลุกขึ้นยืน แล้วกำมือแน่น

เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเกิดในต่างประเทศ เธอก็จึงต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อหาคนมาสืบเสาะ

วารุณีตบไปที่ไหล่ของปาจรีย์“ ฉันเป็นกำลังใจให้นะ”

ปาจรีย์ยกยิ้มให้ แล้วก็จากไป

หลังจากที่เธอไปแล้ว วารุณีก็ไปนั่งประจำที่ของตัวเอง และเริ่มทำงาน

ตกเย็น นัทธีก็มาถึงที่ทำงานอย่างตรงเวลา

วารุณีปิดคอม แล้วหยิบกระเป๋า เดินลงไปยังชั้นล่างตรงไปยังรถเบนท์ลีย์ที่จอดอยู่ริมถนน

มีพนักงานเห็นเธอ ก็แซวเธอว่า“บอสคุณสามีมารับแล้วเหรอคะ ”

วารุณีนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ เลื่อนกระจกรถลง มองไปที่นัทธีอย่างเขินอายแวบหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าให้กับคนด้านนอก “ใช่”

“บอสโชคดีจังเลยค่ะ”พนักงานกล่าว

วารุณีรวบผมตัวเอง “ขอบใจ ไปก่อนแล้วนะ”

“ค่ะบอส”พนักงานโบกมือให้

วารุณีเลื่อนกระจกรถขึ้น “ไปกันค่ะนัทธี”

นัทธีพยักหน้าให้ สตาร์ทรถแล้วขับรถออกไป

วารุณีเห็นเขาขับรถไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ก็รู้สึกประหลาดใจ“นัทธี นี่ไม่ใช่ทางที่จะไปโรงเรียนอนุบาลนี่คะ ?