ตอนที่ 384 กับดักความงาม

ตอนที่ 384 กับดักความงาม

ซูเถาสะดุ้งขึ้นจากเตียงอย่างกะทันหัน ศีรษะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อพลางยกมือกุมหน้าอกเอาไว้ และหอบหายใจเล็กน้อย ตอนนี้เป็นเวลารุ่งสางแล้ว และวิญญาณของเขาก็ได้จากไปแล้ว เธอลุกจากเตียงช้า ๆ พร้อมกับมองตัวเองในกระจกแล้วตบหน้าตนเองอย่างแรง

ช่างเป็นความฝันอันน่าสยดสยอง…

เจียงอวี่จะฆ่าน้องสาวของเขาที่เพิ่งจะตามหากลับมาได้ไปทำไม?

หากนี่คือคำเตือนที่เธอได้รับจาก ‘การทำนาย’ ซูเถาคงจะเป็นคนแรกที่ไม่เชื่อ

มันไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ…

เธอไม่สามารถปักใจเชื่อความฝันนี้ได้…

หลังจากที่ซูเถาอาบน้ำเสร็จก็โทรหาเสิ่นเวิ่นเฉิงด้วยความงุนงง พลางถามว่าวันนี้เขาว่างหรือเปล่า เพราะอยากจะพาคนเข้าไปดูโบนวิงส์ เนื่องจากเมื่อวานเธอสัญญากับผู้อาวุโสเหม่ยว่าจะพาเขาไปดูโบนวิงส์ให้เห็นกับตา

เมื่อคืนเสิ่นเวิ่นเฉิงไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ทำให้ตอนนี้เขายังคงสลบไสลอยู่ในห้องทดลอง เมื่อเขาเห็นหมายเลขผู้โทรเข้าก็กดรับทันที เมื่อได้ยินคำขอของซูเถา เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า

“ผมขอแนะนำว่าอีกสองสามวันค่อยไปดีกว่า เพราะเหมือนว่าวันนี้โบนวิงส์มันจะตื่นขึ้น”

“หืม?” ซูเถาตกใจเล็กน้อย

สิ่งนี้ได้สร้างความหวาดกลัวให้เธอ มันน่ากลัวพอ ๆ กับหนังสยองขวัญเมื่อเขาบอกเธอว่ามันตื่นขึ้น

เสิ่นเวิ่นเฉิงรีบอธิบายทันทีและปลอบโยนหญิงสาว

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร มันแค่ตื่นเฉย ๆ ในส่วนกระดูกของปีกที่อันตรายที่สุดของมันถูกตัดออกไปแล้ว และมันก็ถูกฉีดยาระงับเอาไว้จำนวนมาก ถึงมันจะตื่นขึ้นก็ไม่เป็นอันตราย มันทำได้แค่ขยับลูกตาเท่านั้น ผมคิดว่าผู้อาวุโสเหม่ยแก่แล้ว ก็เลยไม่อยากให้เขาได้เห็นมันตอนที่มันเคลื่อนไหว รออีกสองสามวันให้มันหมดสติไปอีกครั้ง แล้วค่อยเชิญผู้อาวุโสเหม่ยมาเถอะ”

“เอาตามที่คุณว่าก็ได้ค่ะ” ซูเถาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลังจากวางหูโทรศัพท์ ซูเถากำลังจะออกไปบอกผู้อาวุโสเหม่ยว่าขอเลื่อนออกไปก่อน แต่ขณะที่เธอกำลังจะออกไป เวินม่านผู้กระตือรือร้นก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกระเป๋าใบใหญ่

“เถาจื่อ คุณกำลังจะไปทำงานเหรอ รีบหรือเปล่า ช่วยฉันถือหน่อย พอดีฉันมีเนื้อแช่แข็งและอาหารทะเลแช่แข็ง พ่อของฉันขอให้คนไปหาซื้อมาให้น่ะ คุณสามารถขอให้พ่อครัวฉินนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปรังสรรค์อาหารให้ทุกคนลองดู”

ซูเถาเดินไปหยิบกระเป๋าของอีกฝ่ายอย่างลนลาน มันไม่ง่ายเลยที่จะขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับสัมภาระที่หนักอึ้ง น้ำหนักกระเป๋าใบนี้ทำให้ซูเถาแอบคิดว่า การหาซื้อสิ่งเหล่านี้ในวันสิ้นโลกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

เธออดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองเนื้อวัวสีขาวแดงในถุง ไม่เคยเห็นว่าเนื้อดิบหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่เคยเห็นปลาดิบ หอย กุ้ง และปูที่อยู่ในถุงอีกใบ

ซูเถามีเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุกในร้านค้าระบบ แต่เธอไม่เคยมีวัตถุดิบสด ๆ มาก่อน เธอกล่าวว่า “นี่มันมากเกินไปหรือเปล่า คุณเก็บเอาไว้บางส่วนสิ พ่อของคุณรู้ว่าคุณชอบเขาก็เลยไปหามาให้ แต่คุณกลับเอามาให้ฉันหมดเลย คุณนี่ใช้เงินราวกับเป็นน้ำจริง ๆ เลยนะ!”

“เขารู้ว่าฉันใช้เงินเป็นน้ำมานานแล้วแหละ แต่ฉันไม่สนใจหรอกนะ ฉันอยากเอาของดี ๆ มาให้คุณ คุณเอาเนื้อพวกนี้ใส่ตู้เย็นก่อน แล้วก็ห้ามปฏิเสธฉันด้วย!” เวินม่านโบกมือพัลวัน

ซูเถาถูกดวงตาคู่นี้บวกกับคำพูดที่นุ่มนวลของเวินม่านเกลี้ยกล่อมจนโอนอ่อน และตอบตกลงอย่างรวดเร็ว “โอเค โอเค”

วัตถุดิบที่เวินม่านนำมามากเสียจนยัดใส่ตู้เย็นเล็ก ๆ ของเธอไม่พอ สุดท้ายจึงต้องนำไปแช่ในตู้แช่แข็งขนาดใหญ่จากระบบชั่วคราว

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เวินม่านก็พาซูเถาไปนั่งลงและหยิบรูปถ่ายจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าบราวนี่ออนไลน์

“นี่คือบ้านที่พ่อกับอาเหยียนร่วมกันซื้อให้ฉัน คุณลองเลือกดูสิ สองหลังนี้คุณชอบหลังไหนมากที่สุด ฉันจะโอนกรรมสิทธิ์ให้คุณ”

จากนั้นเธอก็เปิดภาพให้ดูอีกมากมาย

“รถเหล่านี้เป็นฐานทัพเคลื่อนที่ที่มีฟังก์ชันหลากหลายที่ผลิตโดยเชียนอัน คุณดูว่าชอบไหมและถูกใจอันไหน ฉันจะซื้อให้คุณ”

“คุณกำลังทำอะไรเนี่ย?” ซูเถาตกตะลึง

เวินม่านพูดอย่างเขินอาย “ฉันจะบอกคุณแน่นอน แต่คุณอย่าบอกลั่วเหยียนนะ ฉันคิดว่าเขาขี้เหนียวเกินไปที่จะตอบแทนเถาหยาง…เขาให้น้อยเกินไป ฉันนอนคิดเรื่องนี้มาสองสามวันแล้ว คิดว่าควรจะชดเชยให้คุณมากกว่านี้ ไม่งั้นฉันนอนไม่หลับแน่ ๆ”

ซูเถาเอามือก่ายหน้าผากของตนเองอย่างเหนื่อยใจ

เวินม่านเองก็กลัวว่าเธอจะปฏิเสธ จึงหยิบรูปถ่ายกองโตขึ้นมาและแนะนำแต่ละอย่างด้วยความจริงจัง

“บ้านหลังนี้อยู่ที่ฉางจิง พ่อของฉันบอกว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายปี มันคุ้มค่ามากนะ และอยู่ในทำเลที่ดี อยู่ในย่านที่เจริญที่สุดของฉางจิง เมื่อคุณเดินทางไปฉางจิง คุณก็จะได้มีที่พักส่วนตัวเป็นของตัวเองไง ใช่ไหมล่ะ?”

“หรือถ้าคุณไม่ชอบฉางจิง ก็มีบ้านที่ชายทะเล บ้านหลังนี้เป็นบ้านวิวทะเล แม้ว่าจะไม่สวยงามเท่าบ้านที่คุณสร้างและค่อนข้างเก่า แต่คุณสามารถรื้อทิ้งแล้วสร้างมันขึ้นมาเองใหม่ได้ ทิวทัศน์ข้างนอกดีมากจริง ๆ”

“นอกจากนี้ยังมีฐานทัพเคลื่อนที่คันนี้ ฉันแนะนำมาก เป็นฐานทัพเคลื่อนที่ขนาดเล็กสี่ที่นั่ง มีแขนกลซ่อนอยู่ด้านหน้า ไม่เพียงแต่สามารถปีนภูเขาได้เท่านั้น แต่หลังจากติดตั้งปืนแล้วยังสามารถใช้เป็นอาวุธได้ด้วย ภายนอกทำจากวัสดุที่มีความแข็งแกร่งและหนาแน่นสูงพร้อมกระจกกันกระสุนนิรภัยอย่างดี มีความแข็งแรงมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือท้ายรถของมันคือพื้นที่จัดเก็บขนาด 20 ตารางเมตร…”

“มีฟังก์ชันการจัดเก็บด้วยเหรอ” ซูเถาอ้าปากกว้าง

“ใช่สิ และคุณไม่จำเป็นต้องเติมเชื้อเพลิง คุณเพียงแค่ใช้ผลึกนิวเคลียสเพื่อจ่ายพลังงานได้โดยตรง”

“แล้วทำไมฐานทัพเคลื่อนที่ของคุณขายที่ขายโดยทั่วไปไม่มีพื้นที่เก็บของและฟังก์ชันการจ่ายพลังงานด้วยผลึกนิวเคลียสล่ะ” ซูเถาสงสัย

เวินม่านรู้สึกอายเล็กน้อย “อาเหยียนเป็นคนปรับแต่งสิ่งนี้ให้ฉัน เขาบอกว่าฟังก์ชันทั้งสองนี้ค่อนข้างสะดุดตาและไม่เหมาะสำหรับการขาย แต่ฉันคิดว่ามันมีประโยชน์มาก บางครั้งฉันก็ขับไปที่ฉางจิงเพื่อหาพ่อของฉัน แบบนี้อาเหยียนก็จะรู้สึกเบาใจ ถึงตอนนั้นคุณก็สามารถขับรถไปเที่ยวเล่นที่ฉางจิง หรือไปที่ชายฝั่งเพื่อดูทะเลได้เหมือนกัน”

“พาหนะเหล่านี้ลั่วเหยียนเป็นคนสร้างเหรอ” ซูเถาอดไม่ได้ที่จะถามอีก

“ใช่ใช่ใช่ เขาเป็นคนทำมันทั้งหมด และหากใช้ไปสักพักแล้วได้รับความเสียหาย เขาก็สามารถซ่อมมันได้อย่างรวดเร็ว และแม้แต่อัปเกรดฟังก์ชันต่าง ๆ เขาก็ทำได้เช่นเดียวกัน” เวินม่านพยักหน้า

เมื่อซูเถาได้ยินคำว่า ‘อัปเกรด’ ความรู้สึกคุ้นเคยก็เพิ่มขึ้นในใจของเธอ

เธอคาดเดาในใจ หากแต่ยังไม่มั่นใจ

และในที่สุดเวินม่านก็ตัดสินใจมอบบ้านที่ดีที่สุด 2 หลังนี้และฐานทัพเคลื่อนที่อีก 2 คันให้เธอ

ซูเถาต้องการปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่ในขณะที่กำลังจะอ้าปาก เวินม่านดูเหมือนจะมีลางสังหรณ์ คิ้วและดวงตาที่สวยงามของเธอเริ่มฉายแววตึงเครียด ร่างกายของเธอเกร็งขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

ซูเถาอึกอักอยู่สองครั้ง จากนั้นตอบรับอย่างรวดเร็ว “โอเค…”

เวินม่านเปลี่ยนสีหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหนังสือ จากเมฆครึ้มเป็นแดดจัดในเสี้ยววินาทีเดียว จากนั้นก็พูดอย่างมีความสุข “ฉันจะให้คนมาทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้คุณในวันพรุ่งนี้เลย และอีกสองสามวันฉันจะให้คนขับฐานทัพเคลื่อนที่มาให้คุณที่นี่”

จากนั้นเวินม่านก็กลับไปอย่างมีความสุข ทิ้งซูเถาที่กำลังงุนงงอยู่ในห้องนั่งเล่นคนเดียว นี่เธอกำลังตกหลุมพรางความงามหรือเปล่าเนี่ย… ทำไมจู่ ๆ ก็ควบคุมปากตัวเองไม่ได้เล่า?

……

ความสุขที่ส่งผ่านทางสายตาของเวินม่าน ลั่วเหยียนพอจะมองออก และเมื่อได้สบสายตากับเธอ ร่างกายของเขาก็รู้สึกเย็นวูบวาบ ด้วยรอยยิ้มนี้ น้ำเสียงนี้ ท่าทางที่ผ่อนคลายนี้… เธอต้องนำของขวัญชิ้นใหญ่ไปมอบให้ซูเถาแน่ ๆ

ในตอนนั้นเขามีลางสังหรณ์อยู่แล้ว เพราะตอนที่ซูเถาขายที่ดินผืนนั้น เธอไม่ได้ตั้งราคาสูงเกินไป ทำให้เขาลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ ทว่าภรรยาของเขาก็คงเลือกที่จะมอบให้ซูเถามากกว่าราคาที่เธอเสนอ ซึ่งน่าจะเป็นมูลค่าที่สูงมาก

แน่นอนว่าภรรยาของเขาต้องแอบไปทำอะไรลับหลังตนเองแน่ ๆ

เขาแค่ไม่รู้ว่าเธอไปทำวิธีไหน

เขาไม่กล้าถาม ทำได้แค่รอทำตามใจเธอ ซึ่งสุดท้ายแล้วเธอก็มาบอกทุกอย่างแก่เขา เพื่อให้เขานำมันออกมาเพื่อส่งมอบ

เมื่อมองไปที่บ้านสองหลังและฐานทัพเคลื่อนที่สองคันที่สั่งทำพิเศษ ลั่วเหยียนก็เกือบหลั่งน้ำตา

————————-