ตอนที่ 228 จำเป็นต้องแต่งงาน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 228 จำเป็นต้องแต่งงาน
ตอนที่ 228 จำเป็นต้องแต่งงาน

เกิดเรื่องหรือ?

อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋สบตากัน เวลานั้นทั้งสองคนเริ่มชะลอฝีเท้าลง หลังจากนั้นก็เดินไปตามทางที่มาของเสียงนั้น

แต่เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พบว่าองค์รัชทายาทและเย่ฮ่าวหรานกำลังเดินกลับมาอีกครั้ง

องค์รัชทายาทขมวดคิ้ว แต่เย่ฮ่าวหรานกลับมีท่าทางร่าเริงราวกับว่าดูมีความสุขดีกับการมาเยือนตำหนักขององค์รัชทายาท

เมื่อเห็นว่าคนรับใช้ผู้นั้นมีท่าทางที่เป็นกังวลอย่างมาก องค์รัชทายาทก็โมโหสุดขีดและเดินเข้าไปเตะทันที “โวยวายอะไรกัน นี่คือเรือนขององค์รัชทายาท ไม่มีกฏระเบียบเลยหรือ? ไม่เห็นหรือว่าท่านอ๋องแปดเองก็อยู่ตรงนี้? รีบไสหัวไปซะ อับอาบขายหน้า”

“องค์ องค์รัชทายาท…ข้า…” คนใช้พวกผู้นั้นถูกเตะจนกลิ้งไปก่อนที่จะหยุดลง หลังจากนั้นก็รีบลุกขึ้นมาคุกเข่าด้วยเนื้อตัวที่สั่น เมื่อผ่านไปเขาก็ไม่สามารถเอ่ยให้ประโยคนั้นสมบูรณ์

เย่ฮ่าวหรานขมวดคิ้ว นิสัยรักสนุกพลันกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มเข้าไปขวางองค์รัชทายาทที่ต้องการจะเตะคนใช้อีกรอบ หรี่ยาแล้วเอ่ยขึ้น “เอ้ ท่านจะโกรธไปเพื่ออะไร? ไม่เห็นหรือว่าเขาตกใจกลัวหมดแล้ว? เมื่อครู่เขามีท่าทางที่ร้อนรน ดูเหมือนว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องที่เล็กเลย ไม่แน่ว่าอาจจะมีมือสังหารบุกเข้าไปในเรือนขององค์รัชทายาทก็เป็นได้ พวกเราอย่าทำให้เขาตกใจดีกว่า ให้เขาอธิบายมาให้เข้าใจเสียเถิด”

องค์รัชทายาทตกตะลึง มือสังหารหรือ? ช่วงนี้ในวังเองก็มีแต่เรื่องมือสังหาร แต่อย่าให้มีมือสังหารมาเยี่ยมเยียนเรือนแห่งนี้เลย

เมื่อได้ยินว่าที่เย่ฮ่าวหรานเอ่ยมานั้นก็มีเหตุผล จึงตำหนิไปด้วยความโกรธ “สุดท้ายแล้วมันเกิดอะไรขึ้น รีบบอกข้ามาให้ชัดเจน”

“กระหม่อม พระองค์ เป็นคนรับใช้…” ดูเหมือนว่าตอนนี้คนผู้นั้นพึ่งจะตระหนักได้ว่าตอนนี้ที่ลานบ้านนั้นยังมีท่านอ๋องแปดด้วยเช่นกัน หลังจากที่สงบลงแล้วเขาก็มีท่างทางลังเลที่ดูเหมือนกับเสียขวัญ

องค์รัชทายาทยิ่งหมดความอดทน จึงคว้าคอเสื้อของเขาแล้วตะโกนขึ้น “มันเกิดอะไรขึ้น?”

หัวหน้าคนรับใช้ที่อยู่อีกด้านมองมาอย่างสงบ และเอ่ยขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “ผู้นี้ไม่ใช่อาเป่ยคนใช้ที่เรือนของฮูหยินจ้าวหรือ? ท้ายที่สุดแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”

ฮูหยินจ้าว?

สีหน้าขององค์รัชทายาทเปลี่ยนไป “คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องกับผิงเอ๋อร์?”

อาเป่ยตัวสั่นจนเอ่ยอะไรไม่ออก องค์รัชทายาทโมโหเป็นอย่างมาก จึงผลักเขาออกไปข้าง ๆ แล้วตรงเข้าไปที่เรือนของจ้าวผิง

อาเป่ยต้องการพูดอย่างชัดเจน แต่ว่าเมื่อเห็นท่าทางของเย่ฮ่าวหรานดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ใช่ยิ้ม ทันใดนั้นเขาก็กลืนคำพูดของตนลงไปแล้วตามไปด้วยอาการสั่นเทา

องค์รัชทายาทก้าวเท้ายาว ๆ จนสลัดผู้คนทิ้งไว้ด้านหลังและตรงไปยังเรือนอ้ายผิงที่อยู่ทางทิศตะวันออก เย่ฮ่าวหรานเห็นชื่อเรือนแล้วก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที รสนิยมขององค์รัชทายาทนั้นไม่เลวเลยจริง ๆ

โชคดีที่รสนิยมของเขานั้นไม่เลวเช่นกันตรงที่เขาชอบอสุรีรูปงามหลีเอ๋อร์ ช่วงไม่กี่วันมานี้นางไม่ได้ไปเยือนตำหนักของท่านอ๋องซิวเลยสักนิด เขาจึงคิดถึงนางจนน่าแปลกใจ

ครั้นเย่ฮ่าวหรานนึกถึงจินหลิวหลีผู้หลบหน้าเขาราวกับว่าตนเป็นเชื้อโรค เขาก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก สีหน้าจึงดูย่ำแย่อย่างยิ่ง แม้กระทั่งอารมณ์เบิกบานใจก็ลดลงไปไม่น้อย

เย่ฮ่าวหรานพลันหมดความสนใจไป เหมือนจะไม่อยากย่างกรายเข้าไปในเรือนอ้ายผิงแล้ว เนื่องจากเดินไปได้สองก้าวก็ต้องหยุดฝีเท้าลง

ผู้ใดจะรับรู้ว่าเมื่อหันกลับไป ก็เห็นคนสองคนฟุบอยู่บนหลังคา

ดวงตาของเย่ฮ่าวหรานเบิกกว้าง ชายหนุ่มหรี่มองอย่างตั้งใจ

อวี้ชิงลั่วทำตัวไม่ถูกเมื่อชายหนุ่มจับจ้องมา นางจึงรีบทำท่าทางให้เย่ฮ่าวหรานละสายตาไป ขณะที่แววตาของเย่ซิวตู๋เปี่ยมไปด้วยคำเตือนอันเยือกเย็น และค่อย ๆ หรี่ตาลง

เย่ฮ่าวหรานกลืนน้ำลาย ในที่สุดเขาก็ละสายตาไป และหัวใจของเขาก็เริ่มเต้นรัวขึ้นมา

น่าแปลก พี่ห้าและอวี้ชิงลั่วมาทำอะไรกันตรงนี้? พวกเขาไม่ได้กลับตำหนักอ๋องซิวหรือ? แอบหลบอยู่บนหลังคาไปเพื่อสิ่งใด?

หรือว่าเรื่องราวในหออ้ายผิงนี้จะเกี่ยวข้องกับเขาทั้งสองคน?

ความสนใจแต่เดิมของเย่ฮ่าวหรานได้กลับมาในทันที แน่นอนว่าวันนี้เขามาเยือนตำหนักขององค์รัชทายาทเพราะมีเรื่องต้องทำ

อวี้ชิงลั่วไม่มีอะไรจะเอ่ยแล้ว “เขาเองก็อยู่กับท่านมานานแล้ว เหตุใดจึงไม่รู้จักการทำตัวสุขุมนุ่มลึกจากท่านไปสักหน่อยเล่า?”

“…อื้ม ขอบคุณสำหรับคำชมนะ”

“ข้าไม่ได้ชม…”อวี้ชิงลั่วเหลือบตามองชายหนุ่มพลางเอามือก่ายหน้าผากตัวเองอย่างหงุดหงิด แล้วหันหน้าไปอย่างเงียบ ๆ

ผู้ใดจะรู้ได้ว่าในขณะที่นางหันศีรษะไปนั้น ก็ได้มีเสียงร้องโกรธเกรี้ยวดังมาจากใต้หลังคา

อวี้ชิงลั่วสบตากับเย่ซิวตู๋ ทันใดนั้นจึงยกกระเบื้องหลังคาออกมา แล้วแอบมองดูเหตุการณ์ข้างล่าง

หลังจากที่มองลงไปแล้ว หญิงสาวก็เอื้อมไปปิดตาของเย่ซิวตู๋โดยไม่รู้ตัวพร้อมกับเม้มปากและขมวดคิ้ว

“เอ๊ะ ผู้หญิงด้านล่างแต่ตัวไม่เรียบร้อยหรืออย่างไร?” เสียงหัวเราะที่ดูมีความสุขเล็กน้อยดังออกมาจากปากเย่ซิวตู๋ แม้แต่น้ำเสียงก็ยังเจือแววหยอกเย้า

อวี้ชิงลั่วพึ่งจะรู้สึกตัวว่าตนเองทำอะไรลงไป หญิงสาวกัดริมฝีปากด้วยความรำคาญและดึงมือของตนเองกลับ

ผู้ใดจะไปคาดคิดได้อีกว่าเมื่อดึงมือกลับมาได้เพียงแค่ครึ่งเดียว เย่ซิวตู๋ก็จับมือคู่นั้นกลับไปปิดตาของตนเอาไว้อีกครั้ง

“อืม ถ้าเจ้าไม่อยากให้ข้ามอง ข้าไม่มองก็ได้”

“ไม่ใช่ว่าท่านมองไปแล้วหรอกหรือ? ไม่เช่นนั้นจะรู้ได้เช่นไรว่านางอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อย?” อวี้ชิงลั่วพ่นลมหายใจเบา ๆ แต่กลับไม่ได้ดึงมือออกมา ทว่าดวงตากลับกลอกกลิ้งไปมาพร้อมกับใจเต้นรัว นางแต่งตัวไม่เรียบร้อยที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่านางกำลังเปลือยเปล่า เปลือยเปล่าเอามาก ๆ แม้แต่ผ้าสักชิ้นก็ยังไม่มีติดกายเข้าใจไหม? ถ้าเย่ซิวตู๋ดูแล้วล่ะก็จะต้องโดนเข็มแทงตาแน่นอน นางปิดตาเขาก็เพื่อประโยชน์ของเขาเองนะ

“ข้ายังไม่ทันจะดูก็ถูกเจ้าปิดตาเอาไว้ แต่ในเมื่อเจ้าตื่นเต้นเช่นนี้ ข้าก็สามารถเดาออกแล้ว” น้ำเสียงของเย่ซิวตู๋ฟังดูมีความสุข

น้ำเสียงที่ฟังดูสบายใจทำให้อวี้ชิงลั่วหงุดหงิดเล็กน้อย หญิงสาวรีบดึงมือของตนกลับมาแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าไม่ได้ตื่นเต้น”

เย่ซิวตู๋หัวเราะขึ้นมาหนึ่งเสียง หันกลับไปมองใบหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติของหญิงสาวแล้วก็รู้สึกคันยุบยิบในใจ มันช่างน่าอึดอัดจริงหนอ

จำเป็นต้องแต่งงาน จำเป็นต้องแต่งงานให้เร็วที่สุด

ในไม่ช้า ข้อตกลงระหว่างชายหนุ่มและคนคนนั้นก็สำเร็จ เมื่อรอให้ถึงวาระการแข่งขันของทั้งสี่แคว้น อวี้ชิงลั่วก็จะได้เป็นหวังเฟย(ภรรยาของท่านอ๋อง)

ซิวหวังเฟย(ภรรยาของท่านอ๋องซิว) ตำแหน่งนี้น่าฟังเสียจริง

อวี้ชิงลั่วบุ้ยปาก และเขยิบห่างออกจากชายหนุ่มอีกครั้งก่อนที่จะมองลงไปไหม่

ภายในห้องนั้นจ้าวผิงถูกองค์รัชทายาทลากตัวลงมาจากเตียง บนร่างกายไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ทำให้คนทั้งคนตกอยู่ในสภาพน่าอับอาย เครื่องประทินโฉมที่เคยตบแต่งอย่างดีบนใบหน้าก็ถูกลบออกจนเหลือแต่ผิวหน้าเปลือยโล่งมีรอยตกกระเล็กน้อย

ดูราวกับว่าจ้าวผิงจะยังไม่มีสติกลับมา หญิงสาวนั่งอยู่บนพื้นอยู่สักพักก่อนที่เงยหน้าขึ้นมาและสะบัดหน้า ทันทีที่นางเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าเป็นองค์รัชทายาท นางก็รีบกอดขาพระองค์ไว้และเริ่มร้องไห้ทันที “องค์รัชทายาท ไท่จื่อเฟยรังแกหม่อมฉัน นาง…”

หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาได้สองประโยค ทันใดนั้นก็รู้สึกหนาวเยือกไปทั่วร่าง และร่างกายของนางก็สั่นสะท้านขึ้นมา

เสียงของจ้าวผิงหยุดลง จู่ ๆ หญิงสาวก็เหมือนกับนึกอะไรมาได้ นางก้มศีรษะลงและวินาทีต่อมานางก็ยกมือปิดป้องหน้าอกตนเองด้วยความหวาดผวาแล้วกรีดร้องดังลั่น “กรี๊ดดด…”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีคนอึดอัดอยากจับชิงลั่วแต่งเป็นหวังเฟยแล้วหนึ่ง

นังขนมผิงโดนจัดฉากแล้ว เตรียมคำอธิบายกับองค์รัชทายาทดี ๆ เลย

ไหหม่า(海馬)