บทที่282 ข้าจะอยู่กับนางตลอดชีวิต

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่282 ข้าจะอยู่กับนางตลอดชีวิต

“เสี่ยวอันจื่อใช่หรือไม่ ยาที่เจ้าใช้ในเมื่อครู่นั้นเป็นสิ่งใด มีประสิทธิผลอะไร?” ผู้อาวุโสสองถามด้วยความสงสัย

สามารถทำให้ผู้อาวุโสสามหลงกลได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ยาธรรมดาอะไรอย่างแน่นอน

“ยานี้ของข้าทำให้ประสาทของคนเหน็บชาได้ กลั่นมาจากของเหลวจากสมุนไพรหลายชนิด ใช้เพียงน้อยนิดก็สามารถทำให้คนหมดสติไปชั่วขณะได้ ถามอะไร ทำอะไร ก็ตามสัญชาตญาณของเขา หลังจากฤทธิ์ยาหมดลง เขาก็จะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ที่จริงแล้วข้าใช้มันมาจัดการกับพวกค้ามนุษย์ ข้ายังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง อยากศึกษาค้นคว้ายาที่สามารถใช้ป้องกันตนเองได้ ดังนั้นข้าจึงคิดถึงสิ่งนี้ เพียงแค่ใช้ผู้อาวุโสท่านนี้ทดลองดูเท่านั้น” เสี่ยวอันจื่อตอบ

ดวงตาอันสวยงามของหยุนถิงฉายความชื่นชมออกมา ก่อนหน้านี้นางเคยสอนทุกคนทำยาผง คิดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มนี้จะมีพรสวรรค์ด้านทักษะทางการแพทย์มากเช่นนี้ นางดูออกได้ว่านี้เป็นยาที่ได้รับการปรับปรุงของเสี่ยวอันจื่อ

มีผลดีกว่ายาตัวก่อนที่นางทำ หยุนถิงพอใจมาก: “ทำได้ไม่เลว”

ผู้อาวุโสสองก็ตกตะลึงมากนัก เด็กอายุแปด เก้าขวบก็สามารถสกัดยาดังกล่าวออกมาได้ เมื่อครู่เขาเองก็ได้เห็นผลจากบนตัวของผู้อาวุโสสามแล้ว หากเด็กคนนี้เติบโตขึ้น ทักษะทางการแพทย์ของเขาจะเก่งมากเพียงใด

“ผลของยานี้ของเจ้าเหนือความคาดหมายจริงๆ ได้ผลดีมาก ผลลัพธ์ในเมื่อกี้คือความผิดพลาดของพวกข้า เจ้าผ่านการแข่งขันรอบก่อนชิงชนะเลิศแล้ว ข้าสามารถเชิญเจ้าเข้าร่วมหอเทพเซียนได้โดยตรง” ผู้อาวุโสสองรีบพูดในทันที

เด็กที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ จะต้องเอาเข้าหอเทพเซียนให้ได้

แต่เสี่ยวอันจื่อกลับทำสีหน้าเย็นชา: “ข้าปฏิเสธ!”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด

“เจ้าอย่ามองข้ามความหวังดีของผู้อื่นมากนัก ผู้อาวุโสสองให้เจ้าเข้าร่วมเป็นเพราะให้เกียรติเจ้า” มู่ว่านว่านพูดด้วยความโกรธ

“ข้าไม่ต้องการผู้อื่นมาให้เกียรติข้า ข้าเกียรติตัวเองก็เพียงพอแล้ว!”

มีความพึงพอใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของหยุนถิง สมกับเป็นคนที่นางสั่งสอนออกมาจริงๆเลย มีความหยิ่งในศักดิ์ศรี ดียิ่งนัก

“ถึงหนึ่งก้านธูปแล้ว!” องครักษ์คนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเตือน

ผู้อาวุโสสองและมู่ว่านว่านไม่ได้พูดต่อ พวกเขาต่างก็หันมองไปยังนางกำนัลห้า หกคนนั้น

องครักษ์สองสามคนยกน้ำสะอาดมา นางกำนัลทั้งหมดต่างก็ล้างสิ่งดำๆบนใบหน้าออก ณ จุดนั้น ทุกคนต่างก็มองดูพวกนาง

“รู้สึกอย่างไร?” หยุนถิงถาม

“ข้ารู้สึกว่าสิวบนหน้าไม่เจ็บขนาดนั้นแล้ว และไม่คันแล้วด้วย ของสิ่งนี้ได้ผลมากจริงๆ” นางกำนัลคนหนึ่งกล่าว

“สิวของข้าก็ดีขึ้นมากเลย และไม่รู้สึกคันและแสบเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”

เมื่อฟังคำพูดของทุกคน มู่ว่านว่านก็ไม่พอใจ: “พวกเจ้าเป็นคนที่จ้างมาสินะ ใช้เพียงครั้งเดียวก็บอกว่าได้ผล ใครจะไปเชื่อ”

“คนเหล่านี้ล้วนเป็นนางกำนัลของแคว้นต้าเยียน ข้าออกนั่งบัญชาการรักษาการณ์ด้วยตันเอง ใครกล้าโกหก คุณหนูว่านพูดอะไรก็ควรให้ความเคารพหน่อย อย่าทำให้เสียหน้าหอเทพเซียน!” โม่ฉือหานที่เงียบมานานทำเสียงเชอะ

มู่ว่านว่านมองดูใบหน้าที่เย็นชาของหลีอ๋อง จึงค่อยหุบปากอย่างไม่เต็มใจ

ผู้อาวุโสสองกับผู้อาวุโสสี่ และหมอหลวงคนอื่นๆต่างก็เดินไปหานางกำนัลเหล่านั้น เมื่อครู่สิวบนหน้าของนางกำนัลพวกเขาก็ได้ตรวจดูไปรอบหนึ่งแล้ว ดังนั้นหลังจากใช้ยาทานี้แล้ว ทุกคนต่างก็หันมองไป

ผู้อาวุโสสองดูออกในทันทีว่า หน้าที่มีสิวของนางกำนัลหนึ่งในนั้นในเมื่อครู่นั้นยังมีหนองไหลออกมาอยู่ และหลังจากทายาแล้วสิวก็ดีขึ้นจริงๆด้วย

“ยาทานี้ได้ผลจริงๆ” ผู้อาวุโสสองชมเชย

“ถูกต้อง เมื่อครู่ข้าเองก็สังเกตเห็นว่าสิวของนางกำนัลคนนี้ร้ายแรงมาก ใช้เพียงครั้งเดียวก็ดูเหมือนได้ผลแล้ว ไม่เลวเลยจริงๆ” หมอหลวงหลิวพูดอย่างไม่น่าเชื่อ

“คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะเก่งเช่นนี้ สามารถศึกษาทำยาเช่นนี้ออกมาได้” หมอหลวงอีกคนพูดเห็นด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย

เมื่อครู่พวกเขายังคัดออกเขาอยู่เลย ตอนนี้ก็มาเห็นด้วยอีก นี่เป็นการตบหน้าตัวเองชัดๆไม่ใช่หรือ

องค์ชายสี่ที่นั่งอยู่บนที่นั่งสูงเห็นเช่นนี้ ดวงตาทั้งสองข้างสว่างขึ้นทันที บนในหน้าของผู้หญิงและผู้ชายในเมืองหลวงนั้นมีสิวเยอะมาก หากเอายานี้ไปขาย คงเป็นที่นิยมมากแน่นอน

“อีนังหนู เมื่อครู่มันเป็นความผิดพลาดของพวกข้า ข้าขอโทษเจ้าแทนทุกคน เจ้าก็ผ่านการแข่งขันรอบชิงชนะแล้วเช่นกัน ยินดีต้อนรับเข้าร่วมหอเทพเซียน” ผู้อาวุโสสองกล่าว

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันหมด เดี๋ยวยังมีรอบชิงชนะเลิศกับการแข่งขันรอบสุดท้ายในภายหลัง แต่ผู้อาวุโสสองก็ได้ส่งคำเชิญไปให้เด็กสองคนนี้ในการแข่งขันรอบก่อนชิงชนแล้ว ทำเอาผู้แข่งขันคนอื่นๆอึ้งไปหมด

มู่เซียวเซียวกับมู่ว่านว่านก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่ผู้อาวุโสสองคุณธรรมและบารมีสูงส่ง เขาทำเช่นนี้ก็ต้องมีเหตุผลของเขาเช่นกัน พวกนางเองก็ดูออกว่าเด็กสองคนนี้ไม่ธรรมดา

ซีหลิ่วชำเลืองมองเสี่ยวอันจื่อ จากนั้นก็มองไปที่หยุนถิง: “ข้าก็ปฏิเสธเช่นกัน!”

ทีนี้ ทำเอาทุกคนอึ้งไปหมด

“เด็กคนนี้ก็ไม่เต็มหรือ เจ้าหนูในเมื่อกี้นั้นก็หัวรั้น มิฉะนั้นหอเทพเซียนก็ได้ส่งคำเชิญชวนให้พวกเขาแล้ว แต่พวกเขากลับปฏิเสธ นี่เป็นสิ่งที่คนอื่นขอยังขอไม่ได้เลย” คนคนหนึ่งอดพูดไม่ได้ว่า

“ใช่ หากผู้อาวุโสปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ ข้าก็จะตอบตกลงโดยไม่ลังเลสักนิดเลย ทำไมข้าถึงไม่มีโชคเช่นนี้เลย”

“อาจเป็นเพราะยังเด็กอยู่ จึงไม่เข้าใจความสัมพันธ์ที่ดีในระหว่างนี้”

“คงใช่แหละ หากไม่อยากเข้าร่วมหอเทพเซียน ทำไมต้องมาเข้าร่วมการแข่งขันด้วยล่ะ ทำเป็นเล่นเลย?

เมื่อฟังการวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน หยุนถิงก็แสดงท่าทีเหยียดหยามและความเยาะเย้ย: “สำหรับความสับสนของทุกคน ข้าสามารถมาไขความสับสนของทุกคนได้

เหตุผลที่ซีหลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อมาเข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือก ก็เพียงเพื่อมาฝึกฝีมือและประสบการณ์เท่านั้น มีใครตั้งเงื่อนไขไว้ว่าถ้าผ่านการแข่งขันก็ต้องเข้าร่วม?

เมื่อครู่ผู้อาวุโสทั้งสามและหมอหลวงต่างก็คัดค้านกัน หากไม่ใช่ข้าออกมาแก้ไขและพิสูจน์ต่อหน้าทุกคน เกรงว่าเด็กสองคนนี้คงถูกทุกคนมองว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นใช้ไม่ได้สินะ

ไม่แยกถูกผิดเช่นนี้ ผู้อาวุโสที่ตัดสินความสำเร็จของผู้อื่นจากประสบการณ์อันเก่าแก่ของพวกเขานั้น จะสามารถสอนลูกศิษย์อะไรดีๆออกมาได้ เกรงว่าต่อให้ต้นกล้าที่ดีแค่ไหนก็คงถูกฝังเอาไว้แล้ว

ในอดีตหอเทพเซียนอาจเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศและตำแหน่งในใจของทุกคน และยังเป็นทักษะทางการแพทย์ที่มีระดับสูงที่สุดด้วย แต่ในความคิดของข้า มันเป็นเพียงกลุ่มคนอนุรักษนิยมที่ยังคงหลอกลวงผู้อื่นในภายใต้เกียรติของการสร้างสรรค์ของคนรุ่นก่อนเท่านั้น”

น้ำเสียงเย็นชา คำพูดที่สวยหรู เหมือนกระตุ้นให้เกิดความสำนึก ทำให้ทุกคนเตือนให้รู้ว่าหลงผิด

ในขณะนี้ ทุกคนที่คิดว่าซีหลิ่วและเสี่ยวอันจื่อโง่เขลานั้นต่างก็ได้แต่ก้มหน้าด้วยความละอายใจ เมื่อครู่ทุกคนต่างก็มองเห็นการกระทำของผู้อาวุโสและหมอหลวง และตอนนี้เมื่อถูกหยุนถิงพูดถูก ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้อง

“หยุนถิงเจ้าทำเกินไปแล้ว กล้าเหยียดหยามหอเทพเซียนของพวกข้าเช่นนี้ ผู้อาวุโสสองถามเด็กสองคนนี้ ไม่ได้ถามเจ้าสักหน่อย ทำไมเจ้าต้องตัดสินใจแทนพวกเขาด้วย?” มู่ว่านว่านตะโกนด้วยความโกรธ

หยุนถิงมองดูมู่ว่านว่าน เหมือนกำลังมองคนโง่: “เพราะว่า พวกเขาสองคนเป็นคนของข้า!”

คำคำเดียว ทำเอาทุกคนตกตะลึงกันหมด

“เป็นไปได้อย่างไร พวกเขาสองคนเป็นคนของเจ้าได้อย่างไร?” มู่ว่านว่านไม่ยอมเชื่อ

หยุนถิงหันมองดูเด็กทั้งสอง: “พวกเจ้ามาบอกเอง”

“ข้าสามารถรู้จักสมุนไพร และรู้ทักษะทางการแพทย์ได้ล้วนเป็นเพราะคุณหนูหยุนสอนข้า นางคือผู้มีพระคุณของข้า ชาตินี้ข้าจะติดตามนางเพียงผู้เดียว!” เสี่ยวอันจื่อพูดอย่างจริงจัง

“คนที่ข้านับถือที่สุดคือพี่สาว ข้าจะอยู่กับนางไปตลอดชีวิต และไม่จากไปไหน” ซีหลิ่วกล่าว