ภาค 3 บทที่ 44

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก – ภาค 3 บทที่ 44 วิชานี้ก็สอนแก่ใต้หล้าได้
บทที่ 44 วิชานี้ก็สอนแก่ใต้หล้าได้
โดย
Ink Stone_Romance
แต่วัดกวงหวาด้านนี้ยิ่งไม่ได้สงบ

ฮ่องเต้ให้บรรดาองค์ชายองค์หญิงปลูกฝี ประกาศว่าการปลูกฝีได้ผลอย่างสิ้นเชิงแล้ว คนเมืองหลวงไม่แบ่งแยกสูงศักดิ์ต่ำศักดิ์ล้วนแห่แหนมา และผู้คนสถานที่อื่นที่ได้ยินข่าวก็เร่งเดินทางมาเช่นกัน

ไม่เหมือนชาวบ้านผู้ดีชนบทจากหยางเฉิงกับหรู่หนานที่มาตอนแรกแบบนั้น แต่เป็นขุนนางของทางการ

ยังไม่ต้องพูดถึงการปลูกฝีเกี่ยวพันกับชีวิตประชาชน ฮ่องเต้ยอมรับการปลูกฝี พวกเขาบรรดาขุนนางเหล่านี้ยังไม่ทำตามทันทีก็ขัดพระบัญชาเกินไปแล้ว

ความต้องการของชาวบ้าน พระประสงค์ขององค์จักรพรรดิ ยิงนกทีเดียวได้นกสองตัวยังไม่รีบมาทำ ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ไม่ต้องเป็นขุนนางแล้ว กลับบ้านไปปลูกมันเทศเถอะ

“พวกเรามาเป็นพวกแรกสุด ต้องไปที่นั่นของพวกเราก่อน”

“เรื่องแบบนี้ยังแบ่งไกลใกล้รึ? ควรแบ่งหนักเบาเร่งด่วนไม่เร่งด่วนสิ พวกเราซู่โจวประชากรเด็กมากที่สุด”

ด้านในวัดกวงหวาเสียงโวยวายไม่หยุดสักวัน วัดที่เดิมเงียบสงบประหนึ่งตลาดเอะอะ ไล่เรียงยกตัวอย่าง เทียบไกลใกล้ บรรดาขุนนางโต้เถียงไม่เลิกรา

“คุณหนูจวิน อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง อย่างไรท่านก็ต้องกลับไปดูที่บ้านบ้างนะขอรับ”

ยังมีบางคนยกภูมิลำเนาลากเข้าความรักครอบครัวแล้ว

หน้าไม่อาย

นี่ทำให้บรรดาขุนนางคนอื่นในใจชิงชังเอ่ยด่า

แต่ขุนนางที่พูดคำนี้ออกมาไม่ได้กระหยิ่มยิ้มย่องนานนัก ด้านข้างมีขุนนางอ้วนฉุคนหนึ่งกระแอมเบาๆ ขึ้น

“ใช่แล้ว คุณหนูจวิน ศาลบรรพชนตระกูลจวินบูรณะซ่อมแซมใหม่แล้ว ทุกคนรอคอยให้ท่านกลับไปจุดธูปอยู่” เขาเอ่ยเชื่องช้า เวลาเดียวกันก็เหล่สายตามองขุนนางด้านข้างทีหนึ่ง

แข่งความรักครอบครัว คุณหนูจวินแซ่จวิน แซ่ฟางต้องไปข้างหลังสักหน่อย

ในโถงเสียงทะเลาะดังขึ้นอีกครั้ง

คุณหนูจวินที่ยกพู่กันเขียนอักษรอยู่หยุดมือ ยกศีรษะกดหน้าผาก ท่านหมอเฒ่าเฝิงตบโต๊ะทันที

“ทุกคนไม่ต้องทะเลาะกัน” เขาเอ่ย “เรื่องนี้พวกเราย่อมวางแผนไว้แล้ว ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ปลูกฝีทั่วใต้หล้า ล้วนผลัดกันทั่วถึง”

คำพูดเช่นนี้สำหรับพวกขุนนางแล้วคุ้นเคยเกินไปแล้วจริงๆ

ล้วนผลัดกันทั่วถึง? หลังหนึ่งเดือนผลัดถึง หลังหนึ่งปีผลัดถึง ใครยินดีรอคอยถึงสุดท้ายเล่า

เสียงเอะอะในโถงพระพุทธรูปยังคงไม่หยุด

“พวกเราจะเรียกรวมตัวหมอมากกว่าเดิมทันที ให้คนมากกว่าเดิมเรียนการปลูกฝีให้เป็น หลังจากนั้นรับรองว่าทุกที่ล้วนส่งหมอคนหนึ่งไปปลูกฝี สอนหมอในท้องที่ของพวกเจ้า” ท่านหมอเฒ่าเฝิงเอ่ย

วิธีนี้ก็ไม่เลว

แต่จะรับประกันได้อย่างไรว่าหมอที่เรียกมาใหม่เหล่านั้นจะพึ่งได้อย่างพวกท่านหมอเฒ่าเฝิงเช่นนี้?

ในโถงพระพุทธรูปเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นก็เอะอะต่อ

“ย่อมพึ่งได้” ท่านหมอเฒ่าเฝิงเอ่ยไม่ลังเลสักนิด “ขอเพียงคุณหนูจวินบอกว่าหมอผู้หนึ่งทำได้ ถ้าอย่างนั้นเขาย่อมต้องทำได้”

ด้านในโถงพระพุทธรูปเงียบลง สายตาทั้งหมดมองไปทางคุณหนูจวิน

ตั้งแต่ต้นจนจบคุณหนูจวินผู้นี้ล้วนเงียบสงบ แทบจะถูกคนเมินไป

แต่แน่นอนไม่มีใครเมินนาง บรรดาท่านหมอปลูกฝีได้สำคัญยิ่ง แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือหน่อฝี

หน่อฝีนี้เป็นมือของนางวิจัยสร้างออกมา

วิชาการปลูกฝีท่านหมอเหล่านี้ล้วนทำเป็น แต่หน่อฝีไม่ใช่ว่าใครก็จะผลิตได้

นางบอกว่าท่านหมอทำได้ก็คือทำได้ คำพูดนี้พวกเขาไม่รู้สึกว่ามีปัญหา

วันนี้เรื่องของโรงหมอจิ่วหลิง ขุนนางทั้งหมดล้วนสอบถามมาชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว

คุณหนูจวินผู้นี้มีกฎเครื่องหมายการค้าอยู่ข้อหนึ่ง กฎนี้กับท่านหมอคนอื่นเป็นเช่นนี้ กับบรรดาหมอหลวงของสำนักแพทย์หลวงก็เป็นเช่นนี้ นอกจากนี้ยังพูดจริงทำจริง

กฎนี้คือข้าบอกว่าเจ้าทำได้เจ้าย่อมทำได้ เจ้าทำไม่ได้ข้าทำได้

ข่าววัดกวงหวาต้องการหาหมอร่ำเรียนวิชาการปลูกฝีสั่นสะเทือนเมืองหลวงอีกครั้ง

ใต้หล้ากว้างใหญ่ เด็กน้อยมากมายนับไม่หมดไม่สิ้น วันนี้หมอที่ปลูกฝีเป็นมีไม่กี่คนเท่านี้ คิดดูก็รู้ว่าวิชานี้ขาดแคลนเพียงใด แม้ปลูกฝีครั้งหนึ่งเพียงแค่เงินไม่กี่ร้อยอีแปะ แต่สิ่งที่บรรดาท่านหมอได้รับย่อมไม่ใช่เพียงเท่านี้

ความเคารพ ความนับถือ ความชื่นชม ถูกครอบครัวที่ได้ปลูกฝีกำชับเด็กๆ ให้จดจำชื่อท่านหมอคนนี้ไว้ นี่เป็นวิธีที่ชาวบ้านทั้งหลายแสดงความรู้สึกของตนเอง ส่วนเหล่าผู้สูงศักดิ์แสดงความรู้สึกของตนเองยิ่งพรั่งพร้อมกว่าอยู่บ้าง

ฮ่องเต้ไทเฮาฮองเฮารวมถึงบรรดาชายาสนมพระราชทานเงินทองเกียรติยศแก่ท่านหมอเฒ่าเฝิง ส่วนสิ่งที่บรรดาองค์ชายองค์หญิงประทานแก่ท่านหมอทั้งหลายที่ปลูกฝีให้ก็เหนือกว่าของขวัญขอบคุณไม่กี่ร้อยอีแปะไปไกลโพ้น

แม้ท่านหมอเหล่านี้ยุ่งไม่มีใครได้กลับบ้านมาตลอด แต่ครอบครัวของพวกเขาของขวัญนานาชนิดกองพะเนินเต็ม

แน่นอน ความหมายของเรื่องนี้ไม่อาจใช้เงินมาวัดค่าได้

“วิชาเช่นนี้คุณหนูจวินจะสอนให้แก่หมอมากกว่านี้จริงหรือ?”

“สอนพวกท่านหมอเฒ่าเฝิงปกติยิ่ง อย่างไรพวกเขาก็ติดตามคุณหนูจวินไม่สนอันตรายมารักษาฝีดาษ”

ตอนที่บรรดาชาวบ้านถกเถียงกันอย่างสงสัย ท่านหมอทั้งเมืองก็ไม่ลังเลสักนิดวิ่งตรงมายังวัดกวงหวาแล้ว

วิชา? คุณหนูจวินสั่งสอนวิชาให้ผู้อื่นนับเป็นเรื่องประหลาดอันใดหรือ? คุณหนูจวินก็ทำเช่นนี้มาตลอดไม่ใช่รึ? นี่เป็นเรื่องปกติยิ่ง ต่อให้วิชานี้เป็นการปลูกฝีก็เถอะ

คุณหนูจวินพูดไว้ตั้งนานแล้ว หนึ่งแพทย์รักษาหนึ่งคน ร้อยแพทย์ช่วยหมื่นประชา

“เรื่องเช่นนี้ควรให้พวกเราสำนักแพทย์หลวงทำ”

“เรื่องปลูกฝีเป็นเรื่องสำคัญใหญ่หลวง ทางการแต่ละที่ออกหน้า นั่นย่อมควรเป็นพวกเรารับช่วงต่อ เช่นนี้ถึงยิ่งปลอดภัย”

มองดูเหล่าหมอหลวงที่โกรธแค้นคับอกเหล่านี้ตรงหน้า ขุนนางราชวิทยาลัยฮั่นหลินในห้องทำงานสีหน้านิ่งสงบ

สำนักแพทย์หลวงเป็นส่วนหนึ่งของราชวิทยาลัยฮั่นหลิน นี่เป็นครั้งที่สามของพวกเขาแล้ว

“แต่พวกชาวบ้านยอมรับเพียงโรงหมอจิ่วหลิง” เขาเอ่ย ชี้เชือกสีแดงไม่กี่เส้นบนโต๊ะ

นี่ไม่ใช่เชือกแดงธรรมดา เชือกแดงเช่นนี้เส้นเดียวแบ่งเป็นสอง เด็กที่ปลูกฝีจะได้รับด้านหนึ่ง ข้างบนประทับตราของโรงหมอจิ่วหลิง รวมถึงตราของท่านหมอที่รับผิดชอบปลูกฝีไว้ ส่วนอีกด้านหนึ่งเหลือเก็บไว้ในมือโรงหมอจิ่วหลิงบันทึกชื่อภูมิลำเนาของเด็กที่ปลูกฝี

ละเอียดปานนี้ก็เพราะการปลูกฝีเป็นเรื่องสำคัญใหญ่หลวง ต้องรอบคอบระมัดระวังให้มาก

ต่อให้ไม่มีสัญลักษณ์เชือกแดงเส้นนี้ นอกจากโรงหมอจิ่วหลิง นอกจากหมอที่บรรดาชาวบ้านจำชื่อได้ขึ้นใจไม่กี่คนนั้นที่วัดกวงหวา คนอื่นอย่าได้คิดปลูกฝีให้ใคร

แน่นอน อนาคตย่อมมีหมอมากกว่าเดิม แต่หมอเหล่านี้อยากได้รับการยอมรับจากบรรดาชาวบ้าน ย่อมต้องถือใบรับรองที่โรงหมอจิ่วหลิงให้

ขุนนางมองบรรดาหมอหลวงเหล่านี้

หมอหลวงทั้งหลายย่อมรู้เรื่องนี้เช่นกัน เดิมอยากอาศัยจังหวะที่ชาวบ้านยังไม่ทันยอมรับการปลูกฝีสำนักแพทย์หลวงเข้าไปอยู่ในวัดกวงหวา แต่ก็สายไปก้าวหนึ่ง

แค่สายไปก้าวเดียวนั่น

ในเมื่อแย่งซึ่งหน้าไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามกฎก็ได้

ขอเพียงราชสำนักเอ่ยปาก ยังไม่มีวิธีอีกหรือ?

“แน่นอนก็ไม่ใช่ไม่มีวิธี” ขุนนางมองพวกเขา สีหน้านิ่งสงบเอ่ย “ให้ชาวบ้านทั้งหลายยอมรับสำนักแพทย์หลวง”

บรรดาท่านหมอที่นั่นดวงตาเป็นประกาย

“นั่นก็คือให้คุณหนูจวินเป็นเจ้าสำนักของสำนักแพทย์หลวง”ขุนนางเอ่ย

บ้าอะไร!

บรรดาหมอหลวงสีหน้าเขียวคล้ำทันที

ให้คุณหนูจวินมาเป็นเจ้าสำนัก นั่นที่แท้เป็นสำนักแพทย์หลวงแย่งโรงหมอจิ่วหลิง หรือโรงหมอจิ่วหลิงยึดครองสำนักแพทย์หลวงเล่า?

“ข้าคิดว่าด้วยชื่อเสียงวันนี้ของคุณหนูจวิน แม้ฐานะที่เป็นสตรีจะผิดแปลกไปบ้าง แต่ฮ่องเต้บางทีอาจพระราชทานอนุญาตนางเป็นพิเศษสักหน” ขุนนางเอ่ยเสริมอีกหนึ่งประโยค

ให้ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นหมอหลวงเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ แต่ปลูกฝีป้องกันคนเป็นฝีดาษก็เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนเหมือนกัน ดังนั้นบนโลกนี้มีเรื่องประหลาดมากมายก็ไม่ใช่ไม่อาจเกิดขึ้นได้

บรรดาหมอหลวงหน้าเขียวคล้ำพาท่าทางอับอายโกรธเกรี้ยวจากไปแล้ว

มองดูคนเหล่านี้จากไป ขุนนางของราชวิททยาลัยฮั่นหลินผู้สีหน้านิ่งสงบก็เบะปาก มองเชือกแดงที่มีตราโรงหมอจิ่วหลิงบนโต๊ะเผยรอยยิ้ม เก็บเชือกแดงอย่างระมัดระวังอยู่บ้างขึ้นมา

ล้อเล่นอะไรกัน ลูกน้อยสามคนหลายชายหนึ่งคนหลายชายฝั่งภรรยาสองคนของเขายังเพิ่งต่อแถวได้ลำดับมา คุณหนูจวินส่งท่านหมอเฒ่าเฝิงมาปลูกฝีให้เองเป็นพิเศษ

ให้เจ้าพวกนี้ของสำนักแพทย์หลวงที่กระทั่งวัดกวงหวาเพิ่งไปเพียงครั้งเดียว ฝีดาษก็ไม่เคยรักษาสักครั้งรับผิดชอบสั่งการการปลูกฝี?

ได้สิ รอลูกๆ หลานๆ ของเขาอย่างน้อยสามรุ่นปลอดภัยไร้อันตรายค่อยว่ากันแล้วกัน

……………………………………….