บทที่ 351 การเย็บแบบไร้รอยไหม

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 351 การเย็บแบบไร้รอยไหม

อาการยู่หลิวซูไม่ค่อยจะดีนัก เขามองนางด้วยความสยดสยอง หยิบมีดเล่มเล็กกรีดลงไปที่ท้องของฉินหลิงเจียว ใบหน้าเขียวคล้ำไปหมด

นี่ยังเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ

เทพธิดาคว้านท้องของศพราวกับเชือดหมูสามชั้น อีกทั้งยังมีสีหน้าที่เย็นชา ดวงตาแทบจะไม่กะพริบ

ดูเหมือนว่า……

เรื่องการคว้านท้องแบบนี้ คุ้นเคยจนเป็นเรื่องปกติมานานแล้ว

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ดังนั้น ยู่หลิวซูจึงเสียใจกับการกระทำที่ตึกฟังงิ้วก่อนหน้านี้ของตนเอง และยังคงเสียใจเป็นอย่างมาก

เขาได้แต่แอบดีใจที่ตนเองไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าตั้งแต่แรก!

ไม่อย่างนั้นละก็……

เกรงว่าคนที่ถูกคว้านท้องคงจะเป็นเขา

แต่เย่แจ๋หยิ่ง กลับทำเหมือนกำลังมองดูอากาศอยู่ มองดูหลานเยาเยาที่กำลังพลิกช่องท้องออกมา

ในขณะที่ท้องถูกเปิดออก ก็ได้ส่งกลิ่นเหม็นออกมา ซึ่งกลิ่นแรงมาก

“อ้วก……”

ยู่หลิวซูไม่สามารถที่จะกลั้นอาเจียนได้อีกต่อไป จากนั้นได้รีบหนีออกไปให้พ้นจากสถานที่ที่เป็นปัญหานี้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้น!

มีเย่แจ๋หยิ่งเพียงคนเดียวที่มองดูขั้นตอนทั้งหมด

แต่!

เป็นเวลานานมาก ที่เย่แจ๋หยิ่งเฝ้าดูหลานเยาเยา

เกือบจะเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง หลานเยาเยาและเย่แจ๋หยิ่งก็ได้เดินออกมา เจ้าหน้าที่นำทางมองไปยังอ๋องเย่และเทพธิดาเดินไปทางห้องพิจารณาคดี เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้

รอจนกระทั่งมองไม่เห็นเบื้องหลังของพวกเขา

เจ้าหน้าที่นำทางรีบผุดเข้าไปในห้องเก็บศพทันที เปิดผ้าคลุมศพสีขาวของฉินหลิงเจียว เลิกเสื้อผ้าที่สวมไว้อย่างเรียบร้อย และมองไปยังช่องท้อง

ประหลาดใจในทันที!

บริเวณบนร่างของศพที่ถูกมีดผ่าตัด ได้ฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม แม้ว่าจะดูอย่างใกล้ๆ ก็มองไม่ออกว่าผิวหนังหน้าท้องได้ถูกแยกออก

บวกกับหน้าท้องที่มีรอยขีดข่วนอยู่มากมายตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงยิ่งทำให้มองไม่ออกมากขึ้น

อันที่จริง!

บริเวณหน้าท้องไม่มีร่องรอยใดที่จะมองออกว่าเคยผ่านมีดมา เป็นเพราะ หลานเยาเยาใช้กลวิธีการเย็บแบบไร้รอยไหม และยังใช้กาวทางการแพทย์ชั้นสูงที่สุด จึงสามารถฟื้นฟูรอยผ่าตัดได้จนแทบจะมองไม่ออก

“น่าอัศจรรย์ ! น่าอัศจรรย์ !”

เจ้าหน้าที่นำทางตกตะลึงไม่หยุด

“มันน่าอัศจรรย์จริงๆ !”

ทันใดนั้นก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังเข้ามา น้ำเสียงทั้งเบาทั้งล่องลอย ราวกับภูตผี สีหน้าของเจ้าหน้าที่นำทางซีดเซียว ขาอ่อนแรง ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง

“เจ้าเจ้าเจ้า……เจ้าทำข้าตกใจแทบแย่ ข้านึกว่าศพกระตุกแล้วเสียอีก! ”

เขาสัมผัสเหงื่อตกที่หน้าผาก ขยับมือ ดึงเสื้อผ้าที่เปิดออกแล้วคลุมด้วยผ้าขาวอีกครั้ง

จากนั้นก็เหลือบไปมององครักษ์ที่อยู่ด้านข้าง

“ไปกันเถอะ!”

“ครับ ใต้เท้า” ยู่หลิวซูประสานมือแสดงความเคารพ

ขณะที่เดินออกมาจากประตูใหญ่ห้องเก็บศพ ยู่หลิวซูหันกลับไปมองที่ศพของฉินหลิงเจียว ความเศร้าในดวงตาก็ได้เปล่งประกายออกมา

หลานเยาเยาที่อยู่ในห้องพิจารณาคดี เอาตัวอย่างของอวัยวะต่างๆ ที่นำมาจากข้างในกระเพาะอาหาร วางลงบนภาชนะที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว จากนั้นผ่านการสแกนและวิเคราะห์ของระบบในลักษณะเดียวกัน

ผลลัพธ์ที่ออกมา ทำให้นางต้องแปลกใจเล็กน้อย

ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้!

ดังนั้น!

นางก็หันกลับไปมองเย่แจ๋หยิ่ง มองไปยังถ้วยน้ำชาที่เขาดื่ม ดื่มตั้งแต่ร้อนจนกระทั่งเย็น หากนางไม่เรียกเขาละก็ คาดว่าก็คงจะดื่มจากเย็นไปจนกระทั่งบูด

ตอนนี้ก็ได้เห็นยู่หลิวซูและเจ้าหน้าที่นำทางเดินเข้ามาจากด้านนอกของประตูพอดี

หลานเยาเยาได้มองไปยังยู่หลิวซูชั่วขณะหนึ่ง สีหน้ารู้สึกเกิดความสนใจขึ้นเล็กน้อย

จากนั้นก็มองไปยังเจ้าหน้าที่นำทาง “องค์ชายรัชทายาทได้พาหลินเฟยหรันมาที่นี่ใช่หรือไม่”

“นี่……”

เจ้าหน้าที่นำทางรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

ใต้เท้าส้าวชิงได้กำชับไว้ ผู้ที่องค์ชายรัชทายาทพาตัวมานั้นไม่อาจเปิดเผยให้คนอื่นรู้ได้แม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เทพธิดาได้ถามขึ้นมา เขาจะพูดหรือไม่พูดดี

“สำหรับเทพธิดา ไม่มีอะไรจะพูดไม่ได้”

เสียงหนึ่งดังกังวลมาจากด้านนอกประตู เย่หลีเฉินในชุดรัชทายาทได้เดินเข้ามา

“ถวายบังคมองค์ชายรัชทายาท!”

เจ้าหน้าที่นำทางและยู่หลิวซูคุกเข่าหมอบลงแสดงความเคารพ เย่หลีเฉินได้โบกมือขึ้นโดยตรง เป็นสัญญาณให้พวกเขาลุกขึ้น

หลังจากเข้ามาแล้ว

เขาก็ประสานมือทำความเคารพเย่แจ๋หยิ่งและเทพธิดา

“เสด็จอา เทพธิดา”

อันที่จริง!

ถ้าตามกฎหมายของประเทศก่วงส้าแล้ว เย่หลีเฉินไม่จำเป็นต้องทำความเคารพหลานเยาเยา ท้ายที่สุดแล้วหลานเยาเยามีตำแหน่งแค่เทียบเท่าพระราชธิดาเท่านั้น

แต่จะทำอย่างไรได้สถานะเทพธิดาของหลานเยาเยา ก็ได้รับการเคารพจากทุกประเทศแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเพราะความเคารพที่ทุกคนมีต่อเทพธิดา หรือเป็นเพราะความยำเกรงของเเย่หลีเฉินเอง เขาก็ล้วนแต่ปฏิบัติด้วยความสุภาพ

เย่แจ๋หยิ่งแค่ส่งสายตาให้เขา แล้วจ้องมองไปที่น้ำชาต่อไป

“นางล่ะ”

หลานเยาเยากำลังพูดถึงหลินเฟยหรัน เย่หลีเฉินก็เข้าใจความของนางได้โดยทันที

“อยู่ในคุกของศาลต้าหลี่!”

เย่หลีเฉินชำเลืองไปมองเจ้าหน้าที่นำทาง ส่งสัญญาณให้เขาไปทำเรื่องของตนเอง

จากนั้นเขาก็ได้พาหลานเยาเยา แน่นอนว่ายังมีเย่แจ๋หยิ่งที่ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ ไปยังสถานที่ที่คุมขังหลินเฟยหรันเอาไว้

แต่กลับพบว่ามีองครักษ์คนหนึ่งตามอยู่ตลอด

ก็มองเขาอย่างสงสัย “เจ้ารออยู่ที่นี่”

องครักษ์คนนั้นไม่ได้ตอบอะไร และมองไปยังหลานเยาเยา เย่หลีเฉินก็มาไปยังหลานเยาเยาเช่นกัน และพูดนำขึ้นมาก่อนว่า

“เทพธิดา เจ้าเชื่อเขาหรือ”

เมื่อฟังน้ำเสียงของเย่หลีเฉิน ก็รู้ชัดว่าองครักษ์คนนั้นเป็นนักแสดงหลักของตึกฟังงิ้ว——ยู่หลิวซู

“แม้ว่าไม่เชื่อ มีอ๋องเย่อยู่ เขาจะกล้าบุ่มบ่ามหรือ”

ไม่ต้องพูดถึงยู่หลิวซูหรอก แม้แต่นางก็ไม่กล้าที่จะบุ่มบ่าม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย่หลีเฉินเลย

เป็นไปอย่างที่คิดไว้!

หลังจากนางพูดแบบนี้

เย่หลีเฉินก็มองไปยังอ๋องเย่ พบว่าเขาเอามือไขว้หลัง ทำหน้าเย็นชา และไม่พูดอะไร

เย่หลีเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เดิมทีเขาต้องการที่จะเดินเคียงไปกับเทพธิดา แต่เมื่อเห็นแววตาที่เยือกเย็นของอ๋องเย่ ก็เลือกที่จะนำไปข้างหน้า

ยู่หลิวซูก็ยิ่งเพิ่มความรอบคอบมากขึ้น จงใจที่จะตามอยู่ด้านหลังโดยเว้นระยะห่างให้มากที่สุด

ศาลต้าหลี่ก็มีห้องคุมขัง

เพียงแต่ไม่ได้ใหญ่เท่าคุกกรมอาญา และก็ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแบบคุกกรมอาญา

และสถานที่คุมขังของหลินเฟยหรัน ไม่ต่างจากห้องขังของคุก เพียงแต่มีที่นอนที่สะอาด และมีฟางข้าวที่ใหม่เอี่ยมอยู่เล็กน้อย

หลินเฟยหรันนอนอยู่ในห้องคุมขัง ได้สูญเสียความรุ่งโรจน์ในอดีตของเธอคนนั้นไปแล้ว

ผมเผ้ายังคงยุ่งเหยิง ชุดนักโทษที่อยู่บนร่างถูกเปลี่ยนใหม่เป็นชุดที่สะอาด บนแก้มมีรอยแผลลึก ล้วนถูกทิ้งไว้ตั้งแต่อยู่ในคุกกรมอาญา

พวกหลานเยาเยาสองสามคนยืนอยู่หน้าประตูเหล็ก มองไปยังหลินเฟยหรันที่ไม่ไหวติง

“ยังไม่ฟื้นอีกหรือ”

เย่หลีเฉินถามกับองครักษ์ที่กำลังไขกุญแจ

องครักษ์คนนั้นรู้วิชาการรักษานิดหน่อย เขาจึงได้ทำการตรวจและสังเกตอาการของหลินเฟยหรัน

เห็นหลินเฟยหรันเริ่มมีอาการตั้งแต่ออกมาจากคุกกรมอาญา นางสลบเป็นตายอยู่ตลอด และยังมีไข้สูงขึ้นลง สภาพการณ์ดูไม่มั่นคงอย่างมาก

“รายงานองค์ชายรัชทายาท ไข้สูงได้ลดลงแล้ว แต่กลับยังไม่ฟื้นขึ้นมา”

“อืม! เจ้าออกไปก่อน!”

“ครับ!”

หลังจากองครักษ์ออกไป หลานเยาเยาก็ได้เข้าไปในห้องขัง

ด้านในเป็นกลิ่นฉุนของยาสมุนไพร หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะมีกลิ่นของเลือดปะปนอยู่

นางได้ตรวจดูร่างกายของหลินเฟยหรัน

พบว่าบาดแผลจากแส้บนร่างกายและใบหน้าของหลินเฟยหรันล้วนแต่ถูกจัดการและพันแผลเอาไว้แล้ว ดูเหมือนว่าจะได้รับยาสมุนไพรลดไข้แล้ว

จับชีพจร และให้ระบบทำการสแกนอวัยวะภายในทั้งหมดของนาง

ผลสุดท้ายก็คล้ายกับสภาพการณ์ของฉินหลิงเจียว

ยู่หลิวซูก็ยืนอยู่หน้าประตูเหล็กของห้องขัง มองไปยังรูปลักษณ์ที่ถูกทำลายและไม่มีชีวิตชีวาของหลินเฟยหรันอย่างเงียบๆ ดวงตาที่อ่อนโยนตามปกติได้เปลี่ยนเป็นความซับซ้อนขึ้นมา

เพราะอะไรกัน

ก็เห็นชัดอยู่ว่าเพิ่งจะพบกันโดยบังเอิญ

สุดท้ายกลับกลายมาเป็นแบบนี้……

จนกระทั่งยู่หลิวซูรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เยือกเย็นที่พัดมากระทบเขา เขาจึงหดคอลง และมีสติกลับคืนมา