บทที่ 321 หนึ่งต่อสาม

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 321 หนึ่งต่อสาม
บทที่ 321 หนึ่งต่อสาม

เหนือซากปรักหักพัง ปราณกระบี่ เปลวเพลิงลุกโชติช่วง ลำแสงสีทองวูบไหวรวดเร็ว การปะทะกันที่รุนแรงของพลังเหนือธรรมชาติเหล่านี้ทำให้พื้นดินกลายเป็นหลุมบ่อมากมาย

ไป๋ลี่เพียงคนเดียว ทำให้จักรพรรดิเซียนทั้งสามที่กำลังต่อสู้กับเขาไม่มีความสุข คราวแรกคิดว่าจะรวมพลังกันเพื่อสั่งสอนบทเรียนให้กับอาวุโสสูงศักดิ์ผู้นี้สักหน่อย แต่หลังจากได้ประลองฝีมือแล้ว พวกเขากลับตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น!

จักรพรรดิเซียนทั้งสามทะลวงผ่านแดนเซียนเมื่อเจ็ดหมื่นปีก่อน เพื่อที่จะกลายเป็นจักรพรรดิเซียน แม้ว่าจะต้องใช้เวลามากในการสะสมพลังจากแดนเซียนสู่ขอบเขตจักรพรรดิ แต่เจ็ดหมื่นปีนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะยกระดับการฝึกฝนของตนจนถึงขีดสูงสุดของขอบเขตจักรพรรดิ

พวกเขาปกปิดขอบเขตการฝึกตนไว้อย่างมิดชิด แต่ในขณะนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเซียนองค์แรกเช่นไป๋ลี่ พวกเขาทั้งสามคนกลับไม่อาจต้านทาน และสิ่งที่ทำให้ตื่นตระหนกในคราวนี้คือ แม้จะรวมพลังกันถึงสามต่อหนึ่ง แต่จักรพรรดิเซียนองค์แรกยังทำให้พวกเขารู้สึกเสียเปรียบ!

ในช่วงเจ็ดหมื่นปีที่ผ่านมา แม้ไม่มีผู้ใดทะลวงเข้าสู่ขอบเขตซากปรักหักพังหวนคืนได้ แต่สถานการณ์ของจักรพรรดิเซียนองค์แรกไป๋ลี่ที่ถูกคุมขังเอาไว้กว่าเจ็ดหมื่นปีย่อมไม่ดีเท่าพวกเขาแน่นอน

ไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถฝึกฝน แม้แต่จิตวิญญาณและร่างกายยังถูกแยกออกจากกัน วิญญาณของเขาต้องปลดปล่อยจิตสำนึกที่เข้มข้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่าเจ็ดหมื่นปี ทำให้การฝึกตนและความแข็งแกร่งลดลงอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่อ่อนแอ ทว่ากลับยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นด้วยซ้ำ!

สิ่งที่ไป๋ลี่ฝึกฝนคือสิ่งที่ไป๋ชิวหรานทิ้งไว้ให้ตั้งแต่แรกเริ่ม อาจกล่าวได้ว่าการฝึกฝนของไป๋ลี่คล้ายคลึงกับการที่จักรพรรดิชิงได้รับจากจักรพรรดิตะวันออกไท่อี

แม้จักรพรรดิตะวันออกไท่อีจะเป็นเทพเจ้า แต่การศึกษาและวิธีการฝึกฝนเซียนของเขาย่อมไม่อาจเทียบเท่ากับไป๋ชิวหรานได้

ตลอดระยะเวลาสามแสนสามหมื่นปีที่ผ่านมา จิตใจของเขามุ่งไปที่การลอกเลียนแบบร่างกายของสวรรค์ริษยาเป็นหลัก และไม่มีเจตนาดีที่จะช่วยเหลือจักรพรรดิชิง ในทางกลับกัน สิ่งที่ฝึกฝนและมอบให้มาล้วนแต่มีข้อบกพร่องมากมาย แม้มันจะเป็นการฝึกฝนที่น่าสนใจ แต่วัตถุประสงค์คือเหยื่อล่อให้จักรพรรดิตะวันออกชิงเข้ามาร่วมในหมากกระดานนี้เท่านั้น

เป็นผลให้การฝึกฝนของจักรพรรดิชิงต้องพึ่งพาการช่วงชิงเคล็ดวิชาจากผู้อื่นเท่านั้น แล้วเขาจะต้องฝึกฝนมันด้วยการต่อสู้จนคุ้นเคยกับการใช้พลัง จึงจะสามารถนำมันออกมาใช้ได้ แต่สำหรับสิ่งที่ไป๋ลี่ฝึกฝนนั้นจำเป็นต้องเข้าใจทักษะอย่างถ่องแท้ อีกทั้งต้องสามารถประยุกต์ใช้และ เปลี่ยนแปลงมันได้ตลอดเวลา

เขาไม่จำเป็นต้องไปปล้นชิงผู้อื่น ด้วยคุณสมบัติของไป๋ลี่ ตราบใดที่เห็นผู้อื่นใช้ทักษะในการออกท่วงท่า เขาก็สามารถเปลี่ยนมันเป็นแบบของตนเองได้เช่นกัน

จักรพรรดิเซียนทั้งสามที่ต่อสู้กับเขาไม่เพียงแต่เห็นความลึกลับนับไม่ถ้วนในท่วงท่าของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ยังมองเห็นท่วงท่าที่ใช้ต่อสู้ ซึ่งไป๋ลี่เป็นผู้ใช้เช่นกัน

นอกจากนี้ รากฐานที่มั่นคงและพลังเซียนของจักรพรรดิเซียนองค์แรกอย่างไป๋ลี่นั้นมากกว่าทั้งสามหลายเท่า ผนวกกับประสบการณ์มากมายที่ได้รับจากการต่อสู้กว่าสามแสนสามหมื่นปี มันง่ายมากที่จะทำให้จักรพรรดิเซียนทั้งสามหวาดกลัวในการต่อสู้คราวนี้

ในการต่อสู้ ฝ่ามือของไป๋ลี่ทะลวงผ่านปราณกระบี่ของจักรพรรดิเซียนตะวันตก และประทับฝ่ามือหนักลงบนหน้าอกของเขาอย่างแน่นหนา!

จักรพรรดิชี่ทะยานเข้าโจมตีจากด้านหลัง หมัดเปลวเพลิงสมบูรณ์แบบกระแทกแผ่นหลังของไป๋ลี่ แต่ในเวลานี้ท่วงท่าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง ร่างกายคล้ายเส้นบะหมี่บิดไปมา มันนุ่มและโค้งงอได้ตามต้องการ ทั้งหมดคือสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถกระทำได้ เช่นนี้การโจมตีของจักรพรรดิชี่จึงกลายเป็นต่อยอากาศไปโดยปริยาย ก่อนจะทิ้งหลุมขนาดใหญ่ไว้ราวกับมีอุกกาบาตพุ่งลงมา

ในขณะที่หลังของไป๋ลี่บิดเบี้ยวเพื่อหลบเลี่ยงจักรพรรดิชี่ ร่างกายส่วนบนของเขาหันกลับมายกกระบี่ทองสัมฤทธิ์ขึ้นแล้วสับฟันไปที่ความว่างเปล่าด้านข้าง!

ณ ตำแหน่งนั้น จักรพรรดิเซียนเหนือถูกฟันด้วยกระบี่ในความว่างเปล่าฝ่ามือหลั่งโลหิตแดงฉานก่อนจะปรากฏตัวขึ้นบนพื้น และจักรพรรดิเฮยไม่รีรอที่จะพุ่งโจมตีจากด้านหลัง

ไป๋ลี่ขว้างกระบี่ทองสัมฤทธิ์ไปทางจักรพรรดิเฮยแล้วยกกำปั้นขึ้น ผลึกน้ำแข็งที่คล้ายกับพลังของจักรพรรดิเฮยปรากฏขึ้นบนกำปั้นของไป๋ลี่ จากนั้นเขาออกแรงต่อยจักรพรรดิชี่เต็มแรง ด้วยความได้เปรียบจากรากฐาน เช่นนี้จักรพรรดิชี่จึงล้มลงกับพื้นอย่างไม่อาจต่อต้าน

จักรพรรดิชี่ถอยหลังไปสองก้าว ใบหน้าเผยความเคร่งขึมออกมา หมัดของเขาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงกลับดับลง และถูกแทนที่ด้วยชั้นบาง ๆ ของผลึกน้ำแข็งสีน้ำเงินอ่อน

จากซ้ายและขวา จักรพรรดิเซียนตะวันตกโผล่ออกมาจากพื้นดินด้วยสีหน้าอับอาย ในขณะที่จักรพรรดิเฮยถูกไล่ล่าด้วยกระบี่ทองสัมฤทธิ์อย่างหนักหน่วง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล… ยิ่งดูน่าสมเพชนัก

“นั่นคือสามจักรพรรดิเซียนอย่างนั้นหรือ?”

ไป๋ลี่ทะยานลงมาจากอากาศ ถือกระบี่ทองสัมฤทธิ์ไว้ด้านหลัง และมีความผิดหวังเผยออกมาในแววตา

“เจ็ดหมื่นปี… ทำได้เพียงเท่านี้ หากไม่มัวแต่ต่อสู้กันเอง และพัฒนาไปพร้อมกัน ตอนนี้คงจะมีคนที่สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตซากปรักหักพังหวนคืนแล้ว และข้าคงจะเป็นผู้ที่ถูกทุบตีในวันนี้”

“ฮี่ ๆ จักรพรรดิเซียนองค์แรก แน่นอนว่าพวกเราทราบเรื่องนั้น”

จักรพรรดิชี่หัวเราะเย้ยหยัน

“แต่สำหรับพวกเราแล้ว ผู้ใดที่เป็นคนแรกในการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตซากปรักหักพังนั่นจะไม่มีวันได้กลับมา…”

หมัดของเขาจุดเปลวไฟขึ้นอีกครา ส่งให้น้ำแข็งละลายไปหมดสิ้นขณะสายตาจับจ้องจักรพรรดิชิง

“เนี่ยชิงยวิน หากไม่ทำสิ่งใด พวกเราจะถูกฝังอยู่ที่นี่!”

จักรพรรดิชิงที่กำลังรับชมการต่อสู้อยู่ด้านหลังพ่นลมหายใจเย็นยะเยือกอย่างไม่พอใจ แต่ในที่สุดก็เดินเข้าสู่การต่อสู้ร่วมกับจักรพรรดิเซียนทั้งสาม

“ต้องขอโทษแล้ว ฝ่าบาท จักรพรรดิเซียนองค์แรก”

จักรพรรดิเซียนตะวันตกโยนกระบี่ที่แตกหักในมือทิ้ง ก่อนจะเหยียดมือออกอีกครั้งเพื่อจับด้ามกระบี่ยาวสองเล่มด้านหลัง

“แม้จะเป็นท่าน ทว่าพวกเราก็ไม่คิดจะละทิ้งตำแหน่งนี้”

เขาดึงกระบี่คู่หนึ่งออกมาจากด้านหลัง เสียงแหลมคมของมันเสียดแทงใบหู กระบี่ยาวสีทองสลักเหล่าทวยเทพเอาไว้ ใบมีดสีดำแกะสลักรูปปีศาจร้าย เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองฟาดฟันออกไป อากาศทั้งหมดถูกตัดออกอย่างง่ายดายราวกับมีดร้อนที่ตัดเนย

แม้ไป๋ลี่ยังไม่อาจต่อต้าน แววตาของเขาเปล่งประกายพร้อมอุทานอย่างชื่นชม

“เป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”

กระบี่คู่นี้คงจะเป็นไพ่ตายที่จักรพรรดิเซียนตะวันตกซึ่งเก่งกาจการใช้อาวุธซุกซ่อนไว้ ไป๋ลี่สามารถเข้าใจพลังของกระบี่คู่นี้ได้ในพริบตาเพียงแค่จ้องมอง

นี่คืออาวุธที่ ‘แหลมคม’ อย่างไร้เทียมทาน เมื่อเผชิญหน้ากับมัน แม้แต่โลกใบนี้ยังเปราะบาง

จักรพรรดิเฮยและจักรพรรดิชี่ที่อยู่ด้านข้างปลดปล่อยพลังเต็มที่ด้วยเช่นกัน เปลวเพลิงลุกโชนพร้อมความหนาวเหน็บไร้ขอบเขตปะทุขึ้นจากร่างกาย ทั้งสองคนนี้มีทักษะที่ตรงกันข้าม พวกเขาจุติเป็นเทพเจ้าสององค์ที่มีไฟอันแปลกประหลาดและน้ำแข็งอันลึกลับ!

ภายใต้พลังขั้นเซียนที่มากล้น กงล้อด้านหลังศีรษะของทั้งสามเริ่มหมุนช้า ๆ เปล่งแสงหลากสีออกมา วัฏจักรสวรรค์ศึกดวงดาวปรากฏออกจนปิดบังท้องฟ้าเอาไว้ ทั้งสามยืนอยู่ในอากาศ ลมหายใจของพวกเขาราวกับว่าทั้งหมดคือผู้ปกครองท้องฟ้าทั้งหมดนี้

ในอีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิเซียนตะวันออกชิงปรากฏตัวขึ้นด้านหลังด้วยกงล้อสีฟ้า พร้อมทั้งวัฏจักรสวรรค์ศึกดวงดาวมากมาย แต่เพราะอาจเป็นอาวุโสที่อายุน้อยที่สุด คลื่นพลังของเขาจึงด้อยกว่าจักรพรรดิเซียนทั้งสามมาก และหลังจากร่างจำแลงปรากฏขึ้น เขาก็ยืนอยู่ท่ามกลางอากาศ และยังคงเว้นระยะจากคู่ต่อสู้พอสมควร

“ฮ่า ๆ ดูเหมือนว่าพวกเจ้าทั้งสามพร้อมจะเปิดไพ่ตายแล้ว”

ไป๋ลี่เหยียดยิ้ม ดวงอาทิตย์สีทองปรากฏขึ้นด้านหลังศีรษะของเขา ความสว่างของมันยิ่งใหญ่เกินจินตนาการ ท้องฟ้ากลายเป็นถูกแต่งแต้มย้อมไว้ด้วยลำแสงสีทอง เขาทะยานขึ้นสู่ด้านบนและนั่งลงบนบัลลังก์อย่างสง่างาม

จักรพรรดิเซียนองค์แรกเหนือกว่าคู่ต่อสู้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นด้านพลัง หรือคฤหาสน์สีม่วงภายใน ดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเซียนทั้งสี่องค์รวมพลังกัน วัฏจักรสวรรค์ศึกดวงดาวของเขาแทบจะกลืนกินลมหายใจลำแสงของทั้งสี่ได้ในพริบตา!

“เข้ามาสิ”

เขากระชับกระบี่ในมือ ก่อนจะส่งสัญญาณให้จักรพรรดิเซียนทั้งสี่แล้วเอ่ยคำท้าทาย

“ขอข้าดูไพ่ตายของพวกเจ้าหน่อย”