จากนั้นสายตาก็มองไปทางสวีฉางหลินที่กำลังสับเนื้อหมูอยู่ แววตาเป็นมิตรมากขึ้นไม่น้อย จากนั้นก็หมุนตัวจากไป
รอจนทางนี้เรียบร้อย คนเหล่านั้นกลับไปหมดแล้ว โจวกุ้ยหลานก็นำเนื้อหมูสิบกว่าจินใส่ลงในตะกร้า ยื่นให้หวังโหยวเกิน “ท่านอา นี่ของท่าน”
หวังโหยวเกินและบุตรชายทั้งสามมองแล้วก็สบสายตากันทีหนึ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีเนื้อหมูเยอะขนาดนี้
“นี่…นี่ของพวกเราหมดเลยหรือ? เยอะไปแล้ว!” หวังโหยวกินอุทานทีหนึ่ง
โจวกุ้ยหลานยิ้มตอบ “ท่านอา หลายวันนี้ดีที่ได้ท่านกับพี่ทั้งสามช่วย หมูพวกเรามีร้อยกว่าจิน ยังเหลืออีกหน่อย จึงได้แต่ใช้เนื้อหมูขอบคุณท่านแล้ว”
“นี่…ก็เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว เจ้าก็ให้ค่าแรงแล้วมิใช่หรือ?” ว่าแล้วหวังโหยวเกินก็ยื่นมือรับตะกร้ามาแล้วส่งต่อให้บุตรชายคนโตที่อยู่ข้างๆ เขา
บุตรชายคนโตรับมา เก็บซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าไม่อยู่เหมือนกัน
แม้บอกว่าพวกเขาสุขสบายกว่าครอบครัวอื่นในหมู่บ้าน แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่สามารถกินเนื้อหมูได้ประจำ อย่างมากก็สองสามจินฉลองเทศกาลหรือฉลองปีใหม่ แต่ทุกคนก็ได้กินแค่หมูบดเท่านั้น
“ข้าจะให้ฉางหลินไปส่งพวกท่านกลับไปนะ?” โจวกุ้ยหลานไม่เอ่ยเรื่องนี้ต่ออีก
หวังโหยวเกินโบกมือ “มีอะไรต้องส่งกัน พวกเราเดินกลับไปเองก็พอ พวกเจ้าพักผ่อนให้มากเถอะ”
กล่าวจบก็พาบุตรชายทั้งสามเดินไปทางบ้านของตัวเอง โจวกุ้ยหลานกับสวีฉางหลินส่งพวกเขาถึงปากประตู ไม่ได้ส่งอีก
“เสร็จเรื่องสักที” โจวกุ้ยหลานโล่งอก ขยับแขนของตัวเอง
บ้านหลังนี้ทำนานเหลือเกิน ทุกวันล้วนมีคนเป็นร้อย ดีที่ตอนนั้นนางให้พวกเขากลับไปกินข้าวที่บ้าน ไม่อย่างนั้นนางต้องตายแน่
อ้อใช่ เหล่าไท่ไท่ก็อีกคน
เหล่าไท่ไท่ปัดฝุ่นที่หลังของนาง เอ่ย “ต้องส่งเนื้อหมูให้บ้านลุงใหญ่เจ้าสักหน่อย”
โจวกุ้ยหลานพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว นี่ยังเหลือเครื่องในกับชิ้นส่วนอื่นของหมูและกระดูกอีกนิดหน่อยนี่ พวกเราเก็บไว้กินเองเถอะ เอาเนื้อหมูห้าจินให้ท่านลุงใหญ่ ให้อาสะใภ้สามกลับไปหนึ่งจิน”
“ก็ดี ช่วงนี้ก็เหนื่อยอาสะใภ้สามเจ้าแล้ว ให้นางบำรุงร่างกายดีๆ เถอะ”
ทั้งสองหารือพลางเดินกลับ สวีฉางหลินกับโจวต้าไห่เก็บของตรงลานบ้านเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว
เดินเข้าบ้าน จางเสี่ยวจุ๋ยกับหลิวเซียงทำอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ขึ้นโต๊ะแล้ว ทุกคนร่วมกินอาหาร โจวเหล่าไท่ไท่รั้งจางเสี่ยวจุ๋ยอยู่ในห้องครัว เฉือนเนื้อสองจินให้นางเอากลับไป
จางเสี่ยวจุ๋ยป่ายปัด เอ่ยอย่างไม่กล้า “พี่สะใภ้รอง ก่อนหน้านี้ข้าก็อาศัยท่านกับบ้านพี่ใหญ่ถึงมีกิน พวกท่านสร้างบ้านข้ามาช่วยก็สมควรอยู่แล้ว ยังจะเอาเนื้อหมูไปได้อย่างไร?”
“ตั้งเยอะตั้งแยะ เจ้าเอากลับไปกินดีๆ เถอะ ระยะนี้เจ้าก็เหนื่อยแล้ว จะปีใหม่แล้ว เจ้าจะได้ไม่ต้องไปซื้อเนื้อหมูอีก อีกอย่าง ในบ้านยังมี พวกเราไม่ได้เจาะจงไปซื้อด้วย” กล่าวจบก็ส่งเนื้อหมูในตะกร้าแล้วยื่นให้จางเสี่ยวจุ๋ย
ตอนนี้จางเสี่ยวจุ๋ยไม่บอกปัดอีก รับมา หลังจากบอกว่าพรุ่งนี้จะเอาตะกร้ามาคืนแล้วก็จากไป
รอจนจะส่งนางออกบ้านแล้ว โจวกุ้ยหลานที่หลบอยู่ในห้องจึงออกมาส่งนาง กระทั่งอีกฝ่ายไปแล้ว โจวกุ้ยหลานจึงโล่งอก
แม้การที่นางทำอย่างนี้จะไม่ถูก เพราะอีกฝ่ายก็ช่วยนางทำกับข้าว ลงแรงไปไม่น้อย นางสมควรของคุณอาสะใภ้สามคนนี้ แต่นางไม่ชอบความอ่อนแอแบบนั้นของอาสะใภ้สามเอาเสียเลย
ระยะนี้นางก็อึดอัดใจจริงๆ มักกลัวว่าจะพูดอะไรทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองใจ หรือนางจะร้องไห้ต่อหน้าตนเอง
เฮ้อ เรื่องที่สามารถใช้เงินจัดการได้ไม่ต้องใช้ไมตรีจริงๆ พรุ่งนี้คิดค่าแรงที่นางช่วยทำงานในระยะนี้ส่งไปดีกว่า แบบนี้ชีวิตนางจะได้ดีขึ้น ตัวเองก็จะได้ไม่รู้สึกซับซ้อนอย่างนี้ด้วย
ขณะกำลังคิด เหล่าไท่ไท่ก็เดินกลับมาจากลานบ้าน เห็นนางเดินออกมาจึงสั่ง “เจ้ารีบเข้าบ้านไป หนาวอย่างนี้เจ้าออกมาทำไม?”
“ท่านแม่ หรือเนื้อหมูของท่านลุงใหญ่ค่อยเอาไปให้เขาในพรุ่งนี้ดี? ท่านดูสิวันนี้ก็ค่ำมืดอย่างนี้แล้ว” โจวกุ้ยหลานหดคอ เอ่ยกับเหล่าไท่ไท่
เหล่าไท่ไท่เดินเขยกกลับมา ส่ายหน้ากับโจวกุ้ยหลาน “จะได้อย่างไร คนอื่นๆ ก็ให้ไปหมดแล้ว คืนนี้ต้องส่งไปให้ลุงใหญ่เจ้า ไม่อย่างนั้นคนเขาจะเอาไปคิดได้”
“อย่างนั้นก็ให้สวีฉางหลินเอาไปส่งเถอะ ดึกดื่นแล้วท่านอย่าออกไปเลย” โจวกุ้ยหลานเอ่ย
สวีฉางหลินที่สานกระชุอยู่ข้างในบ้านได้ยินภรรยาตัวน้อยของตนเอ่ย พลันเงยหน้ามองไป แต่จนใจที่ได้เห็นแต่กำแพง
โจวต้าไห่ที่อยู่ข้างๆ เงยหน้าขึ้น มองเขา “มีอะไรหรือ?”
“เปล่า” สวีฉางหลินตอบ จากนั้นก็สานกระชุของตนต่อ
เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ด้านนอกเดินเร็วไปถึงปากประตูกับโจวกุ้ยหลาน ตบฝุ่นบนตัว ผลักประตูเดินเข้าไป เห็นทั้งสองกำลังสานกระชุอยู่ พลันเอ่ย “เข้านอนเร็วหน่อยเถอะ พรุ่งนี้พวกเจ้าสานตะกร้าหิ้วกับตะกร้าใส่ผักมากหน่อยนะ”
โจวต้าไห่กับสวีฉางหลินรับคำ แล้วทำงานในมือต่อ
เจ้าก้อนน้อยกลับยืนขึ้น เดินไปหามารดาของตน สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างคว้าเขาให้นั่งบนเก้าอี้
พรุ่งนี้พวกเขาจะย้ายขึ้นเขาแล้ว ให้ภรรยาได้อยู่กับเหล่าไท่ไท่มากหน่อยเถอะ จะให้เจ้าเด็กเหม็นนี่เข้าไปเสนอหน้าไม่ได้
โจวกุ้ยหลานตามเหล่าไท่ไท่เข้าไปในห้องครัว เห็นหลิวเซียงกำลังต้มน้ำ โจวกุ้ยหลานสาวเท้าเดินไป มัดเนื้อหมูชิ้นนั้นด้วยเชือกฟาง ถืออยู่ในมือ “ท่านแม่ ข้าไปส่งแล้วกัน”
“เจ้าขี้หนาว ข้าไปเองดีกว่า” เหล่าไท่ไท่เอ่ย ยื่นมือไปรับเนื้อหมูจากมือบุตรสาวตน
เห็นบุตรสาวคนเล็กตัวกลมดิก กลัวว่านางจะหกล้มระหว่างทาง
โจวกุ้ยหลานยังอยากเอ่ยอะไร ทว่าหลิวเซียงที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยปาก “ไม่อย่างนั้นให้ข้าไปส่งเถอะ แค่ไปมา ไม่นานข้าก็กลับมาแล้ว”
ให้นางไปส่ง?
โจวกุ้ยหลานหันไปมอง เห็นหลิวเซียงมองทางเนื้อชิ้นนั้น
เห็นนางมองไป ยังยิ้มกับนางด้วย
นี่ก็ไม่เลว…
โจวกุ้ยหลานยิ้ม “อย่างนั้นก็ได้ รบกวนเจ้าไปสักครั้ง”
กล่าวจบก็ยื่นเนื้อหมูชิ้นนั้นให้ทางหลิวเซียง
เหล่าไท่ไท่เงียบ ปล่อยให้หลิวเซียงรับเนื้อชิ้นนั้นไป
หลิวเซียงลุกขึ้น รับเนื้อนั้นมา แล้วสาวเท้าเดินออกไป
เมื่อเห็นนางไปแล้ว เหล่าไท่ไท่ก็เดินไปตรงข้างเตาไฟ คิดจะจุดไฟ ทว่ากลับถูกจับแขนไว้ เมื่อหันหน้าก็เห็นบุตรสาวคนเล็กกำลังยิ้มอย่างมีเลศนัยกับนาง “ท่านแม่ ท่านกำลังหมางใจกับพี่ข้าไม่ใช่หรือ? หลังจากวันนี้ พวกท่านก็จะได้ดีกันแล้วล่ะ”
“นี่เจ้าพูดอะไรน่ะ?” เหล่าไท่ไท่ไม่เข้าใจ
โจวกุ้ยหลานขยับเข้าใกล้เหล่าไท่ไท่ กระซิบ “ตามหลิวเซียงไปดูก็รู้แล้วมิใช่หรือ?”
กล่าวจบ นางก็ดึงเหล่าไท่ไท่เดินออกไปข้างนอก เหล่าไท่ไท่กำลังครุ่นคิด ได้แต่ตามฝีเท้านางไป
ทำไมรู้สึกว่าบุตรสาวตนเองลึกลับจังนะ หรือว่าจะไปจับคนร้าย?