บทที่ 321 หาภรรยาให้เจ้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 321 หาภรรยาให้เจ้า

บทที่ 321 หาภรรยาให้เจ้า

หลังจากให้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ไปเดินเล่น กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือก็ไปหาข่งฟางอีกครั้ง เมื่อบอกว่าตนเองต้องการซื้อที่ดินหนึ่งร้อยหมู่ ข่งฟางก็หัวเราะอย่างหยุดไม่ได้ และรีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่าเขาจะทำให้ดีที่สุด

นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่แล้ว กู้เสี่ยวหวานไว้วางใจข่งฟางมากยิ่งขึ้น คราวนี้นางมอบเงินมัดจำให้ข่งฟางเป็นจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงเงินเพื่อหาที่ดิน ข้อกำหนดทั่วไปคือต้องอยู่ใกล้เมืองหลิวเจีย และจะดีที่สุดหากอยู่ติดกับที่ดินห้าสิบหมู่ที่นางครอบครอง

แผนการของกู้เสี่ยวหวานคือ หากในอนาคตนางสามารถมีที่ดินสองถึงสามร้อยหมู่นางวางแผนจะสร้างบ้านหลังใหญ่ และนอกจากการให้เช่าที่ดินแล้ว ตัวนางเองก็จะเก็บที่ดินไว้ให้ตนเองหนึ่งร้อยหมู่ และจะจ้างคนงานแบบระยะยาวมาเพื่อทำเกษตรกรรม แล้วจะปลูกอะไร ครั้นถึงในเวลานั้นค่อยคิดอีกที เพราะอย่างไรนางก็เป็นเจ้าของที่ดิน

ในใจของกู้เสี่ยวหวานมีความสุขมาก

เมื่อทุกคนมารวมกันอีกครั้งเวลาก็ยังเช้าอยู่ ทุกคนต่างเดินกลับบ้านอย่างช้า ๆ กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ที่ได้เงินมา เมื่อสักครู่พวกเขาออกไปเดินเล่นและซื้อของไปบ้างแล้ว เดิมทีนางก็มอบให้ฉินเย่จือด้วยเช่นกัน แต่เมื่อดูจากสีหน้าของเขาในตอนนั้น เขาทั้งอยากจะร้องไห้ทั้งอยากหัวเราะไปในเวลาเดียวกัน กู้เสี่ยวหวานคิดว่าเขาคงรู้สึกว่าชายหนุ่มเช่นเขาจะต้องการเงินของเด็กหญิงไปเพื่ออันใด และถ้ารับมาก็คงจะเสียเกียรติ แต่อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานยังคงยัดเงินไว้ในมือของฉินเย่จือและแสร้งทำเป็นไม่สนใจพลางกล่าวว่า “ช่วงนี้ทุกคนทำงานหนักแล้ว เอาเงินไปสักหน่อยแล้วเอาไปซื้ออะไรก็ได้ที่พวกเจ้าต้องการ!”

ฉินเย่จือมองเงินห้าตำลึงเงินในมือโดยไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรดี เพราะมันมีความรู้สึกต่าง ๆ ผสมปนเปกันไปหมด

นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงให้เงินตนเอง!

ฉินเย่จือรู้สึกสบายใจมาก เดิมทีนี่คือการกินข้าวนิ่ม*[1] สินะ และยังกินข้าวนิ่มของสาวน้อยอีก ฉินเย่จือไม่ปฏิเสธอีกต่อไปและนำเงินที่ได้เก็บไปในเสื้อ

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าฉินเย่จือรับเงินของนางไปแล้วก็ยิ้มออกมา

คนผู้นี้ไม่ใช่เด็กแล้ว นางก็ควรจะให้เงินเขาไว้บ้าง แต่ถ้าเขาไม่อยากใช้ก็ให้เก็บเอาไว้

“เจ้าอายุไม่น้อยแล้ว แต่ก็ยังมาอยู่ที่บ้านข้า ในอนาคตหากเจ้าจะแต่งงานข้าก็ต้องออกเงินให้อยู่ดี” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างจริงจัง

“…” ปากของฉินเย่จือกระตุก นี่…นี่คือแผนในอนาคตของเขาหรือ?

“ตอนนี้อาจจะยากไปเสียหน่อย แต่ในอนาคตข้าจะต้องหาเงินมาได้เยอะอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะหาสะใภ้ที่งดงามให้เจ้าเอง และนางจะเหมาะสมกับเจ้าแน่นอน!” เมื่อกู้เสี่ยวหวานนึกถึงอนาคตที่มีหญิงสาวที่งดงามมาอยู่เคียงข้างฉินเย่จือ นั่นคงจะเป็นภาพที่งดงามเป็นอย่างมาก

“แต่…” กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว ฉินเย่จือคิดว่ากู้เสี่ยวหวานคงจะค้นพบมโนธรรมแล้วจึงไม่กล่าวอะไรออกมา แต่เขาไม่คิดว่านางจะกล่าวออกมาอีก “ถ้าข้าหาคนที่งดงามไม่ได้ เราทุกคนล้วนเป็นคนยากจน งานหนักคือสิ่งสำคัญที่สุดของพวกเรา”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเย่จือก็พยักหน้า

อย่างไรก็ตาม ภรรยาในอนาคตของเขาต้องขยันด้วยหรือไม่?

ฉินเย่จือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ภรรยาในอนาคตของเขาแค่ขยันใช้เงินก็พอแล้ว

เพราะยังเหลือเขาที่ขยันอยู่อีกไม่ใช่หรือ!

กู้เสี่ยวหวานยังคงจะกล่าวอะไรต่อ แต่ฉินเย่จือรีบกล่าวขัดจังหวะขึ้นมาและมีสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย “เสี่ยวหวาน เช่นนั้นพวกเราก็ซื้อเกวียนวัวไม่ดีกว่าหรือ?”

เดิมทีฉินเย่จือต้องการซื้อรถม้า เพราะในอนาคตเขาและกู้หนิงผิงก็คงต้องเป็นคนขับ ฉินเย่จือ…ผู้สง่างาม…ต้องไปขับเกวียนวัว

ภาพเช่นนั้น…

ฉินเย่จือที่คิดว่าในอนาคตตนเองต้องอยู่กับวัว ในใจก็รู้สึกหดหู่ แต่ตอนนี้ครอบครัวกู้ยังไม่ต้องการใช้รถม้า เมื่อซื้อมาก็มีแต่จะทำให้เสียเงินเปล่า ถ้าซื้อวัวก็ยังสามารถเอามาไถนาได้

กู้เสี่ยวหวานหุบปากของนางทันที และกล่าวโดยไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ เพราะนางวางแผนซื้อมันมานานแล้ว “ไปเถอะ พวกเราไปซื้อเกวียนกัน!”

ทั้งหมดเดินทางไปยังคอกวัว

กู้เสี่ยวหวานเลือกอยู่นาน จนในที่สุดก็พบกับแม่วัวที่แข็งแรง เมื่อแม่วัวแข็งแรงก็ยากที่จะป่วย

เมื่อเลือกวัวได้แล้ว กู้เสี่ยวหวานก็เลือกเกวียนขนาดใหญ่

“เถ้าแก่ พวกข้าซื้อทั้งวัวและเกวียน ท่านช่วยดูให้หน่อยว่าราคาสามารถถูกลงกว่านี้อีกหน่อยได้หรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามเสียงหวาน และจ้องไปที่เถ้าแก่ร้านด้วยความคาดหวัง

ตั้งแต่ที่พวกกู้เสี่ยวหวานเข้ามาในร้าน เจ้าของร้านก็จ้องมองพวกเขาอยู่แล้ว คนที่โตที่สุดสวมชุดยาวสีขาวพระจันทร์ แม้ว่าเนื้อผ้าจะดูธรรมดา แต่เมื่อเขาสวมใส่อยู่กลับดูหรูหรา นั่นทำให้ผู้คนไม่กล้าจะดูถูกเขา และสาวน้อยด้านหลังที่มีอายุประมาณแปดเก้าปี แต่นางดูเฉลียวฉลาดและช่างสังเกต

และยังถามชายหนุ่มข้างกายเป็นครั้งคราว

กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามโดยตรงเลยว่าสามารถลดราคาให้ถูกลงกว่านี้ได้หรือไม่ และนางก็ขี้เกียจจะถามลูกจ้าง เพราะมีเพียงเจ้าของร้านเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจเรื่องแบบนี้ได้ ดังนั้นนางจึงวิ่งไปถามเถ้าแก่ของร้าน

เมื่อเจ้าของร้านเห็นว่าเด็กโตไม่ยอมเปิดปาก และเด็กสาวผู้นี้มาถามเขาแทน เขาจึงรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย ดูเหมือนว่าสาวน้อยผู้นี้จะเป็นผู้ดูแลครอบครัวนี้อยู่ เถ้าแก่ไม่กล้าเมินเฉยจึงเดินเข้าไปหานางในทันที

“สาวน้อย แม่วัวที่เจ้าเลือกเป็นวัวที่แข็งแรงที่สุดในคอกของข้า และแม่วัวตัวนี้เพิ่งคลอดลูกได้เพียงสองตัว ในอนาคตมันจะออกลูกมากขึ้นเรื่อย ๆ และเกวียนของที่นี่ล้วนทำจากไม้ฮวายเนื้อแข็ง” เจ้าของร้านคุยโวโอ้อวดสิ่งของในร้านของเขา

กู้เสี่ยวหวานรู้ดีว่าเจ้าของร้านอย่างไรก็คงจะโอ้อวดสิ่งของในร้านตนเองอยู่แล้ว

ในตอนที่เพิ่งมาก็ได้เอ่ยถามไปแล้ว และเขาก็บอกว่าในร้านของเขาเป็นของแท้ทั้งหมด

“เถ้าแก่ ที่พวกเรามาที่นี่เพราะรู้ว่าสินค้าของท่านมีคุณภาพดี และเรามาที่นี่เพราะชื่อเสียงของท่าน ดูสิ ถ้าเราซื้อของชิ้นใหญ่เช่นนี้ ท่านก็ลดราคาให้อีกหน่อยเถอะ” เจ้าของร้านโอ้อวดได้ กู้เสี่ยวหวานก็ทำได้เช่นกัน

“โอ้ สาวน้อยผู้นี้ช่างเจรจาเสียจริง ได้ ถ้าสาวน้อยมีความสุข ข้าก็จะมีความสุขเช่นกัน ข้าจะลดราคาให้เจ้า ปกติแล้วถ้าขายแม่วัวตัวนี้ให้ผู้อื่นข้าจะคิดราคายี่สิบตำลึงเงิน แต่ข้าลดราคาให้เจ้าเหลือสิบแปดตำลึงเงิน ส่วนเกวียนเหลือห้าตำลึงเงิน ทั้งหมดก็ยี่สิบสามตำลึงเงินพอดี สาวน้อย ถ้าเป็นผู้อื่นมาซื้อ แม้แต่ตำลึงเงินเดียวข้าก็ไม่ลดให้หรอกนะ!” ในชั่วพริบตา กู้เสี่ยวหวานก็เห็นได้แล้วว่าเถ้าแก่ร้านเป็นนักธุรกิจ เขาต้องกล่าวเช่นนี้เพื่อให้กู้เสี่ยวหวานมีความสุขอยู่แล้ว

*[1] กล่าวถึงผู้ชายที่ต้องพึ่งพาผู้หญิง เลี้ยงชีพด้วยการเกาะผู้หญิงกิน