ตอนที่ 326 รั่วราวกับตะแกรงอยู่แล้ว

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 326 รั่วราวกับตะแกรงอยู่แล้ว

รองแม่ทัพโจวส่ายหน้า “ม้าแก่สองตัวยังพอจะขนของได้ แต่ถ้าให้เป็นม้าศึกคงทำไม่ได้ตามเกณฑ์ เรื่องชดเชยให้พวกเจ้านั้น ท่านแม่ทัพกัวก็พยักหน้าเห็นด้วยแล้ว ไฉนเลยจะมีการริบของรางวัลที่เคยยกให้กลับคืน ? ”

เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี ! กว่าจะใช้น้ำและหญ้าในมิติน้ำพุวิญญาณ อ้อ ยังมีข้าวโพดบางส่วนจากมิติน้ำพุวิญญาณมาบำรุงร่างกายเจ้าม้าแก่สองตัวนี้ทีละนิด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้ารองแม่ทัพโจวคิดกลับคำขึ้นมา ช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ของนางก็จะไม่เท่ากับเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์หรือ ?

หมูสองตัวรวมกันแล้วมีน้ำหนัก 400 กว่าชั่ง ราคา 1 ชั่งคือ 40 อีแปะ รวมกันแล้วก็ตกเป็นเงิน 17 ตำลึง หลินเว่ยเว่ยหยิบเงินออกมาจ่าย ก่อนจะขับเกวียนเทียมม้าออกจากหมู่บ้านต้าจง

“ผู้ใหญ่บ้าน เมื่อครู่ท่านเห็นหรือไม่ ? เด็กสาวที่มีพลังประหลาดของหมู่บ้านฉือหลี่โกวเป็นอย่างที่เล่าลือกันจริงๆ หมูตัวหนึ่งที่ต้องใช้ผู้ชายแบกถึงสองคน ทว่านางสามารถยกขึ้นเกวียนได้ด้วยมือเดียว ข้าเกือบจะคิดว่าหมูตัวนั้นทำมาจากปุยฝ้ายด้วยซ้ำ ! ” ชายวัยกลางคนของหมู่บ้านต้าจงกลืนน้ำลาย แววตายังแฝงไปด้วยความเหลือเชื่อไม่จางหาย

อาจงชีเก็บเงินเรียบร้อย หลังได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “แปลกตรงไหน ? ญาติผู้น้องของข้าเป็นผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวง หมู่บ้านของพวกเขาเผชิญภัยจากหมูป่าและเพราะกู่เหนียงน้อยตระกูลหลินคนนี้พาพวกผู้ชายในหมู่บ้านฉือหลี่โกวไปปราบ ปัญหาจึงจบลงได้ หมูป่าหกเจ็ดตัวที่บุกเข้ามาในหมู่บ้าน นางใช้กับดักจับไปได้สองตัว แถมยังฆ่าตายด้วยมือเปล่าอีกหนึ่งตัว ส่วนที่เหลือนั้นชาวบ้านฉือหลี่โกวและต้าฝางจวงช่วยกันจับ”

“ว่าอย่างไรนะ ? เด็กสาวเช่นนางฆ่าหมูป่าตัวเป็น ๆ ได้หรือ ? เป็นเรื่องจริงเช่นนั้นหรือ ? ” ชายวัยกลางคนไม่กล้าเชื่อ แต่เขาก็รู้ว่าอาจงชีไม่เคยคุยโวโอ้อวดมาก่อน ดังนั้นไม่อยากเชื่อก็คงต้องเชื่อ !

“คราวก่อนตอนที่ญาติผู้น้องเอาผักป่ามาให้ข้า เขาเป็นคนเล่าเอง ! ” อาจงชียังกล่าวอีกว่า “รอบหมู่บ้านต้าฝางจวงมีหมูป่าอาศัยอยู่บนหุบเขา ด้านในมีหมูป่าไม่รู้ตั้งเท่าไร ญาติผู้น้องของข้าจึงไปขอความช่วยเหลือจากหลินกู่เหนียง แล้วหนึ่งเดือนต่อจากนั้นเขาก็พาชาวบ้านขึ้นเขา แต่ไม่เห็นหมูป่าเลยสักตัว ต้าฝางจวงประสบภัยแล้งรุนแรง ต้องขอบคุณที่หลินกู่เหนียงคนนี้ขึ้นไปจัดการหมูป่าบนเขาให้ พวกเขาถึงได้กล้าไปเก็บผักป่าและผลไม้ป่ากิน ผักป่าตากแห้งรวมกับข้าวสารบรรเทาทุกข์ที่ได้รับมา จึงทำให้พวกเขาไม่ต้องทนหิวโหยในฤดูหนาวนี้แล้ว ! ”

ผู้ใหญ่บ้านต้าจงรู้สึกชื่นชม “กู่เหนียงคนนี้ทำเรื่องดีงาม…”

“เรื่องดี ๆ ที่นางทำไม่ได้มีแค่นี้หรอก เหตุใดฉือหลี่โกวจึงตกเป็นเป้าของพวกกบฏน่ะหรือ ? ก็ไม่ใช่เพราะว่าร่ำรวยเงินทองและไม่ขาดแคลนอาหารหรือไร ! กู่เหนียงน้อยตระกูลหลินไม่เพียงสนใจแต่ครอบครัวตนเอง ทว่านางยังพาคนทั้งหมู่บ้านร่ำรวยไปพร้อมกัน แค่เก็บลูกสนกลับมา แต่ละบ้านก็ได้เงินหลายสิบตำลึงแล้ว ! ยังมีพวกเด็กสาวและลูกสะใภ้ที่มือเท้าคล่องแคล่วขึ้นเขาไปเก็บผลไม้ป่ามาขายให้ตระกูลหลินเพื่อช่วยสร้างรายได้ให้ครอบครัวอีกทาง…”

อาจงชีมองถุงเงินในมือ หมูที่บ้านของตนต้องใช้เวลาเลี้ยงหนึ่งปีเต็มถึงจะได้เงินสิบกว่าตำลึง คนหมู่บ้านฉือหลี่โกวทำงานแค่เดือนกว่าก็ทำเงินได้เท่ากับรายได้ต่อปีของตนแล้ว ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก ! ’

ชายวัยกลางคนเกาท้ายทอยแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “เหตุใดคนเช่นนี้จึงไม่โผล่มาในหมู่บ้านเราบ้าง ? ”

ผู้ใหญ่บ้านต้าจงทำตาขวางใส่เขาทันที “คนที่เก่งกาจเช่นนี้ หลายร้อยปีถึงจะมีสักคน เจ้าคิดว่าจะมีสิ่งที่เจ้าอยากได้ให้เก็บไปเสียทุกที่หรือไร ? ตื่นเถิด เลิกฝันกลางวันได้แล้ว ! ”

“จริงสิ ! บุตรสาวคนเล็กของข้ายังไม่ได้บอกว่าชอบใคร ข้าจะให้คนไปสืบว่าทางหมู่บ้านฉือหลี่โกวยังมีเด็กหนุ่มวัยเหมาะสมกันหรือไม่…” ชายวัยกลางคนตบหน้าผากตนเอง…ข้าฉลาดจริง ๆ เลย !

แต่อาจงชีกลับส่ายหน้าแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “กว่าเจ้าจะคิดได้ คนอื่นเขาคิดได้กันตั้งนานแล้ว ตอนนี้เด็กหนุ่มในหมู่บ้านฉือหลี่โกวต่างถูกแย่งชิง ! แม้แต่บ้านที่มีเด็กสาวก็ยังถูกแม่สื่อมาตามสอบถามจนธรณีประตูแทบพัง ! ผู้ที่ยอมแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงก็มีให้เห็นนับไม่ถ้วน ! ”

เกวียนเทียมม้าเคลื่อนที่ไปตามถนนบนหุบเขา หลินเว่ยเว่ยและเจียงโม่หานนั่งอยู่บนเกวียนโดยเท้าทั้งสองข้างห้อยอยู่นอกตัวเกวียน หลินเว่ยเว่ยแกว่งขาไปมา ปากก็ฮัมเพลงผิดทำนองไปด้วย “มือซ้ายมีหมูหนึ่งตัว มือขวามีหมูหนึ่งตัว ด้านข้างยังมีบัณฑิตน้อย ล้า ลา ลัน ลันลา…”

เจียงโม่หานหมุนตัวไปหยิบกระบุงสะพายหลังของหลินเว่ยเว่ยมาถือไว้แล้วเปิดผ้าคลุมออก…ด้านในว่างเปล่า หลินเว่ยเว่ยหันไปมองเขาพลางถามว่า “เจ้าหาสิ่งใดอยู่ ? ”

เจียงโม่หานส่ายหน้า “ข้าเห็นเจ้าชอบหยิบของที่คาดไม่ถึงออกมาให้คนอื่นบ่อย ๆ ข้าจึงอยากดูว่าในกระบุงของเจ้ามีสิ่งใดอยู่บ้าง ? ”

“อ้อ ! เจ้าหมายถึงห่อขนมที่ข้าให้รองแม่ทัพโจวน่ะหรือ ? เดิมทีข้าเตรียมไว้ให้เรากินระหว่างทาง ข้าถามเจ้าก็บอกว่าไม่หิว ข้าจึงให้คนอื่นไปแล้ว…เจ้าหิวแล้วหรือ ? ” เป็นธรรมดาที่หลินเว่ยเว่ยจะเตรียมข้ออ้างไว้แล้ว เพราะไม่ว่าอย่างไรตอนนำออกมา เขาก็ไม่ได้พลิกดูกระบุงก่อน

เจียงโม่หานมองนาง “ถ้าข้าบอกว่าหิว เจ้าจะกลับไปทวงขนมกลับมาหรือ ? ”

“ขนมนั่นเอากลับมาไม่ได้อยู่แล้ว แต่…ข้ามีเนื้อแผ่นห่อหนึ่ง เจ้าจะกินหรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยควานหาไปมาในแขนเสื้อ ในที่สุดนางก็หยิบห่อกระดาษขนาดไม่ใหญ่และไม่เล็กออกมา เนื้อแผ่นที่นางทำจากเนื้อหมูป่าก็หอมยิ่งกว่าสิ่งใดเสียอีก !

ต่อจากนั้นนางก็หยิบออกมากินหนึ่งชิ้น ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งอร่อย นางเป็นคนชอบกินขนมและชอบกินขนมรูปแบบใหม่ ๆ ด้วย เนื้อหมูแผ่น เนื้อหมูหั่นเต๋าเหล่านี้เก็บได้นาน ทำครั้งหนึ่งกินได้อีกนาน พอฤดูหนาวมาเยือนแล้ว คนในครอบครัวก็จะมารวมตัวกันที่เตียงเตา และขนมสักจานถือเป็นของกินเล่นที่ขาดไม่ได้ !

เจียงโม่หานมองปากของนาง จากนั้นก็รับห่อเนื้อแผ่นมาถือไว้แล้วเริ่มกินโดยไม่เกรงใจ

หลินเว่ยเว่ยลอบถอนหายใจ วันนี้ผ่านไปได้อีกหนึ่งครั้งแล้ว ต่อไปคงต้องเอาของออกจากมิติน้ำพุวิญญาณเวลาอยู่ต่อหน้าเขาให้น้อยลงบ้าง บัณฑิตหนุ่มเป็นคนฉลาดถึงเพียงนี้ ต้องโดนเขาจับไต๋ได้ง่ายแน่นอน ! นางยังครุ่นคิดต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้เจียงโม่หานหยุดสงสัย แต่ไม่รู้ว่าต่อหน้าเจียงโม่หานนั้น ตัวตนของนางรั่วราวกับตะแกรงอยู่แล้ว !

พลบค่ำ ในที่สุดเกวียนก็วิ่งมาถึงหมู่บ้านฉือหลี่โกว ในเวลาเดียวกันนั้นก็บังเอิญเจอกองทหารชาวบ้านซึ่งมีหลิวต้าซวนเป็นผู้นำในการเดินตรวจตรา หลินเว่ยเว่ยฉีกยิ้มทักทายเขา “ลุงต้าซวน พรุ่งนี้ที่บ้านจะฆ่าหมู อย่าลืมมากินหมูด้วยกัน ! ”

พวกหลิวต้าซวนหยุดยืนข้างเกวียน ขณะมองหมูตัวอ้วนสองตัวบนเกวียน เขาก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “โอ้ ! หมูอ้วนดีจัง ! ได้เลย ! พรุ่งนี้ข้าไปแน่ ! ”

ขณะมองทั้งสองคนขับเกวียนไปหยุดที่หน้าบ้านตระกูลหลิน หนึ่งในสมาชิกกองทหารชาวบ้านก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาหลิวต้าซวน “พี่ต้าซวน บ้านพวกพี่กับบ้านตระกูลหลินสนิทกันมากเลย ! ”

หลิวต้าซวนจึงพูดติดตลก “ข้าน่ะ ได้ดีจากน้องสะใภ้ ! เจ้าเองก็รู้ว่าน้องสะใภ้ของข้าเป็นคนมีน้ำใจ ไม่ว่าบ้านใครเกิดเรื่อง หากช่วยได้นางก็จะช่วยเสมอ ในเรื่องความสัมพันธ์นี้ หากไม่ใช่เจ้าช่วยข้า ข้าก็ช่วยเจ้า ย่อมสามารถเติมความอบอุ่นให้กันได้”

สมาชิกคนอื่นรู้สึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะตอนที่บ้านตระกูลหลินยากลำบาก พวกตนเอาแต่ยืนมองเฉย ๆ เช่นนั้นแล้วจะไปขอให้บ้านตระกูลหลินปฏิบัติกับพวกตนอย่างเท่าเทียมได้อย่างไร ? ดูเอาเถิด ตอนนี้บ้านที่คบหากับนางหวง มีครอบครัวใดบ้างที่ไม่ได้รับการดูแลจากตระกูลหลิน ? มีเรื่องดี ๆ ก็นึกถึงพวกนั้นก่อน

“กลับมาแล้ว ! พวกเรากลับมาแล้ว ! ” นกแก้วขนแหว่งกระพือปีกบินข้ามกำแพง จากนั้นก็เริ่มพูดเสียงดังลั่น พอผลักประตูเข้ามา เจ้าดำก็ได้ยินเสียงของพวกนางแล้ว ตอนนี้มันจึงรออยู่ข้างในเพื่อต้อนรับอย่างกระตือรือร้น