บทที่ 396 จุดจบของจี้เม่าซวิน

เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของจี้หมิงซู สีหน้าของคนจวนจี้กั๋วกงเหล่านี้เรียกได้ว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

บางคนรู้สึกหลุดพ้นจากความแค้น เห็นได้ชัดว่าสาปแช่งจี้หมิงซูให้ตายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน บางคนกลับรู้สึกกลัว กังวลว่าจะเป็นฝีมือของจี้จือฮวนหรือไม่ บางคนก็มองไกลออกไป รู้สึกว่าความหวังสุดท้ายของพวกเขาไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว

อย่างไรเสียก็ล้วนเติบโตมาในตระกูลที่ร่ำรวย จู่ ๆ ตกลงมาจากฟ้ากลายเป็นเชลยที่ต่ำต้อยยิ่งกว่าสาวใช้ ความรู้สึกนั้นแค่คิดก็เข้าใจได้แล้ว

จี้จือฮวนไม่เชื่อว่าพวกนางจะไม่แค้นตัวนางเอง และก็ไม่สามารถดีใจกับนางได้อย่างแท้จริง

มีเสียงไอดังออกมาจากในห้อง เมื่อเห็นจี้จือฮวนมองเข้าไป พวกนางจึงเอ่ยขึ้นมา “พ่อของเจ้า อ้อ ไม่ใช่ ท่านลุงใหญ่น่ะ ก่อนหน้านี้เขาล้มป่วยอาการยังไม่ดีขึ้น มักจะไออยู่ตลอดเวลา หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าจะไม่ไหวเอา”

ด้วยการแพทย์ในสมัยโบราณ หากเขาไอเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องตายอย่างแน่นอน

จี้จือฮวนบอกว่าทุกคนในจวนจี้กั๋วกงสามารถไปเอายารักษาได้ แต่ต้องใช้แรงแลกมา มีเพียงจี้เม่าซวินเท่านั้นที่ทำไม่ได้

ดังนั้นจึงไม่มีใครเอายาไปให้เขา

“ตายก็ตายไปเถอะ คนเราสักวันก็ต้องตาย เขาตายไปก็นับว่าเป็นโชคดีของเขาแล้ว”

จี้จือฮวนไม่มีน้ำใจที่จะแบ่งปันกับจี้เม่าซวินอีกแล้ว นางจึงหมุนกายจากไปทันที

เมื่อนางจากไปแล้ว คนกลุ่มนั้นจึงถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา เพราะกลัวว่านางจะไม่พอใจแล้วจะมาระบายความโกรธกับพวกนาง

แต่ในใจก็รู้สึกคับแค้น “หากไม่ใช่เพราะความชั่วที่พวกเขาก่อ จะทำให้พวกเราลำบากไปด้วยได้อย่างไร”

“รีบตายไปเร็ว ๆ ก็ยิ่งดี”

แน่นอนว่าจี้เม่าซวินได้ยินเสียงของจี้จือฮวนแล้ว เขาอยากจะคลานออกไปถาม อย่างไรเสียเขาก็เลี้ยงนางมาถึงสิบหกปี ความผูกพันนี้ยังไม่เพียงพอให้ลูกสาวอกตัญญูอย่างนางหันมาตอบแทนเลยอย่างนั้นหรือ?

แต่ใครจะคิดว่าเขากลับไม่มีแรงแม้แต่จะปีนลงมา

อีกทั้งยังได้ยินคนของจวนจี้กั๋วกงสาปแช่งเขาให้ตายเร็ว ๆ อีกด้วย ทำให้เขาโมโหจนแทบสิ้นลมหายใจ แต่ก็ยังด่าออกมา “พวกเจ้ามันพวกสารเลวใจดำ เมื่อก่อนข้าดูแลพวกเจ้าไม่ดีหรืออย่างไร ปกติเรียกได้ว่าสนิทสนมยิ่งกว่าอะไร แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมาจริง ๆ ก็กลายเป็นข้าที่เป็นคนผิดแต่เพียงผู้เดียว พวกเจ้าช่างปัดความผิดได้พ้นตัวจริง ๆ!

ใครก็หนีไม่พ้นทั้งนั้น รอหมิงซูกลับมา นางจะต้องมาเอาชีวิตของพวกเจ้า รอนางแต่งกับองค์ชายรองได้เป็นฮองเฮา ข้าก็จะได้เป็นพ่อตาของฮ่องเต้!”

จี้เม่าซวินด่าไม่จบไม่สิ้น เสียงแม้จะไม่ดังมากแต่ก็ไม่ได้ทำให้เงียบสงบเหมือนก่อนหน้านี้ พวกนางจะไม่ได้ยินได้อย่างไรกัน เมื่อก่อนทุกคนเคารพพวกเขา และคอยหลีกทางให้พวกเขา ทว่าตอนนี้ยังจะต้องกลัวอะไรอีก?

“ฝันกลางวันอะไรของเจ้ากัน แต่งกับองค์ชายรองอย่างนั้นหรือ? จี้หมิงซูตายไปแล้ว ทำความชั่วไว้มากย่อมพิฆาตตัวเอง ตอนนั้นหากเจ้าดีกับจี้จือฮวนเสียหน่อย จะทำให้พวกเราต้องมาลำบากเช่นตอนนี้อย่างนั้นหรือ!? ไม่มีใครจัดงานศพให้เจ้าอีกแล้ว คราวนี้เจ้ามีความสุขหรือยัง!”

จี้เม่าซวินราวกับถูกสายฟ้าฟาด “เจ้าพูดว่าอะไรนะ? เจ้าบอกว่าใครตายกัน!”

เขามองไปทางประตู ก่อนจะร่วงลงมาจากเตียงเพราะความตกใจ ทั้งยังพยายามคลานมาหาพวกนาง “เจ้าบอกว่าใครตายกัน! หมิงซูฉลาดเพียงนั้น นางไม่มีทางตายง่าย ๆ นางต้องหาวิธีมาช่วยข้า ข้าเป็นพ่อของนาง ข้าเป็นพ่อแท้ ๆ ของนางนะ!”บราวนี่ออนไลน์

“พ่อแท้ ๆ? พ่อแท้ ๆ มีประโยชน์อันใดกัน ไม่สู้เจ้าไปประจบเอาใจจี้จือฮวนจะดีกว่า ให้นางดีกับพวกเราหน่อย! ตอนนั้นเหตุใดเจ้าถึงได้ตาบอดเพียงนั้นกัน ลูกสาวภรรยาเอกมีไม่รัก กลับไปรักลูกสาวของอนุ ข้าว่าเจ้าเสียสติไปแล้วจริง ๆ นั่นแหละ!”

จี้เม่าซวินน้ำท่วมปาก นางนับว่าเป็นลูกสาวภรรยาเอกของเขาอะไรกัน ก็แค่มายึดตำแหน่งเอาไว้ก็เท่านั้น ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเขาเสียหน่อย นางสารเลวเซี่ยชิงหรู ก่อนจะแต่งเข้ามาก็ได้ตั้งครรภ์แล้ว ทำให้เขากลายเป็นไอ้โง่! ความแค้นนี้เขาจะทนได้อย่างไรกัน

แต่เขาก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน หากว่าตอนนั้นไม่หลงเชื่อคำของเซี่ยฉงฟาง สอดมือเข้าไปยุ่ง เขาก็คงไม่ต้องแต่งกับเซี่ยชิงหรู และไม่ต้องตกอับเช่นนี้

ใครจะคิดว่าจี้จือฮวนจะเป็นยมบาลที่มีชีวิตเช่นนี้กัน!

“นางก็ต้องไม่ตายดี ลูกสาวของข้าตายแล้ว จี้จือฮวนก็ไม่มีทางมีชีวิตที่ดี!” จี้เม่าซวินยังอยากที่จะสาปแช่งจี้จือฮวนต่อ ทำให้ทุกคนตกใจกันเป็นอย่างมาก รีบคว้าเอาโคลนที่อยู่บนพื้นยัดใส่ปากของเขา อุดเอาไว้อย่างแน่นหนา

จี้เม่าซวินเดิมก็มีอาการไออยู่แล้ว และควรต้องพักผ่อนให้มาก แต่เมื่อถูกกระตุ้นทำให้โมโหเช่นนี้ จึงหายใจไม่ออกและสลบไป

เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ถูกกลิ่นของอาหารดึงดูดความสนใจ ในหมู่บ้านกำลังมีการเฉลิมฉลองอะไรกัน? แต่จี้เม่าซวินก็ไม่มีสติที่จะไปสนใจอีกแล้ว เวลานี้เขาหิวจนไส้กิ่วไปหมดแล้วเพราะไม่ได้ทำงานและนอนอยู่บนเตียงมาหลายวัน จึงไม่มีข้าวร้อน ๆ ให้กิน วันนี้ยังทะเลาะกับพวกผู้หญิงในตระกูลเหล่านั้นอีก ปากก็เต็มไปด้วยโคลน ยิ่งจี้เม่าซวินคิดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งเศร้า น้ำหูน้ำตาจึงไหลเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้า

“ด้านหน้ากำลังแจกไข่แดง ข้าจึงเอามาให้ท่านสองใบ” สาวใช้ที่เด็กที่สุดของจวนจี้กั๋วกงเดินเข้ามา วางไข่ไก่สีแดงสองใบไว้ตรงหน้าของเขา

เห็นเขามีสภาพเช่นนี้แล้ว ก็ถอนหายใจออกมา “พี่จี้จือฮวนจะแต่งงานแล้ว แม้ว่าท่านมักจะพูดว่านางสู้จี้หมิงซูไม่ได้ แต่ข้าคิดว่าหากตอนนั้นท่านทำดีกับนางบ้าง วันนี้ท่านก็คงไม่เป็นเช่นนี้”

นางเอ่ยจบ ก็หมุนตัวออกไปทันที

จี้เม่าซวินไม่สนใจเรื่องไร้สาระที่นางพูดพวกนั้น เขารู้แค่ว่าไข่สีแดงสดนั้นมีกลิ่นหอมมาก เขาไม่ได้กินไข่มานานมากแล้ว เขาจึงคว้าไข่และยัดเข้าปากโดยไม่แม้แต่จะปอกเปลือกด้วยซ้ำ

“อ๊ากกกก” เดิมในปากก็มีโคลนอยู่แล้ว ประกอบกับกินอย่างรวดเร็ว ไข่แดงแห้ง ๆ จึงติดอยู่ที่ลำคอผสมกับดินโคลน กลืนไม่เข้าคายก็ไม่ออก

จี้เม่าซวินดวงตาเบิกโพลง ตะเกียกตะกายต้องการคลานออกไปหาคนช่วย

ทว่ากลับสายเกินไปเสียแล้ว ความรู้สึกหายใจไม่ออกแล่นขึ้นมาทันที ความทรมานจากการหายใจไม่ออกทำให้เขาหมดลมไปตรงนั้น พร้อมกับไข่แดงที่ยังไม่ได้กลืนอยู่ในปาก

ศพของเขาถูกคนพบในวันรุ่งขึ้น คนของจวนจี้กั๋วกงไม่กล้าจัดการ และกลัวจะเป็นความผิดที่ปกปิดไม่รายงาน ที่สำคัญก็คือเขาดันมาตายในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ นี่ไม่เท่ากับเป็นเรื่องอัปมงคลหรอกหรือ?

ใครจะคิดว่าพวกเขาที่ไปบอกจี้จือฮวนด้วยอาการตัวสั่นงันงก แต่นางกับสงบนิ่งกว่าใคร

“ตายแล้วก็เอาไปฝัง พวกเจ้าเป็นครอบครัวของเขา จะจัดงานศพเช่นไรไม่จำเป็นต้องมาบอกข้า”

ในหมู่บ้านจัดงานแต่งอย่างเอิกเกริก พวกเขามีเงินจัดงานศพให้จี้เม่าซวินที่ใดกัน สุดท้ายก็ทำได้แค่เอาเสื่อฟางในบ้านของเขามาห่อร่างเอาไว้ และหาพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ขุดหลุมฝังโดยไม่มีการตั้งป้ายชื่อใด ๆ ภายใต้การจับตามองของกองทัพทหารเกราะเหล็ก

แต่ตอนนี้ทุกคนก็ได้เห็นถึงความโหดร้ายของจี้จือฮวนแล้ว เดิมยังคิดว่าจะได้เห็นนางเสียน้ำตาเพื่อพ่อแท้ ๆ สักหยดสองหยดเสียอีก

จี้จือฮวนไม่มีเวลาว่างมาสนใจพวกเขาว่าจะเป็นจะตายเช่นไร เพราะทุกคนล้วนมีวิถีชีวิตของตัวเอง

วันที่ยี่สิบแปด อากาศปลอดโปร่ง เหมาะที่จะจัดงานแต่ง

คนทั้งหมู่บ้านได้เริ่มทำงานตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว พวกท่านป้านวดแป้งกันอย่างขะมักเขม้น เพื่อทำซาลาเปาสี่สุขสูตรของหมู่บ้านตระกูลเฉิน นี่เป็นของที่จะมีเฉพาะตอนปีใหม่เท่านั้น แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้ยากจนเหมือนแต่ก่อนเพราะมีเงินแล้ว แต่ซาลาเปาสี่สุขนี่ก็ยังถือเป็นตัวแทนคำอวยพรของพวกเขา

หลังจากจี้จือฮวนอาบน้ำเสร็จ องค์หญิงใหญ่ก็เป็นคนแต่งตัวให้นางด้วยตัวเอง

“ยามเหม่า*เผยจื่อต้องไปขอบพระทัยฮ่องเต้ในวัง ตอนนี้คงพาขบวนสู่ขอมาแล้ว”

* ยามเหม่า (卯时) หมายถึง ช่วงเวลา 05.00–07.00น.

จี้จือฮวนสวมชุดสีแดงตั้งแต่ชั้นในจนถึงชั้นนอก อยู่มาสองชาติเพิ่งจะได้แต่งงานเป็นครั้งแรก นางจึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

“ยามเหม่าก็ต้องเข้าในวังแล้วหรือเจ้าคะ?”

“ความจริงแล้วได้มีการลดทอนขั้นตอนไปหลายอย่าง เพราะกำหนดการแต่งงานกระชั้นชิดมาก ดังนั้นทุกอย่างจึงเรียบง่าย มิเช่นนั้นแค่ของพระราชทานจากวังหลวง บทร้องของเจ้าหน้าที่พิธีการ หากเรียงลำดับแล้ว เกรงว่าเที่ยงกว่า ๆ จึงจะออกเดินทางได้”