บทที่ 364 ปล่อยวาง หมดทุกข์

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

“เสี่ยวถาง” สือมูเฉินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : “ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? ยังเจ็บอยู่ไหม? แล้วหวันหว่านล่ะ เธอทำอะไรอยู่?”

ถึงแม้จะยังเจ็บอยู่เล็กน้อย แต่หลานเสี่ยวถางยังคงพูดว่า : “ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว ส่วนหวันหว่านเพิ่งจะกินนมเสร็จ หลับไปแล้ว”

“อืม” สือมูเฉินกล่าว : “ฉันปรึกษากับโอวหยางจวิ้นแล้ว รอให้ร่างกายของคุณฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติแล้ว เขาก็จะให้ตระกูลเพอร์เซลล์ส่งเฮลิคอปเตอร์รับคุณกลับมาทันที”

“โอเค!” หลานเสี่ยวถางพูดว่า : “ฉันคลอดธรรมชาติ โดยปกติแล้วคลอดธรรมชาติอยู่โรงพยาบาลสามวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว อย่างนั้นอีกสามวันเราก็จะกลับไปเลย ดีไหม?”

“ดีสิ” จริงๆแล้วสือมูเฉินอยากเจอพวกเธอแม่ลูกอย่างมาก แต่ทางด้านเพอร์เซลล์นี้จะต้องเซ็นสัญญาถึงจะปล่อยคนไป ดังนั้นเขาจึงเตรียมการสำหรับการลงนามทั้งหมดอย่างเร่งด่วน โดยพยายามทำทุกอย่างให้เสร็จภายในสามวัน

อีกอย่าง เนื่องจากสัญญาบางฉบับเกี่ยวข้องกับ Times Group วันนี้สือมูเฉินจึงต้องบินกลับไปที่หนิงเฉิง นำเอกสารที่เป็นหัวใจสำคัญออกมา ขณะเดียวกันก็ต้องไปประชุมกับผู้ถือหุ้นคนอื่นๆด้วย

“เสี่ยวถาง ดูแลตัวเองกับลูกดีๆนะ สองวันนี้ก็ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น เราจะกลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเร็วๆนี้!” สือมูเฉินกล่าว

“อืม” หลานเสี่ยวถางยิ้ม : “มูเฉิน ฉันรู้ว่าคุณทำได้ทุกอย่างจากที่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ฉะนั้นฉันจึงเชื่อมั่นคุณมาตลอด!”

“เสี่ยวถาง คุณมีลูกสาวที่น่ารักให้กับฉัน ฉันซาบซึ้งใจอย่างมาก” สือมูเฉินพูดว่า : “คุณกดเปิดวิดีโอหน่อยสิ ฉันอยากเห็นคุณกับหวันหว่าน”

หลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นมองโอวหยางจวิ้น : “โอวหยางจวิ้น กดเปิดวิดีโอให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

โอวหยางจวิ้นคิ้วขมวด เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร รู้สึกไม่อยากเห็นภาพครอบครัวของทั้งสามคนที่ดูอบอุ่นเช่นนี้ เพราะมันทำให้เขาดูเหมือนคนหัวเดียวกระเทียมลีบคนหนึ่ง

เมื่อในอดีต ครอบครัวมักจะหาคู่แต่งงานที่เหมาะสมให้เขาตลอด แต่เพียงเพราะว่าไม่มีคนที่คู่ควร และเป็นที่น่าพึงพอใจ ฉะนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการหมั้นหมายใดๆ

เมื่อก่อนเขารู้สึกว่าตัวคนเดียวมันดีมาก การแต่งงานก็เป็นเพียงวิธีที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลมีเสถียรภาพมั่นคงขึ้น

แต่ตอนนี้เห็นภาพครอบครัวของหลานเสี่ยวถางมีความสุขและปรองดองกัน เขายอมรับเลยว่า ในใจของตนเองรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าไม่อยากมอง มีความอิจฉาริษยา ไม่ชอบความรู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้เลย แต่ก็กลับควบคุมมันไว้ไม่ได้

เขากดเปิดวิดีโอให้หลานเสี่ยวถาง หลังจากนั้นก็หันกลับออกไป

สือมูเฉินมองไปยังเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆหลานเสี่ยวถาง เพียงแค่เห็นใบหน้าเล็กๆของเธอ หัวใจของเขาก็ละลายไปหมด

เขาอยากจะอุ้มเธอมากๆ อยากบอกกับเธอว่า เขารักเธอและแม่ของเธอมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวเล็กจะฟังอะไรไม่เข้าใจก็ตาม

เพราะว่าอีกสักครู่เขาต้องบินไปที่หนิงเฉิง และอีกอย่างสือมูเฉินเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของหลานเสี่ยวถาง เห็นได้ชัดว่าอ่อนล้าอย่างมาก ฉะนั้นเขาจึงหยุดวิดีโอคอลกับเธอ เพื่อให้สองวันนี้เธอได้พักผ่อน รอเจอหน้ากันอีกครั้ง

สิบชั่วโมงต่อมา ในที่สุดสือมูเฉินก็มาถึงหนิงเฉิง

เวลามีจำกัดมาก เขาถึงขั้นกับไม่มีเวลาเจ็ตแล็ก เพียงแต่ชงกาแฟเข้มๆให้กับตนเอง แล้วก็เรียกประชุมผู้ถือหุ้นเลย

ในที่สุดก็จัดการให้ผู้ถือหุ้นทั้งหมดได้อย่างยุติธรรมแล้ว จากนั้นก็จัดการกับเอกสารสำคัญของ Times Group เมื่อสือมูเฉินทำงานเสร็จเรียบร้อย ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว

เพราะเช้าวันพรุ่งนี้ต้องบินกลับไปที่อเมริกา สือมูเฉินนึกถึงอะไรบางอย่าง ด้วยเหตุนี้จึงไปหาโจวเหวินซิ่วที่อยู่โรงพยาบาล

ตั้งแต่ครั้งนั้นที่โจวเหวินซิ่วถูกหลานเล่อซินผลักล้มลงไปจนสูญเสียความทรงจำ ก็เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว

ตั้งแต่ครั้งนั้นมาสุขภาพของเธอก็เริ่มเสื่อมโทรมถดถอยลง บางครั้งเธอก็นอนหลับเป็นเวลานาน

เมื่อสือมูเฉินมาถึงโรงพยาบาล พยาบาลก็พาเขามาที่ห้องของโจวเหวินซิ่ว

เมื่อเธอเห็นเขา ก็ยังคงจำเรื่องในอดีตไม่ได้ แล้วก็ไม่คิดว่าตนเองจะมีลูกชายที่โตขนาดนี้ แต่เพราะว่าสือมูเฉินมาบ่อย ดังนั้นเธอจึงรู้จักชายหนุ่มตรงหน้าที่อ้างว่าเป็นลูกชายของเธอ

“แม่ครับ” สือมูเฉินนำของวางลงบนโต๊ะ : “ช่วงนี้สุขภาพคุณเป็นอย่างไรบ้าง? แล้วตอนกลางวันทำอะไร?”

โจวเหวินซิ่วเคยชินกับการที่สือมูเฉินเรียกเธอว่า ‘แม่’แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้โต้แย้งประเด็นนี้ แต่พูดตอบกลับว่า : “เมื่อวานตอนกลางวันฉันไปเดินเล่นข้างล่าง ดูดอกไม้ในสวนที่กำลังเบ่งบาน สีสันมันสดใสมาก จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่า แปลงดอกไม้ที่บ้านของฉัน ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง”

สือมูเฉินตอบว่า : “แปลงดอกไม้เจริญเติบโตดี อีกทั้งคุณยังมีหลานสาวเพิ่มมาอีกคนด้วยนะ”

เขาพูดจบ ก็หยิบมือถือของตนเองขึ้นมา

เมื่อกี้ที่วิดีโอคอลกับหลานเสี่ยวถาง สือมูเฉินบันทึกภาพเอาไว้ด้วย ดังนั้นเขาจึงนำรูปของหวันหว่าน ยื่นไปให้โจวเหวินซิ่วดู

โจวเหวินซิ่วหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม แล้วมองไปที่หน้าจอ

เจ้าตัวน้อยบนหน้าจอหลับตาพริ้ม ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู ในทันทีที่ภาพมากระทบสายตา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความทรงจำที่อยู่ส่วนลึกๆของสมอง

“มูเฉิน! มูเฉิน!” โจวเหวินซิ่วพูดอย่างตื่นเต้นว่า : “นี่คือรูปมูเฉินลูกชายของฉันใช่ไหม?”

สือมูเฉินส่ายหัว : “แม่ นี่คือรูปลูกสาวของมูเฉิน คุณดูสิ เธอรูปร่างหน้าตาสวยงามขนาดนี้ เหมือนเด็กผู้ชายซะที่ไหนกัน?”

“พูดจาเหลวไหล!” บนใบหน้าของโจวเหวินซิ่วเต็มไปด้วยรอยย่น มีความเย่อหยิ่งและภูมิใจ : “สือมูเฉินของฉันตอนที่คลอดออกมา ก็หน้าตาสะสวย ทุกๆครั้งที่พยาบาลเข้ามาตรวจ ก็จะเข้ามาอุ้มเขาโดยเฉพาะเลย!”

“จริงเหรอ?” สือมูเฉินมองแม่ของตนเอง จิตใจหวั่นไหวเล็กน้อย

ถ้าไม่เคยผ่านเรื่องเหล่านั้นมา ก็น่าจะสมบูรณ์แบบอย่างมากใช่ไหม?

โจวเหวินซิ่วในตอนนี้จะรู้บ้างไหม ว่าเธอเคยไม่ปรารถนาให้หลานสาวที่น่ารักน่าชังคนนี้ที่อยู่บนหน้าจอเกิดมาบนโลกใบนี้?

“มูเฉิน——” โจวเหวินซิ่วกุมมือถือไม่ปล่อย เป็นเวลานาน จึงเงยหน้าไปมองสือมูเฉิน: “ให้ฉันอุ้มหน่อยได้ไหม?”

สือมูเฉินกล่าวอธิบายว่า: “ตอนนี้เธอไม่อยู่บ้าน รอให้เธอโตขึ้นหน่อย เดี๋ยวจะอุ้มออกมาให้คุณดูนะ”

สีหน้าของโจวเหวินซิ่วเสียดายเล็กน้อย เธอพยักหน้า แล้วคล้อยสายตามองลงบนหน้าจอต่อไป

นึกอะไรขึ้นได้ เธอจึงเอ่ยปากว่า: “เด็กน้อยเพิ่งจะเกิด อย่าห่อจนมิดชิดเกินไปนะ โดยเฉพาะฤดูร้อน จะเกิดผดผื่นคันได้ง่าย จำไว้ว่าต้องเลี้ยงด้วยน้ำนมแม่ ในน้ำนมแม่มีสิ่งที่ช่วยต่อต้านไวรัสได้ เด็กได้ดื่มแล้วจะทำให้ไม่ป่วยง่าย……”

สือมูเฉินได้ยินเธอเริ่มกำชับสั่งโดยไม่สนใจอะไร ภายในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไขว้เขว

เขาเคยถูกเธอเลี้ยงดูปกป้องอย่างละเอียดรอบคอบแบบนี้ไหม?

เขาใจสั่นเล็กน้อย ชำเลืองตามองโจวเหวินซิ่ว: “แม่ คุณคิดถึงลูกชายของคุณมากเลยใช่ไหม?”

“ใช่สิ คุณพูดเสมอว่าคุณคือลูกชายของฉัน แต่เมื่อฉันเห็นคุณโตขนาดนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าไม่เหมือนเลย” โจวเหวินซิ่วกล่าว: “แต่ฉันก็รู้ว่าฉันแก่แล้ว ดังนั้นพอคิดๆแล้วก็ทำได้เพียงเชื่อในสิ่งที่คุณพูด”

สือมูเฉินยิ้มแล้วกล่าวว่า: “ฉันเป็นลูกชายของคุณจริงๆ ไม่ว่าคุณจะจำได้หรือไม่ สายเลือดผูกพันกัน ไม่มีทางผิดแน่นอน”

โจวเหวินซิ่วได้ฟังคำพูดของเขาแล้ว ก็เงยหน้าขึ้น มองสือมูเฉินอย่างจริงจัง

เธอรู้สึกได้ว่า ในสมองตนเองคล้ายกับมีอะไรบางอย่าง เป็นภาพอะไรบางอย่างที่เลือนราง ค่อยๆทับซ้อนขึ้นมากับสือมูเฉินในเวลานี้

ดูเหมือนว่า เขาจะเป็นลูกชายของเธอจริงๆ!

แต่เวลานี้ จู่ๆด้านนอกก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังเข้ามา จากนั้น ก็มีคนเปิดประตู แล้วพุ่งเข้ามา

สือมูเฉินที่เดิมทีนั่งอยู่ข้างเตียง ได้ยินการเคลื่อนไหว ก็ลุกขึ้นยืนทันที แต่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหลานเล่อซิน!

หลานเล่อซินคล้ายกับคลุ้มคลั่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าบนตัวก็ขาดวิ่น เท้าเปลือยเปล่า พุ่งเข้ามาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง คล้ายกับสัตว์ที่คลุ้มคลั่ง

สือมูเฉินขมวดคิ้วแน่น กลัวว่าหลานเล่อซินจะทำร้ายโจวเหวินซิ่ว จึงรีบยื่นมือออกมา จะคว้าตัวเธอเอาไว้

แต่หลานเล่อซินคล้ายกับคลุ้มคลั่งขึ้นมาจริงๆ มีพละกำลังมากจนทำให้คนตกใจ สือมูเฉินจะจับเธอ ก็ไม่สามารถจับเอาไว้ได้ แต่เธอกลับรีบก้าวเท้า เดินไปหน้าตู้ที่อยู่ข้างๆ

“ฉันไม่อยากฉีดยา! ไม่อยากนอน!” หลานเล่อซินคว้ามีดขึ้นมา จี้ไปที่ลำคอของตนเอง แล้วตะโกนเสียงดังไปยังคนที่รีบมาถึงหน้าประตูว่า: “ถ้าพวกคุณยังมายุ่งกับฉันอีก ฉันจะฆ่าผู้หญิงคนนี้ซะ!”

สือมูเฉินงุนงงเล็กน้อย หลานเล่อซินจี้คอตนเอง แล้วพูดว่าจะฆ่าใคร?

คุณหมอที่อยู่ข้างๆกล่าวว่า: “ประธานสือ ตอนนี้หลานเล่อซินเป็นโรคจิตเภท ทุกวันมักจะคิดว่าตนเองเป็นสองคน ตอนนี้ หนึ่งในนั้นก็อยากจะฆ่าอีกคนหนึ่ง”

สือมูเฉินพยักหน้า เดินไปยังโจวเหวินซิ่ว: “แม่ ตรงนี้อันตรายมาก ฉันจะประคองคุณออกไปก่อนนะ”

โจวเหวินซิ่วพยักหน้า ลุกขึ้นตามที่สือมูเฉินบอก คนทั้งสองเดินไปยังด้านนอก

แต่เวลานี้ หลานเล่อซินที่ถือมีดจะฆ่าตัวเองอยู่จู่ๆก็แทงตัวเอง ความเจ็บปวดที่แพร่เข้ามา บวกกับเลือดสีแดงฉานที่พุ่งพรวดออกมา อีกคนหนึ่งในตัวเธอก็กรีดร้องออกมาอย่างตกใจ

เธอหันตัวกลับทันที ชนเข้ากับอะไรไม่รู้บางอย่าง และพยายามหาคนที่จะฆ่าเธอคนนั้น

แต่ด้านหลังของเธอ ไม่มีอะไรเลย

และเวลานี้ มีเสียงกรีดร้องของพยาบาลดังขึ้นมา สือมูเฉินสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ พอหันหน้ากลับไป ก็เห็นว่าตู้เมื่อกี้นี้ถูกหลานเล่อซินชนอย่างรวดเร็ว ด้านบนมีสิ่งของที่กำลังจะตกลงมาใส่เขาโดยตรง

ไม่ว่าการตอบสนองของคนจะเร็วแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับสิ่งของที่ตกอย่างอิสระที่มีระยะใกล้แบบนั้นได้ เท้าของสือมูเฉินกำลังจะยกขึ้น สิ่งของก็สัมผัสกับหนังศีรษะของเขาแล้ว

เพียงแต่ความเจ็บปวดที่คาดการณ์เอาไว้ยังไม่ทันได้เข้ามา ร่างของเขาก็ถูกแรงอันมหาศาลแรงหนึ่งผลักทันที จากนั้น สิ่งของก็ตกลงบนศีรษะของผู้สูงอายุที่อยู่ข้างๆ!

ในขณะนั้น โลกทั้งใบก็แทบจะเงียบสงัด สือมูเฉินหันหน้าไปมองโจวเหวินซิ่วอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

ศีรษะของเธอที่ถูกเครื่องมือเหล็กกระแทกโดยตรง ในทันใด ก็มีเลือดสีแดงสดไหลออกมา และไหลจนเต็มใบหน้าของเธออย่างรวดเร็ว

ร่างกายของเธอที่ขดงออยู่บนพื้น เดิมทีคนก็อายุมากแล้ว แต่พอมองแบบนี้แล้ว ก็ดูเหมือนหลังค่อมจนผิดรูป

“แม่!” สือมูเฉินตะโกนอย่างตื่นตระหนก: “คุณหมอ รีบห้ามเลือดเร็วเข้า!”

ทางด้านหลานเล่อซินที่เชือดคอตนเอง เวลานี้ ภายในของเต็มไปด้วยเลือดแดงฉาน เธอหมดเรี่ยวแรงล้มลงกับพื้น พยาบาลที่อยู่ด้านข้างจะเข้ามาช่วยชีวิต แต่ก็ไม่ทันแล้ว

การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วอย่างมาก หลานเล่อซินตายแล้ว โจวเหวินซิ่วจะเป็นจะตายก็ยังไม่รู้ ถึงแม้หมอที่เคยชินกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิต ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจต่อสถานการณ์นี้

ด้วยเหตุนี้ จึงมีคนรีบเข้ามาห้ามเลือดให้โจวเหวินซิ่ว แล้วก็มีพยาบาลที่รีบออกไป เตรียมเครื่องมือทางการแพทย์

บริเวณโดยรอบพลุกพล่านวุ่นวาย แต่โจวเหวินซิ่ว ค่อยๆเคลื่อนสายตาอย่างช้าๆ

สายตาของเธอที่เดิมทีไม่ชัดเจน หลังจากเห็นสือมูเฉินแล้ว ก็ค่อยๆรวมจุดโฟกัส ในที่สุด ก็โฟกัสได้

“มูเฉิน——” เธอเรียกเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง

“แม่ คุณไม่ต้องพูด เดี๋ยวหมอจะมาช่วยแล้ว” สือมูเฉินยื่นมือออกไป กุมมือที่แห้งเหี่ยวของโจวเหวินซิ่ว: “ทำไมคุณถึงโง่เง่าแบบนี้ ฉันเป็นผู้ชาย ถูกกระแทกแค่เล็กน้อยไม่เป็นอะไรหรอก แต่คุณ——”

“ขอโทษ” เสียงของโจวเหวินซิ่วสั่นเล็กน้อย: “มูเฉิน ขอโทษ…..”

หัวใจของสือมูเฉินสั่น มีการคาดเดาอะไรบางอย่าง